ทันทีที่เห็นเรือนร่างสมส่วนโดยเฉพาะสะโพกกลมกลึงที่อยู่ภายใต้ผ้าโสร่งลายดอกไม้สีสดใส มือเรียวกำลังกำสายยางรดน้ำต้นไม้บริเวณหน้า ‘สปารุ้งงาม’
“แป๋ม”
“คะ”
เปรมวดีหันมาตามเสียงเรียกแต่เธอเผลอหันสายยางฉีดน้ำพ่นมาทางผู้มาเยือน แต่โชคดีที่ช่างภาพหนุ่มรวดเร็วพอที่จะกระโดดหลบน้ำที่พ่นมาทางเขาได้ทัน
“ว๊าย! ชิน! ขอโทษนะแป๋มใจลอยไปหน่อยไม่ได้ตั้งใจ”เธอรีบปิดน้ำแล้วเข้าไปดูผลงานทีไม่ได้ตั้งใจของตนเอง
“ไม่เป็นไรถ้าตั้งใจคงเปียกไปแล้วละ” ชินยังยิ้มทะเล้นให้เหมือนเคย แม้เขาจะไม่ได้เจอเพื่อนเก่ามานานแต่ไม่ยากนักที่จะรื้อฟื้นความผูกพันที่เคยมี
“เข้ามาเช็ดตัวในบ้านเอ๊ย!ร้านก่อนซิ” เปรมวดีเชิญเข้าไปพักในห้องรับแขก “กล้องเป็นอะไรหรือเปล่า”
“โธ่!แทนที่จะถามว่าเราเป็นอะไรมั๊ย” ชินทำหน้าน้อยใจแต่กลับเรียกเสียงหัวเราะสดใสของหญิงสาวอออกมาได้
“มองก็รู้แล้วนี่ว่าชินไม่เป็นอะไรแล้วชินมีธุระอะไรกับแป๋มหรือเปล่า” เธอพูดพร้อมยื่นผ้าขนหนูสีขาวสะอาดสะอ้านส่งให้เพื่อน
“ต้องมีธุระเหรอถึงจะมาหาได้”
“บ้าซิ! เพื่อนกันพูดแบบนั้นได้ไง” หญิงสาวหัวเราะร่าดวงตากลมโตเปล่งประกายร่าเริง
‘ถ้าอยากเป็นมากกว่าเพื่อนจะได้ไหม’ ชินไม่ได้พูดในสิ่งที่คิดหรอก เขายกน้ำสมุนไพรขึ้นดื่มแก้เขิน ผู้ชายที่เต็มไปด้วยความมั่นใจอย่างเขาก็เขินเป็นเหมือนกันโดยเฉพาะเวลาอยู่ต่อหน้าหญิงสาวที่สั่นหัวใจเขาให้หวั่นไหว
“ผ่านมาเลยแวะมาหาเฉยๆ นะ”
“เหรอ...แปลว่าคิดถึงละซิ” หญิงสาวหัวเราะคิกคักแล้วเลื่อนจานขนมใกล้มือชายหนุ่ม “ลองกินขนมชั้นซินี่แม่เราทำเองนะอร่อยมาก”
“ฮืม...อร่อยจริงๆ ด้วยแหะ รสชาติเหมือนเดิมเลยนะ”
“ยังจำได้เหรอ” เปรมวดียิ้ม “หลายปีแล้วนะ”
“เราไม่เคยลืมหรอก” ชินสบตาดวงตากลมโตของหญิงสาวตรงหน้า “จะมีเพื่อนสักกี่คนที่คอยให้กำใจคนอื่นด้วยการเอาขนมฝีมือแม่มาแจกเพื่อนนะ”
“แหม! ก็เราไม่มีปัญญาซื้อขนมของกินแพงๆ นี่” เปรมวดีโบกมือไปมา “สารภาพเลยก็ได้ว่าเรางกเสียดายเงินล่ะ”
“น่าจะเรียกว่าน้ำใจมากกว่าถ้าตอนนั้นเราไม่มีแป๋มคอยให้กำลังใจเราคงไม่มีวันนี้” เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจังจนเปรมวดีเป็นฝ่ายอึ้ง เมื่อถูกจ้องมองราวกับจะกลืนกินเธอก็ได้แต่ยกมือขึ้นเสยผมยาวของตนแก้เขิน
“แต่เราว่า...เรียกว่างกก็น่าจะได้นะขนาดรดน้ำต้นไม้เองไม่จ้างคนสวนเนี่ย”
