เชลยทราย ทาสชีคเถื่อน ตอนที่ 1
รัฐซาล...
ฮิจเราะห์ศักราช (ฮ.ศ.) ที่ 1350 เดือนซอฟัร
ชีคอัสมิน วัย 50 ปี หัวหน้าเผ่าโซธานปกครองชนเผ่าทางตอนใต้ ซึ่งเป็นดินแดนอยู่ติดชายฝั่งทะเล ตั้งอยู่บนคาบสมุทรขนาดเล็กที่แตกมาจากคาบสมุทรอาหรับ
พระองค์ได้ถูกสถาปนาขึ้นครองราชย์เป็นชีคปกครองรัฐซาล มีชื่อเต็มว่า ชีคอัสมิน อาลี โซมาลหลังจากก่อรัฐประหารชีคฮามัด เหม็ด ซาเฮ็ด คอลิฟ ผู้นำรัฐที่โหดเหี้ยมป่าเถื่อนปกครองบ้านเมืองอย่างไร้มนุษยธรรมจนเกิดความระส่ำระสายและเกิดโจรก่อการร้ายดักซุ่มโจมตีเส้นทางค้าขาย ชนเผ่าใหญ่น้อยต่างๆ แข็งข้อตั้งตัวเป็นใหญ่ ไม่ยินยอมตกอยู่ภายใต้อำนาจอีกต่อไป
ในอดีต...
ทางตอนใต้ของซาลคือชนเผ่าโซธาน อุดมด้วยแร่ทองคำมหาศาล มีชนเผ่าขนาดกลางสองชนเผ่าที่ยอมอยู่ใต้การปกครองคือ ชนเผ่ามัลมาเลีย ซึ่งเป็นชนเผ่าขนาดกลางอยู่ทางทิศตะวันออก พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบสูงมีภูเขาสลับซับซ้อนมากมาย ส่วนชนเผ่าที่สองคือจาปง พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบลุ่ม เป็นดินแดนที่อยู่ส่วนกลางรอยต่อระหว่างโซธาน, มัลมาเลีย เมืองหลวงและกัวลา และถัดไปเป็นชนเผ่าทั้งห้าในดินแดนทะเลทราย
...และทางตอนเหนือของซาลเป็นชนเผ่ากัวลา มีชนเผ่าขนาดเล็กอยู่ใต้การปกครองคือ มุฟาลาล,อัลกุเดา,อัชชาเดา, อัดวะเดา และจะยะลาล ซึ่งเป็นดินแดนทะเลทรายแทบทั้งสิ้น
ทางตะวันออกของกัวลาต่อติดกับรัฐซาลาล ดินแดนแห่งดาราศาสตร์ ฤกษ์ยาม การทำนาย พยากรณ์ การเสี่ยงทาย อันอุดมไปด้วยสินค้าหลายชนิดสำหรับทำการค้า ทางตะวันตกติดต่อกับรัฐมุไซ ทางเหนือติดต่อกับรัฐซามาล ซึ่งทั้งสองรัฐมีพ่อค้าชาวอาหรับนำสินค้ามาขายในทะเลทรายจนเกิดการค้าและการแลกเปลี่ยนมากมายขึ้น ณ ดินแดนแห่งนี้
ซาลเป็นรัฐเล็กๆ ที่เกิดจากชนเผ่าต่างๆ รวมตัวกัน แต่ยังไม่มั่นคงเพราะผู้นำขาดคุณธรรมและเผด็จการ ชนเผ่าต่างๆ ที่อยู่ภายใต้อำนาจจึงแข็งข้อมากยิ่งขึ้นเรื่อยๆ
ผู้นำสำคัญสองคนคือ ชีคอัสมินหัวหน้าเผ่าโซธานอยู่ทางตอนใต้ และชีครอมาลีซึ่งเป็นหัวหน้าเผ่ากัวลาอยู่ทางตอนเหนือ จึงคิดการใหญ่ ทั้งสองรวมอำนาจโดยเข้ายึดครองชนเผ่าขนาดกลางและขนาดเล็กที่อยู่ใกล้เคียง จึงเกิดสงครามชนเผ่ายาวนานหลังจากยึดอำนาจจากชีคฮามัด เหม็ด ซาเฮ็ด คอลิฟ
ทั้งสองกระทำการใหญ่ได้สำเร็จ... เนื่องด้วยเป็นชนเผ่าที่มีขนาดใหญ่สามารถกุมกำลังไพร่พลมากมายจนยึดครองชนเผ่าเล็กๆ ไว้ภายใต้การปกครองได้ทั้งหมด แม้คราแรกจะเกิดสงครามระหว่างชนเผ่าก็ตามที แต่สุดท้ายชนเผ่าเล็กๆ เหล่านั้นก็ยอมสวามิภักดิ์ในที่สุด
