เชลยทรายทาสชีคเถื่อน ตอนที่ 10

1497 Words
เสียงทรงไปด้วยอำนาจกระซิบเครียดข้างหูหอมกรุ่น เป็นการตอกย้ำว่าเธอคิดผิดมหันต์ที่ทำเช่นนี้ ขนในกายของหญิงสาวลุกชันขึ้นทั้งร่าง “ขะ...ข้า” เมื่อพูดโกหกแล้วไม่คิดว่าจะเป็นภัยมหันต์ หญิงสาวอ้ำอึ้งที่จะแก้ตัว เขาคงไม่เชื่ออีกต่อไป เธอควรยอมรับชะตากรรม หรือสารภาพบอกเขาใหม่ มาราตีสั่นไหวจนพูดไม่ออก ได้แต่ตกตะลึงจนร่างกายแทบขยับไปไหนไม่ได้ “เจ้าควรหยุดพูด หยุดด่าว่าข้า แล้วเตรียมเสียงร้องครวญครางจะดีกว่า” อัฟฟานกระซิบเสียงดุเป็นการสำทับ ก่อนคำพูดทุกอย่างจมหาย ใบหน้าคมเข้มเข้าสัมผัสเรือนร่างเปลือยเปล่า มาราตีครวญครางแทบขาดใจจริงๆ ตามที่เขาบอก ไม่ว่าจะสัมผัสผิวเนียนนุ่มตรงส่วนไหน ส่วนนั้นก็เหมือนจะส่งผลให้ร่างสาวสะท้านเยือกไปทุกครา ไรหนวดเขียวครึ้มถูไถจนผิวเนื้อผ่องแดงเรื่อขึ้นทันตาเห็น แต่กลับเพิ่มอารมณ์กระสันซ่านจับใจ มาราตีดิ้นหนีจนอ่อนแรงก็หนีเขาไม่พ้น อัฟฟานยิ่งจะเพิ่มแรงบีบเคล้นขบดูดยิ่งขึ้น เธอนอนนิ่งรับชะตากรรมด้วยหยาดน้ำตาไหลพราก ไม่คิดว่าเธอจะต้องพลีกายให้ชีคเถื่อนโหดร้ายเช่นเขา สิ่งที่หวงแหนมาตลอด 18 ปี ต้องตกเป็นของคนที่ไม่เห็นคุณค่า ทุกอย่างเกิดขึ้นปราศจากความรัก มีเพียงความใคร่ล้วนๆ เท่านั้นที่หญิงสาวรับรู้ เธออยากกัดลิ้นตายเสียให้รู้แล้วรู้รอด “ในเมื่อเจ้าไม่ใช่สาวบริสุทธิ์ ข้าคงไม่ต้องโอ้โลมมาก” อัฟฟานกระซิบเสียงเครียด มาราตีกลัวจนสั่น ไม่รับรู้ว่าเขาพูดอันใด เมื่อขบเม้มเรือนร่างสาวไปทั่วสรรพางค์กาย ชายหนุ่มจึงแยกเรียวขาขาวเนียนออกจากกัน “อย่า!!!” คำพูดถูกกลืนหายเข้าไปในลำคอ เมื่อความแข็งแกร่งโจนจ้วงหาเรือนกายสาว เสียงกรีดร้องอู้อี้ ความฟิตแน่นที่ไม่สามารถทำให้เขากดกายเข้าหาได้ ทำให้ชีคหนุ่มชะงักนิ่ง สรรพสิ่งรอบกายดูเหมือนจะหยุดนิ่งไปพร้อมกัน เขามองหน้าเธออย่างตะลึงไปชั่วขณะ ก่อนจะสบถอย่างหัวเสียเมื่อเขาโดนเธอหลอก!!! ... แต่แล้วก็ต้องกระตุกยิ้มพึงพอใจ เมื่อเขาเป็นผู้ครอบครองความบริสุทธิ์ลึกล้ำที่สุดในร่างสาวน้อยที่คอยแต่พยศไม่ยินยอมง่ายๆ ริมฝีปากหยักลึกขบเม้มกลีบปากสีสดดูดดุนอย่างดูดดื่ม ร่างสูงใหญ่ถอดถอนเรือนกายแกร่งออกเชื่องช้า หญิงสาวคลายความอึดอัดตึงแน่นที่กลางกายสาว แอบดีใจลึกๆ ที่เขากำลังจะจากไป เธอคงจะหายเจ็บปวดทรมาน แต่เขากลับเข้าไปใหม่ในกลีบเนื้อนุ่มอีกครั้ง แบบที่เธอไม่ทันตั้งตัว มาราตีจิกมือแน่นที่ลำแขนกำยำ ส่ายใบหน้าหนีด้วยความเจ็บปวด ความอึดอัดคับแน่นทำให้เขาแทบคลั่ง เธอรับรู้ถึงตัวตนที่ยิ่งใหญ่อลังการ น้ำตาไหลพรากด้วยความเสียใจแต่ไม่ทั้งหมด