“ตาบ้า!” หญิงสาวทำแก้มป่องแสนงอนแต่ก็รู้สึกผ่อนคลายลงกว่าเมื่อครู่ “ก็อยากทำเองนี่น่า”
“มีอะไรให้เราช่วยได้ก็บอกนะเรายินดีและเต็มใจช่วยเพื่อนเสมอ” ‘ตอนนี้ก็คงเป็นเพื่อนกันไปก่อนแหละ’
“ใครจะกล้าไปใช้ช่างภาพอย่างชินเล่า”
“เรายังเป็นช่างภาพยาจกเหมือนเคยนั้นแหละ” เขามองไปรอบๆ บริเวณสปา “น่าจะมีรูปถ่ายการให้บริการนะเผื่อว่าจะดึงดูดและเรียกลูกค้าได้มากขึ้น”
“ยังไงเหรอ” เปรมวดีทำหน้างง
“ก็รูปแนะนำเป็นคอร์สๆ ไง สมมติว่าเป็นคอร์สนวดแผนโบราณก็มีรูปพนักงานกำลังนวดมีขวดน้ำมันหรือสมุนไพรอะไรบ้างลูกค้าจะได้เห็นก่อนที่จะเลือกใช้บริการ”
“อ้อ!” เธอพยักหน้าเข้าใจ “ก็อยากได้อยู่เหมือนกันแต่เราถ่ายรูปไม่สวย”
“โธ่!เอะอะจะทำเองหมดทุกอย่างเลยหรือไง” ชินเผลอปล่อยก๊ากออกมา “อย่าทำเป็นหมดทุกอย่างเลยแบ่งให้คนอื่นทำบ้างเถอะ”
“ก็เราไม่มีปัญญาจ้างช่างภาพนี่นะ”
“ก็ใครให้จ้างละเราเต็มใจทำให้นะ”
“จริงเหรอ”
“เห็นเราเป็นคนชอบโกหกหรือไงกัน”
“บ้าซิ! พูดจาเป็นคนแก่หัวล้านขี้น้อยใจไปได้” เธอหัวเราะเสียงใสชอบบรรยากาศแบบนี้มากกว่าเมื่อตอนที่เขาจ้องมองด้วยสายตาวาววับเหมือนชายหนุ่มมองหญิงสาว
“พรุ่งนี้เราว่างเรามาถ่ายภาพให้ก็ได้ เราขอค่าแรงเป็นข้าวสามมื้อก็พอ อ้อ! แต่ค่าอัดภาพแป๋มจ่ายเองนะ”
“เรื่องอาหารการกินกับค่าอัดรูปไม่ต้องเป็นห่วงหรอกแต่แป๋มไม่ว่างนะซิ”
“ออกเดตเหรอ”
“เฮ้ย!จะกลับบ้านที่สมุทรสงครามยะ” เปรมวดีค้อนควับเข้าให้ “ไม่ได้กลับบ้านมาสองสามอาทิตย์แล้วแม่บ่นจะแย่”
“ไม่เป็นไรวันไหนก็ได้” เขาเองก็รู้สึกเสียดายอยู่ไม่น้อย “อ้อ!มีคนโทรมาติดต่อเรื่องขอใช้สถานที่ถ่ายแฟชั่นหรือยัง”
“ฮืม...พี่น้อยบอกเราแล้วละแล้วชินจะมาด้วยไหม”
“มาซิ” ‘เอานะยังมีโอกาสทำคะแนนอีกเยอะ’
“เราจะได้เตรียมขนมไว้ให้ชินเป็นพิเศษ”
เปรมวดีพูดคุยกับชินอย่างสนิทสนมโดยไม่รู้เลยว่ามีดวงตาสีเทาเข้มจ้องมองอย่างไม่พอใจแต่ก็ฝืนเก็บอาการไว้ คานันยืนลังเลอยู่ครู่ใหญ่แล้วเขาไม่แน่ใจว่าควรเข้าไปทักหญิงสาวตอนนี้เลยหรือไม่ถึงแม้เขาจะมีนัดกับเธอก็ตามที
“เอ่อ...คุณคะ...คุณ” พี่น้อยอึกอักเพราะเห็นหน้าตาพ่อหนุ่มร่างสูงใหญ่ไม่ใช่คนเอเชียทำให้ไม่มั่นว่าจะสื่อสารอย่างไรดี
“ครับ” คานันตื่นจากภวังค์หันมายิ้มบางๆ ให้
