“ข้าเกลียดท่านๆๆ” มาราตีทุบตีเป็นพัลวัน ย้ำคำว่าเกลียดใส่ชีคหนุ่มไม่ยั้ง
“นึกว่าข้าจะพิศวาสเจ้ารึ พรุ่งนี้ข้าจะสั่งตัดหัวเจ้าทันทีที่ข้าได้เชยชมเจ้าสมใจ อย่าดีดดิ้นดีกว่าเพราะข้าไม่อยากทำร้ายเจ้า ยอมข้าดีๆ จะได้ไม่ต้องเจ็บตัว” เขาจับมั่นที่ปลายคางเรียวบีบจนหญิงสาวร้องประท้วง
“งั้นก็ตัดหัวข้าเสียตอนนี้สิ ข้ายอมตายดีกว่าจะตกเป็นของท่านไม่ต้องรอให้ถึงพรุ่งนี้หรอก” เธอยังท้าทายเขาไม่หยุดหย่อน
อัฟฟานบีบปลายคางแน่นก่อนสะบัดออก... หัวเราะขบขันคำพูดของหญิงสาวยิ่งนัก
“เจ้าจะรีบตายไปไหนเล่า ก็ในเมื่อท่านลุงอุตส่าห์ส่งเจ้ามาบรรณาการให้ข้าถึงที่ ข้าก็ต้องเชยชิม กลืนกินเนื้อหวานๆ ของเจ้าให้หนำใจเสียก่อน แล้วพรุ่งนี้ข้าจะทำตามความประสงค์ที่เจ้าต้องการ แต่อย่าได้โอดครวญให้ข้าไว้ชีวิตก็แล้วกัน เพราะข้าจะตัดหัวเจ้าเสียบประจานให้หญิงสาวในซาลรู้ว่า ผู้หญิงของชีคอย่าได้ริอ่านมาปฏิเสธข้าผู้เป็นประมุขของซาล”
คำพูดโหดร้าย แววตาสีเหล็กกล้าที่เปล่งประกายกร้าวโหดเหี้ยมไม่มีวี่แววล้อเล่นให้เห็นทำให้เธอใจสั่น มือใหญ่บีบปลายคางแน่นอีกครั้ง จนหญิงสาวนิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวด แต่เธอก็ไม่ร้องยังกัดฟันต่อไป
อัฟฟานกระตุกยิ้มเลื่อนมือไปฟอนเฟ้นเต้าทรวงอวบอัดใหญ่โตทั้งสองเต็มแรง คิดว่าทำแค่นี้จะหยุดยั้งต่อต้านเขาได้หรืออย่างไรกัน
มาราตีอ้าปากร้องด้วยความเจ็บ ริมฝีปากหนาเร่งบดขยี้ลงมาตักตวงความหอมหวานจากโพรงปากสวยทันทีทันใด ไม่มีความอ่อนโยน ไม่มีความปรานี ไม่มีถ้อยคำหวาน มีแต่สัมผัสเร่าร้อนดุดันป่าเถื่อน ปลายลิ้นสากร้อนเข้าตวัดเชยชิมความหอมหวานในโพรงปากนุ่ม เธอได้แต่ถอยหนีลิ้นใหญ่ด้วยความหวาดกลัว เขาจึงเข้ากวาดไล้ความหอมหวานได้จนทั่ว เรียวลิ้นร้อนๆ ลากไล้ปัดป่ายเรียวฟันขาวสะอาด บังคับให้เธอเผยอปาก มากกว่าเดิมโดยการบีบปลายคางเอาไว้แน่น ขยำขยี้ฟอนเฟ้นปทุมถันบดบี้ยอดอกสีทับทิมคลึงเคล้าไม่หยุดมือ
“อ๊ะ! ข้าเกลียดคนป่าเถื่อนเยี่ยงท่าน ข้าเกลียดท่านที่สุดได้ยินไหม”
หญิงสาวครางด้วยความเจ็บเสียว บริภาษเขาด้วยความหวาดหวั่นแฝงไว้ซึ่งความเกลียดชัง ทันทีที่เขาถอนริมฝีปากออก แต่เพียงเสี้ยววินาทีเขาก็กระแทกจูบดุเดือดเข้าครอบครองกลีบปากฉ่ำหวานอีกรอบ
มาราตีทำท่าจะกัดตอบ... แต่ชายหนุ่มถอนลิ้นหนีได้สำเร็จ
“ฮึฮึ นึกว่าจะกัดข้าเช่นนั้นรึ รู้จักข้าน้อยไปแล้ว” เขารู้ทัน เยาะเธอด้วยแววตาเจ้าเล่ห์
มาราตีขัดใจที่ทำอะไรเขาไม่ได้ หญิงสาวเม้มปากแน่นสู้ตาเขาไม่หวาดหวั่น