เพราะมีบางอย่างทำให้เธอไม่ได้คิดเช่นนั้น “เจ้าผิดเองที่หลอกลวงข้า” ชีคหนุ่มตอกย้ำความผิดของสาวน้อยแสนดื้อ ... ไม่มีคำขอโทษ ไม่มีคำปลอบโยน เขาถอนตัวออกและโจนจ้วงอีกหลายครั้งเพื่อสร้างความคุ้นชิน แต่ยังไม่สามารถฝังกายจนสุดเส้นทางรักได้สำเร็จ ริมฝีปากหนายังคงทำงานยอดเยี่ยมขบเม้มเชยชิมเม็ดบัวสีสด ที่ประดับอยู่บนยอดฐานด้วยความกระหาย กลิ่นหอมจากกายสาวและความนุ่มนิ่มของผิวละเอียดทำให้เขาหลงใหลได้ไม่ยาก เส้นทางรักค่อยๆ ปลดปล่อยน้ำหวานออกมาหล่อเลี้ยงให้เรือนกายใหญ่โตฝากฝังร่างลงไปได้ล้ำลึกมากยิ่งขึ้น มาราตีส่ายหน้าไปมาด้วยความรู้สึกหลากหลาย เธออยากปฏิเสธว่าเธอไม่เต็มใจ แต่บทรักร้อนแรงและการฝังกายที่ร้อนระอุในเรือนร่างทำให้รู้สึกเคลิ้มล่องลอยตามอารมณ์ที่เขาสร้างขึ้นโดยไม่สามารถต้านทานได้ อัฟฟานหน้าแดงก่ำ ใบหน้าเหยเกจนเส้นเลือดปูดโปนเมื่อต้องเร่งขยับกระชับชิดในนวลเนื้ออบอุ่นที่บีบรัดเขาจนแทบหายใจไม่ออก เธอคับแน่นฟิตจับใจ ตอดกระชับจนเขาแทบคลั่ง ชายหนุ่มสอดประสานขยับเข้าออกซ้ำไปซ้ำมา ริมฝีปากไม่ห่างจากทรวงอกอวบอิ่มคู่งามใหญ่โต เสียงครางหวานเครือสะอื้นเปล่งออกมาเป็นระลอก กระตุ้นอารมณ์หนุ่มฉกรรจ์ให้เดือดพล่านมากยิ่งขึ้น ความต้องการที่รุนแรงทำให้เขาขยับไม่หยุดเหมือนเครื่องกลประสิทธิภาพสูงที่เร่งทำงานไม่ให้เวลาผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์ มาราตีหวีดร้องทันทีที่ความแข็งแกร่งดั่งเหล็กกล้ากระแทกกระทั้นเข้ามาจนสุดเส้นทางผ่านเยื่อพรหมจรรย์ของเธอจนขาดสะบั้นในที่สุด หยาดน้ำตาพร่างพราวไปทั่วใบหน้าทำให้มองเห็นของเขาไม่ชัด อัฟฟานหยุดตัวเอง จูบซับน้ำตาให้หญิงสาวเมื่อขยับกายอันใหญ่โตเข้ามาฝังในกุหลาบงามจนสุดเส้นทางรักได้สำเร็จด้วยความปลาบปลื้มใจที่ได้ครอบครองเป็นเจ้าของเธอคนแรกและจะเป็นคนสุดท้ายตลอดไป หญิงสาวค่อยๆ เห็นใบหน้าคมเข้มผิวดั่งทองสัมฤทธิ์ชัดกระจ่างขึ้น เขากระตุกยิ้มอย่างผู้มีชัย หญิงสาวส่ายหน้าหนีอย่างพ่ายแพ้สิ้นหวัง ทุกอย่างหมดสิ้น เธอไม่เหลืออะไรอีกแล้ว ร่างกายของเธอเป็นของเขาไปแล้ว แม้แต่หัวใจเธอก็ไม่อาจปฏิเสธได้ว่ามอบให้เขาตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นหน้า หัวใจไม่รักดีตะโกนบอกย้ำให้เธอรับรู้ครั้งแล้วครั้งเล่า “มาราตี ข้าอยากจะบอกว่าคนเลี้ยงอูฐของเจ้าโง่นักที่พรากพรหมจรรย์ของเจ้าไม่สะบั้น แต่ข้าได้จัดการให้มันสะบั้นลงแล้ว” เขาเยาะเย้ยถากถาง มาราตียิ่งขยับดิ้นหนีเพื่อต่อต้าน เมื่อดิ้นหนีไม่พ้นก็โอบรัดความแข็งแกร่งของเขาเป็นการประท้วง