“ดิฉันจะเรียกแป๋มให้มั๊ยคะ” พี่น้อยพาแขกมาส่งแล้วกลับไปอาน้ำดื่มมาเสิร์ฟแต่พ่อหนุ่มอาหรับยังยืนนิ่งอยู่ราวกับใครไปเทซีเมนต์ไว้ที่ขาทำให้เขาไม่ขยับก้าวไปข้างหน้า
“ไม่เป็นไรครับผมนั่งรอที่อื่นดีกว่า”
“แต่คุณมีนัดนี่คะ”พี่น้อยพูดพลางมองดูสองหนุ่มสาวที่ยังพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน
“นัดของผมไม่สำคัญนักหรอกครับ” เขาไม่คิดว่าตัวเองจะพูดอะไรที่แสดงอาการ ‘น้อยใจ’ออกไปได้
“ถ้าอย่างนั้นเชิญคอยที่ห้องทำงานของแป๋มดีกว่าคะ”
“ก็ได้ครับ ขอบคุณมาก”
พี่น้อยยิ้มรับแล้วเดินนำหน้ามาที่ห้องทำงานของเปรมวดี เธอเองก็รู้สึกถูกชะตากับหนุ่มอาหรับนิสัยแสนจะสุภาพคนนี้ และด้วยประสบการณ์ชีวิตแค่ปรายตามองนิดเดียวก็รู้ว่าชายหนุ่มคิดอะไรอยู่ในใจ แต่มันเป็นเรื่องของหัวใจที่เธอเข้าไปก้าวก่ายไมได้
“นั่งรอตามสบายนะคะ”
“ขอบคุณอีกครั้งครับ”
คานันทรุดตัวนั่งที่เก้าอี้ในห้องทำงานของเปรมวดีที่ตบแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้เป็นส่วนใหญ่ ที่มุมห้องมีต้นไม้ให้ความรู้สึกสดชื่นผ่อนคลาย วันนี้เขามีนัดกับหญิงสาวเจ้าของสปาเดินทางไปสมุทรสงครามเพื่อชมโฮมสเตย์ริมคลอง เขาเองก็ไม่แน่ใจว่าโครงการโฮมสเตย์นี่เป็นความคิดของท่านราเฟย์หรือพระชายาอารยากันแน่
แม้ว่าคำสั่งงานจะออกมาจากท่าราเฟย์แต่ความคิดแนวนี้น่าจะมาจากพระชายามากกว่า และเขาก็ไม่อยากเดาว่าการที่ได้อยู่ประเทศไทยนานขึ้นอีกสองสัปดาห์เป็นเรื่องดีหรือไม่ หรือว่าท่านราเฟย์ไม่อยากให้เขาอยู่ขวางหูขวางช่วงฮันนีมูนก็ไม่รู้ ช่างเถอะ! ท่านราเฟย์ตอนนี้ไม่ใช่ท่านราเฟย์คนเก่านอกจากจะเป็นพ่อที่ขี้เห่อลูกชายแล้วยังขี้ห่วงภรรยาสาวแสนสวยที่รู้ทั้งรู้ว่าทั่วแผ่นดินบาฮาเนียไม่มีใครกล้าทำร้ายแน่ๆ
“ทำไมมาถึงแล้วไม่ไปตามแป๋มละคะ” เสียงสดใสดังขึ้นทันทีที่ผลักบานประตูห้องเข้ามา “แป๋มนึกว่าคุณจะมาเย็นกว่านี้”
ต้องขอโทษคุณแป๋มด้วยผมกลัวรถติดก็เลยออกมาเร็ว”
“ไม่เป็นไรคะแป๋มว่างอยู่แล้วพอดีคุยกับเพื่อนเก่าเพลินไปหน่อย เดี๋ยวของแป๋มอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแป๊บหนึ่งนะคะ”
“ตามสบายครับ”
คานันถอนหายใจหนักๆ ทันทีเมื่อหญิงสาวหมุนตัวกลับออกไปแล้ว โธ่! แค่พูดว่า ‘อาบน้ำ’ สมองของเขาก็ปรากฏภาพที่ชวนวาบหวามในใจ
เฮ้อ! เขาจะทำยังไงกับผู้หญิงคนนี้ดีนะ จะลงโทษยังไงให้สาสมกับที่มาปั่นป่วนในใจเขาแบบนี้.