เผ่าไฟยาห์...เดิมทีเป็นเมืองหลวงซึ่งเป็นชนเผ่าขนาดใหญ่อยู่ตอน กลางของรัฐ แต่เพราะผู้นำที่คลั่งไคล้ในอำนาจ ปกครองด้วยความไม่เป็นธรรมเก็บภาษีขูดรีดขูดเนื้อคนในรัฐ ชนเผ่าต่างๆ จึงเกิดการต่อต้าน ประกอบกับชีคฮามัดไร้ทายาทเพราะไม่เคยถูกใจหญิงใดมากพอที่จะแต่งตั้งให้มาครองบัลลังก์คู่กายได้ หญิงสาวมากมายต่างฆ่าตัวตายหรือไม่ก็ถูกตัดหัวเพราะทนความป่าเถื่อนและไม่เป็นที่ถูกพระทัย
ดังนั้นหลังจากโซธานซึ่งแบ่งกำลังออกยึดอำนาจทางตอนใต้สำเร็จ อัสมินที่ได้สมคบคิดซ่องสุมกำลังกับรอมาลีเพื่อนรักมาหลายปี จึงได้ส่งคนสนิทคือ เนาฟัลไปปกครองไฟยาห์เอาไว้
หลังจากยึดอำนาจโดยการรวมรัฐได้แล้ว... ความไม่พอใจก็เกิดขึ้นในชนเผ่ากัวลา
“ท่านพ่อ เหตุใดท่านจึงได้ทำเช่นนี้” อับดุลอาซิบุตรชายคนเล็กวัย 20 ปี ถามบิดาด้วยน้ำเสียงฉุนเฉียวสะกดกลั้นอารมณ์ขุ่นเคืองเอาไว้ไม่มิด
“พ่อรู้ว่าเจ้าหมายความถึงเรื่องใด แต่อัสมินมีบุญคุณช่วยชีวิตพ่อเอาไว้ เขาเหมาะสมที่จะปกครองซาล” ชีครอมาลี หัวหน้าเผ่ากัวลาวัย 49 ปีกล่าวกับบุตรชาย
“เพราะบุญคุณ ท่านพ่อถึงยอมสละตำแหน่งประมุขครองรัฐให้ลุงอัสมิน คนของเราไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง ความจริงต้องให้ประชาชนเป็นผู้เลือกว่าจะให้ใครเป็นประมุข และเราก็มีคนมากกว่าโซธานรวมกันถึงหกชนเผ่า ท่านพ่อจะต้องได้ขึ้นครองราชย์อย่างแน่นอน” คำพูดของบุตรชายคนเล็กทำให้รอมาลีนิ่งเงียบ
“อาซิ เจ้าอย่าได้กดดันท่านพ่ออีกเลย สำหรับพี่ ยังไงก็เชื่อในการตัดสินใจของท่านพ่อ” อับดุลอาเหม็ด บุตรชายคนโตวัย 30 ปี มองสบตากับบิดาอย่างเข้าใจ
คำพูดของพี่ชายทำให้อับดุลอาซิหงุดหงิดยิ่งขึ้น
“แล้วท่านพ่อจะบอกคนของเราว่าอย่างไรกัน พวกเขายอมเสียสละเพื่อท่าน แต่ท่านยอมสละอำนาจให้เผ่าโซธาน ต่อไปเราจะต้องลำบาก แล้วท่านพ่อจะต้องเสียใจที่ไม่เชื่อข้าในวันนี้” อับดุลอาซิพูดทิ้งท้ายเอาไว้ให้บิดาและพี่ชายได้คิดด้วยความไม่พอใจยิ่งยวด ก่อนเดินจากไป
“ท่านพ่อ” อับดุลอาเหม็ดเรียกบิดาเสียงขรึม
“พ่อจะพูดกับคนในเผ่าของเราและเผ่าอื่นๆ เอง เจ้าอย่าได้กังวลไปเลย” ผู้นำของกัวลาวัยกลางคนพูดด้วยน้ำเสียงมั่นคง คิดว่าการตัดสินใจครั้งนี้ดีแล้ว และจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงอย่างเด็ดขาด
เสียงวิพากษ์วิจารณ์แสดงถึงความไม่พอใจของคนในชนเผ่ากัวลาและผู้สนับสนุนจากชนเผ่าอื่นๆ หนาหูขึ้น แต่ทุกเสียงก็เงียบสงบลงเมื่อหัวหน้าเผ่าประกาศถึงเจตนารมณ์อันแน่วแน่ในครั้งนี้
“รอมาลีสหายรัก แม้เจ้าจะสละตำแหน่งอันทรงเกียรตินี้ให้แก่ข้า แต่ข้าจะไม่ลืมน้ำใจของเจ้าในครั้งนี้เลย เราเปรียบเสมือนพี่น้องร่วมสายโลหิต ลูกหลานของเราจงเป็นพี่น้องกันตลอดไป กัวลาถือว่าเป็นมิตรที่ดีต่อเราไม่เสื่อมคลาย” ชีคอัสมินกล่าวกับสหายรักด้วยความชื่นชม
“หามิได้อัสมินเพื่อนรัก กัวลาถือว่าเป็นชนเผ่าในปกครองของซาล ขอให้ท่านจงดูแลราษฎรให้อยู่เย็นเป็นสุขตามเจตนารมณ์ในการรวมแผ่นดินครั้งนี้ อย่าให้เหมือนชีคฮามัด เช่นไรเสีย เรายินดีเป็นราษฎรที่จงรักภักดีตลอดไป และจะช่วยเหลือพัฒนารัฐให้เจริญรุ่งเรืองต่อไปในภายภาคหน้า”
“ท่านเป็นคนดีเหลือเกิน ข้าซาบซึ้งในการเสียสละครั้งยิ่งใหญ่ของท่าน หากท่านไม่รังเกียจข้าจะสู่ขอนูรไอรินดาหลานสาวของท่านให้แก่ คาลิฟบุตรชายคนเดียวของเรา เพื่อกระชับสัมพันธไมตรีให้เราทั้งสองแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น และถ้าจะให้ดีข้าอยากให้ลูกชายของท่านได้รับราชการทหารในซาล”
ชีคอัสมินพูดด้วยน้ำเสียงแสดงถึงความจริงใจและฉลาดหลักแหลม เขามองการณ์ไกลถึงปัญหาในอนาคต หากคาลิฟบุตรชายเพียงคนเดียววัย 30 ปีที่เกิดจากภรรยาเอกได้ดองกับชนเผ่ากัวลา ก็ถือเป็นสิ่งที่ดีแก่บังลังก์และความมั่นคงในอนาคต
“ไม่มีปัญหา ถือว่าเป็นเกียรติยิ่งนักที่เราจะได้เป็นทองแผ่นเดียวกัน ถือเป็นเกียรติแก่นูรไอรินดาหลานสาวเพียงคนเดียวของข้า”
รอมาลีตกปากรับคำด้วยใบหน้ายินดีปรีดา ที่หลานสาวเพียงคนเดียวเลือดเนื้อเชื้อไขของฟาตีล๊ะผู้เป็นน้องสาวจะได้ออกเรือนเพราะหญิงสาวในกัวลาหากมีชายใดมาสู่ขอจะได้รับการพิจารณาจากผู้ใหญ่ก่อนเสมอ ว่าเห็นดีเห็นงามด้วยหรือไม่ โดยธรรมเนียมอันนี้ทำให้หญิงสาวทั้งหลายไม่มีสิทธิ์เลือกคู่ครองเอง ไม่มีสิทธิ์ลักลอบคบหาดูใจกับชายใดหรือได้เสียก่อนเวลาอันสมควร
ฮิจเราะห์ ศักราช (ฮ.ศ.) ที่ 1351 เดือนรอบิอุล เอาวัล
ชีคอัสมินได้ส่งสาส์นไปยังหัวหน้าเผ่าต่างๆ เพื่อให้ส่งบุตรสาวเข้ามาบรรณาการ รวมถึงส่งบุตรชายเข้ารับราชการทหารเพื่อป้องกันการแข็งข้อและกบฏทำให้ชนเผ่าต่างๆ มีความคิดแตกต่างกัน ส่วนใหญ่เป็นการคิดมักใหญ่ใฝ่สูง เพราะหากบุตรสาวถูกตาต้องใจก็เป็นผลดีกับชนเผ่า ที่สำคัญการให้บุตรชายได้รับราชการในวังก็เป็นสิ่งดีที่จะได้มียศถาบรรดาศักดิ์ รวมถึงกำลังไพร่พล แต่ชีคประมุขผู้ครองรัฐมองการณ์ไกลกว่านั้นมากมายนัก
ในปีต่อมาชีครอมาลีเสียชีวิตลง ตำแหน่งหัวหน้าเผ่าจึงตกเป็นของอับดุลอาเหม็ด ในวัย 31 ปีเขามีภรรยาหนึ่งคนและลูกชายหนึ่งคน
...และหลังจากชีคอัสมินครองราชย์ได้สิบปีก็ทรงสวรรคต ในวัย 60 ปี ชีคคาลิฟบุตรชายเพียงคนเดียวจึงขึ้นเป็นประมุขของซาลต่อจากพระราชบิดา ในวัย 40 ปี มีบุตรชายคนโตที่กำเนิดจากภรรยาเอกตอนอายุ 29 ปี มีนามว่าอัฟฟาน