“เจ้าเป็นคนแรกที่กล้ามองข้าด้วยสายตาแบบนี้” อัฟฟานไล้มือที่ใบหน้าสวยหวานของคนใต้ร่างเบาๆ แล้วกระตุกยิ้มเหมือนได้ของเล่นชิ้นใหม่ที่ถูกใจในรอบทศวรรษ
“ปล่อยข้า!” ร่างสาวยังดิ้นรนหาทางเอาตัวรอด
“จะดิ้นไปไย บอกแล้วไงว่าเจ้าไม่มีวันหนีรอด แต่ดุเดือดแบบเจ้า ก็เปลี่ยนรสชาติไปอีกแบบนึง ข้าไม่เคยเจอผู้หญิงแบบเจ้าสักที” มือใหญ่จับปลายคางมนสวยขยับไปมาซ้ายขวา ทำเสียงในลำคอด้วยพึงพอใจมิใช่น้อย
มาราตีเชิดคางท้าทาย เธอจะไม่มีวันอ่อนแอเด็ดขาด ไม่ชอบใจกิริยานี้ของเขาเลยแม้แต่น้อย
“ข้ายังมีเวลาเล่นกับเจ้าอีกทั้งคืน ก่อนจะตายก็ควรรับรู้รสรักเสียให้ซาบซึ้ง ตายไปจะได้ไม่เสียเปล่า อย่างน้อยก็มีคนล่วงล้ำพรหมจรรย์ของเจ้า ดีกว่าจะละทิ้งให้มันหมดค่าไร้ความหมาย”
มือใหญ่ลากไล้ไปตามเค้าโครงหน้าไม่ห่างขณะพูด ใบหน้าเรียวสวยได้รูปจนเขานึกชื่นชมเสียไม่ได้ ผิวเนียนขาวผ่องเป็นยองไยอมชมพูระเรื่อน่ามอง น่าสัมผัสโลมไล้การแสร้งทำกิริยาหิวกระหายและป่าเถื่อนเพื่อลองใจคนใต้ร่างกำลังทำให้เขาสนุกอย่างที่สุด
หญิงสาวพยายามสะบัดหน้าหนี แสดงสีหน้าไม่ยินดีกับการสัมผัสนั้นดวงตาคมกล้าฉายแววเอ็นดูก่อนจางหายไป โดยที่อีกฝ่ายไม่มีทางได้เห็น
“เชอะ ท่านคิดว่าข้าจะเก็บรักษาพรหมจรรย์ให้ท่านเช่นนั้นเรอะ ทันทีที่ข้ารู้ว่าต้องถวายตัวให้ท่าน ข้าก็นอนกับคนเลี้ยงอูฐที่ชนเผ่าไปเรียบร้อยแล้ว และข้าก็มอบพรหมจรรย์ให้เขาไปแล้วด้วย เพราะคิดว่าดีกว่าให้คนแบบท่าน ข้าขอแสดงความเสียใจกับท่านด้วยที่จะได้เพียงร่างกายที่มีราคีของข้า แถมยังซ้ำรอยคนต่ำต้อยเยี่ยงคนเลี้ยงอูฐ หน้าตาอัปลักษณ์เสียจนไม่มีใครอยากมอง” หญิงสาวยิ้มเย้ยเมื่อเห็นใบหน้าไม่สบอารมณ์ของชีคหนุ่ม
มาราตีคิดว่าหากเธอไม่บริสุทธิ์เขาคงไม่ปรารถนา คงเลิกแตะต้อง... และเธออาจรอดพ้น แต่คำพูดนั้นกลับตรงกันข้าม ชีคหนุ่มดวงตาดุดันแข็งกร้าวโหดร้ายทันทีด้วยความกริ้วโกรธที่โดนหยามน้ำหน้ากันเช่นนี้ เขากระชากเสื้อผ้าเนื้อบางเบาตัวนอกออกจากร่างอรชรจนฉีกขาดไม่เหลือชิ้นดี เปิดเผยเสื้อเกาะอกสีชมพูเข้มกับกระโปรงตัวยาวด้านล่าง เอวคอดรับกับสะโพกผายงามงอน ผิวเรียบตึงน่าสัมผัสประจักษ์ต่อสายตาให้พิศมองไม่อาจถอดถอนได้
“เจ้าว่าอะไรนะ เจ้ากล้าหยามข้าถึงเพียงนี้เชียวรึ แล้วเจ้าจะได้รับบทเรียนอันสาสม” อัฟฟานขบกรามแน่นเป็นสันนูนด้วยความโมโหเดือดดาลในอารมณ์ ไม่นึกว่าเธอจะกล้าทำเรื่องหยามเขาเยี่ยงนี้
“กรี๊ด!!!” หญิงสาวกรีดร้องเสียงหลงด้วยความตกใจในอารมณ์รุนแรงดั่งพายุนั้น ดวงตาคมหวานไหวสะท้าน เส้นประสาททุกส่วนเกร็งแน่นเครียดเคร่งแทบแตกสลาย มือใหญ่ลากสัมผัสที่หน้าท้องแบนราบทำให้เธอเกร็งแขม่วหน้าท้องด้วยความกลัว
ชีคหนุ่มมองปลายนิ้วที่สัมผัสผิวเนียน จนมาถูไถวนรอบสะดือบุ๋มที่ประดับอยู่ส่วนกลางของเอวคอดได้รูปเย้ายวน มาราตีมองใบหน้าที่ก้มลงมาหา จนเห็นแพขนตาสีนิลระยับชัดเจน ลมหายใจติดขัดด้วยความกริ่งเกรง อัฟฟานลากมือวนไปมาก่อนกระชากกระโปรงตัวสวยฉีกขาดโดยแรง
“กรี๊ด!!!” มาราตีกรีดร้องอีกครั้ง สะดุ้งด้วยความตกใจ
“เจ้าคิดผิดแล้วที่บอกเรื่องนี้กับข้า หากคิดว่าข้าจะเปลี่ยนใจ เจ้าคงรู้จักข้าน้อยไป สิ่งที่เจ้าจะได้รับต่อไปคือโทษทัณฑ์ที่ข้าจะมอบให้” ในเมื่อไม่คิดไว้หน้าเขาก็ไม่คิดปรานี
“ไม่!!!” เธอหลุดเสียงแผ่วด้วยความกลัวจับใจออกมาจากริมฝีปากเต็มอิ่ม
แต่เขาหาได้ใส่ใจไม่
“ก็ดี ข้าจะได้ไม่ต้องถนอมเจ้ามาก”
อัฟฟานคำรามก้อง หลังจากทึ้งเสื้อผ้าของหญิงสาวออกจากร่างด้วยความไม่ปรานี ร่างน้อยยังมีอาภรณ์สองชิ้นติดอยู่บนกาย เขาไม่คิดถนอมให้เกะกะสายตา เพียงสิ้นเสียงร้องหวานเครือ ร่างขาวผ่องก็ปรากฏแก่สายตาชีคหนุ่ม ดวงตาสีเหล็กกล้ากวาดไล้มองเรือนร่างงามด้วยความปรารถนาร้อนแรงความกระหายหิวลุกโชนจนมาราตียะเยือกในอก
“ปล่อยข้า ข้ากลัว” มาราตีเริ่มหวาดกลัวมากขึ้น เธอสำนึกว่าไม่ควรท้าทายเขา
ดวงตาที่ฉายแววหวาดหวั่นทำให้ชีคหนุ่มสมใจ แม้คราแรกจะแสดงออกว่าไม่กลัวเกรงเขาเพียงใด
ร่างละมุนหอบแรง กำแพงที่เธอสร้างขึ้นพังทลายลงชั่วพริบตาเมื่อเห็นความป่าเถื่อนของเขา สัญชาตญาณบอกให้เธอเตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้ อย่างไรเสียเธอก็ไม่รอดจากเงื้อมือเขาไปได้ ไม่ว่าจะหนีอย่างไรก็คงไม่พ้น
“กลัวข้ารึ ดี... เจ้าจะได้ไม่ต้องดิ้นอีก เพราะข้ากำลังจะหมดความอดทน”
อัฟฟานฉกริมฝีปากร้อนสัมผัสกับกลีบปากแสนหวานที่ชอกช้ำจากแรงจุมพิต เขาลากไล้สัมผัสไปยังซอกคอขาวผ่อง ทรวงอกอวบใหญ่ทั้งสองของสาววัยกำดัด รสหวานลึกล้ำทำให้เขาพึงพอใจยิ่งขม้ำรวบดูดด้วยความกระหายหิวยิ่งขึ้น
“ข้ากลัวแล้ว” มาราตีร้องไห้หวาดกลัว
แต่น้ำตาไม่ได้ช่วยให้เธอรอดพ้นจากคนใจร้าย เขายังตั้งหน้าตั้งตาบดคลึงอกมหึมาอวบอัดเร่าร้อน ไรฟันขาวสะอาดกัดเม้มขบดูดยอดบัวสีสดไม่ปรานี ขย้ำไม่ขาดสายแต่ไม่รุนแรงจนหญิงสาวรับไม่ไหว
“เจ้ากล้ามอบพรหมจรรย์ให้คนเลี้ยงอูฐรึ ข้าจะทำให้เจ้าเจ็บ...เจ็บเจียนตาย ที่กล้าท้าทาย หยามศักดิ์ศรีข้าเช่นนี้”