แต่หารู้ไม่ว่าการทำเช่นนั้นยิ่งทำให้เขาชอบใจ “โอ้ว... เจ้าช่างร้ายกาจนัก คิดจะรัดข้าให้ขาดใจรึ อ๊า...” เขาครางกระหึ่ม คำรามเสียงก้อง ค่อยๆ ถอดถอนเรือนกายแกร่งออกจนเกือบสุดให้หญิงสาวผวาตามด้วยชั้นเชิงที่เหนือกว่า ให้เธอหยัดสะโพกยกกายขึ้นแนบชิด ความคับแน่นที่โอบอุ้มทำให้เขากลับมาอีกครั้งอย่างลึกล้ำแม่นยำเสียงเนื้อเสียดสีกระทบกันสนั่นเป็นลำนำสวาทแสนหวาน บทลงโทษที่เร่าร้อนหนักหน่วงแสนหวามที่เขาไม่อยากปฏิเสธว่าหอมหวานยิ่งนักกับการได้ทำให้หญิงสาวแสนพยศใต้ร่างครางกระเส่าแทบขาดใจทุกจังหวะแห่งเสน่หา อัฟฟานเริ่มขยับต่อเนื่อง มาราตีหวีดร้องทุกครั้งที่เขาโจนจ้วงในจังหวะหนักหน่วงล้ำลึก กำลังจะขาดใจตามที่เขาบอกจริงๆ เธอกำลังทนไม่ไหว สะท้าน เสียวซ่านกระสัน และเจ็บร้าว เขาบดคลึงริมฝีปากอิ่มที่ช้ำแดงระเรื่อร้อนเร่าดั่งไฟแผดเผา อุ้งมือใหญ่ฟอนเฟ้นปทุมถันเคร่งครัดเต็มอิ่ม มืออีกข้างสอดประสานเข้าใต้สะโพกผายงอนงามเพื่อให้หญิงสาวหยัดกายรับจังหวะการจุ่มจ้วงแรงลึกเน้นๆ ไอร้อนจากเรือนร่างทั้งสองประสานกับเหงื่อที่โซมกาย ปะปนกับเสียงครวญครางแหบโหยและเสียงคำรามเหมือนเจ็บปวดเจียนขาดใจลั่นตำหนักกว้าง ทั้งยังเสียงเนื้อกระทบกันสนั่นจากแรงเสียดสีของผิวเนื้อนุ่มนิ่มกับความแข็งแกร่งที่เข้าคู่กันอย่างลงตัวเหมาะเจาะ จนแทบแยกจากกันไม่ออก มีแต่จะดูดดึงเข้าหากันทุกวินาทีด้วยลีลาสะท้านรัญจวน จังหวะรักที่รุนแรงดั่งพายุพัดโหมกระหน่ำยิ่งเพิ่มความเร็วขึ้นเป็นสองเท่าโดยการสับสะโพกสอบโถมกายเข้าหาหน่วงหนัก พร้อมๆ กับกายสาวที่หยัดสะท้านรอรับอย่างเต็มใจครั้งแล้วครั้งเล่า หญิงสาวหวีดร้องติดกันหลายครั้งเมื่อเขาจับเธอโยนขึ้นบนสวรรค์ชั้นฟ้า แล้วตกลงมากระทบกับสวนดอกไม้หอมกรุ่นเบื้องล่าง จนร่างแตกกระจายไปทุกทิศทางกระชากอารมณ์สาวให้กระสันซ่านรุนแรง เหมือนกายที่ไม่เป็นของเธออีกต่อไป อัฟฟานคำรามตามติดปลดปล่อยสายธารอุ่นร้อนเต็มรักในกลีบเนื้อสาว ทั้งสองหอบหายใจสะท้านจนอกสาวแนบชิดบดเบียดกับทรวงอกหนุ่มเคร่งครัดแม้กระทั่งสายลมพัดผ่านยังไม่สามารถเข้าแทรกกลางผิวเนื้อได้เลยแม้แต่น้อย ชีคหนุ่มอ้าปากค้างปลดปล่อยเสียงคำรามสุดกู่ ลมหายใจร้อนผ่อนออกจากริมฝีปากด้วยความสาสมใจ มาราตีเกร็งร่างยกกายหาเขาโดยไม่รู้ตัวเมื่อถึงจุดสุดยอดแห่งเกมรักแบบที่ไม่เคยประสบมาก่อน เธอกอดรัดเขาแนบแน่นกระตุกร่างติดกันหลายครั้งจนเมื่อลมหายใจทั้งคู่เข้าสู่ภาวะปกติ “สมใจแล้วก็ปล่อยข้าไปเถิด หรือจะสั่งประหารข้าก็ได้ แต่ข้าขอเจอกับยะห์นาก่อนตาย” 
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD