EP.3
ร้อยดาวกระชับกระเป๋าเดินทางในมือแน่น น้ำตาแห่งความโศกเศร้าไหลพรากลงมาอาบแก้ม ความเสียใจที่ต้องจากบิดาไปไกลทำให้หล่อนเจ็บแปลบในอก แต่หญิงสาวก็ไม่มีทางเลือก…
หากนี่คือสิ่งที่บิดาต้องการ...
แม้จะสงสัยแต่ร้อยดาวก็ไม่เคยคิดจะถามบิดาออกไป ว่าเพราะอะไรท่านถึงต้องการให้หล่อนเป็นภรรยาของผู้ชายคนนั้น ผู้ชายที่หล่อนไม่เคยแม้แต่จะเห็นหน้า... รู้จักเพียงแค่ชื่อของเขาเท่านั้น เจ้าชายฮิมราน บิน ฮาเซม อัล- ราชิด แห่งประเทศ ความาร์
แม้จะพยายามปลอบใจตัวเองแค่ไหน แต่หญิงสาวก็ไม่อาจขจัดความหวาดกลัวที่กำลังก่อตัวขึ้นภายในจิตใจได้แม้แต่น้อย หล่อนเกรงกลัวเขา หวาดหวั่นเหลือเกินหากต้องไปใช้ชีวิตอยู่ประเทศนั้น ดินแดนแห่งทะเลทรายที่เต็มไปด้วยโหดร้าย รุ่มร้อน กิติศัพท์ความป่าเถื่อน และมักมากในกามของผู้ชายในแถบทะเลทรายนั้นทำให้หญิงสาวแทบอยากจะร้องไห้ออกมา
นี่หล่อนจะต้องไปเป็นหนึ่งในผู้หญิงในฮาเร็มของเจ้าชายฮิมรานอย่างนั้นหรือ...
ร้อยดาวคิดอย่างเศร้าหมอง เท้าบอบบางในรองเท้าหุ้มส้นก้าวตรงไปยังส่วนบริการผู้โดยสารบนเครื่องบิน ทุกย่างก้าวเต็มไปด้วยหยาดน้ำตาแห่งความอาดูร
เจ้าชายฮิมรานนั่งหน้าเครียดอยู่ที่ห้องทรงงาน รายงานจากนักสืบที่เขาจ้างวานให้คอยติดตามร้อยดาว แจ้งมาว่าวันนี้หล่อนกำลังจะบินมาหาเขาเพื่อเตรียมตัวเป็นเจ้าสาว ฮิมรานสบถออกมาอย่างเดือดดาล ความขัดเคือง ขุ่นข้องหมองใจอัดแน่นอยู่ในอกจนแทบระเบิด
“ อยากแต่งงานกับฉันนักหรือไง ร้อยดาว” ฮิมรานลุกขึ้นจากเก้าอี้ เดินไปมาบนพื้นพรมหนาชั้นดีที่ปูไว้ทั่วทั้งห้องอย่างใช้ความคิด
เขาจะต้องล้มเลิกงานแต่งงานครั้งนี้ให้จงได้ ในเมื่อเขาไม่สามารถปฏิเสธมันได้ ฉะนั้นเขาก็จะทำให้เจ้าหล่อนเป็นคนล้มเลิกมันด้วยตัวของหล่อนเอง
ปุยเมฆสีขาวสะอาดตาลอยผ่านหน้าไปก้อนแล้วก้อนเล่า หญิงสาวยกมือขึ้นแตะกระจกของเครื่องบิน ดวงตากลมโตจ้องมองไปยังพื้นฟ้ากว้างไกลสีสวย หล่อนไม่เคยคาดฝันมาก่อนเลยว่าตัวเองจะมีโอกาสได้ใกล้ชิดกับท้องฟ้าเบื้องบนเช่นนี้ แต่ร้อยดาวก็สุขใจได้ไม่นาน เมื่อความเป็นจริงที่ต้องเผชิญหน้าเต้นไหวอยู่ในเส้นเลือด ความเบิกบานใจลอยหายไปในพริบตา ภาพท้องทะเลทรายสีทองอร่ามพื้นล่างทำให้หล่อนหวาดกลัวเหลือเกินกับชีวิตใหม่ในต่างแดน ชีวิตที่ไร้ซึ่งอิสระ ชีวิตที่มันจะไม่ใช่ของหล่อนอีกต่อไป หญิงสาวถอนหายใจออกมาเบา ๆ ขณะกระชับเข็มขัดให้แน่นขึ้นเมื่อเครื่องบินกำลังร่อนลงต่ำ
กลิ่นไอแห่งความป่าเถื่อนเริ่มวิ่งเข้าใส่หล่อนชัดเจนขึ้นทุกขณะ พอๆ กับศักดิ์ศรีความเป็นคนของหล่อนที่กำลังวิ่งหนีไปทีละน้อย หล่อนถูกเขาซื้อด้วยเงินจำนวนมหาศาล เพราะค่าสินสอดที่เจ้าชายทะเลทรายมอบให้บิดาของหล่อนนั้นมากมายจนหล่อนคิดว่าชาตินี้ก็คงใช้ไม่หมดอย่างแน่นอน
ร้อยดาวปลดเข็มขัดออกจากตัวเมื่อเครื่องบินร่อนลงแตะพื้นรันเวย์แผ่วเบาๆ และไม่ช้าก็จอดสนิท หญิงสาวเม้มเรียวปากเป็นเส้นตรง พยายามอย่างที่สุดที่จะเข้มแข็ง ไม่ร้องไห้ด้วยความหวาดกลัวออกมา แต่กระนั้นน้ำตาก็อดเอ่อล้นออกมาคลอที่หน่วยตาไม่ได้
หญิงสาวเก็บหนังสือเดินทางที่เจ้าพนักงานประทับตาเรียบร้อยแล้วเข้ากระเป๋าด้วยท่าทางเซ็ง ๆ ร้อยดาวไม่มีความกระตือรือร้นแม้แต่น้อย ทั้ง ๆ ที่ตอนนี้ก็ใกล้ถึงเวลาที่หล่อนจะได้พบกับเขาแล้ว
เจ้าชายฮิมราน...
ร้อยดาวฝืนยิ้มแห้งแล้งออกมา หล่อนอยากจะรู้เหลือเกินว่า เขาจะยินดีที่ได้พบหล่อนไหม หรือว่าบางทีเขาอาจจะขับไล่หล่อนให้กลับประเทศไทยไปแทบไม่ทันก็เป็นได้ และนั่น... คือสิ่งที่หล่อนควรดีใจไม่ใช่หรือ แต่มันไม่ใช่สักนิด หล่อนกลับรู้สึกด้อยค่าลงเรี่ยดินต่างหากหญิงสาวคิดอย่างอดหู่
เท้าบางก้าวมาหยุดนิ่งอยู่ที่ส่วนบริการผู้โดยสารขาเข้า แม้ในสนามบินแห่งนี้จะไม่ใหญ่โตมากมายนัก แต่ความหรูหรา โอ่อ่านั้นหาที่ใดเปรียบยาก ความเย็นฉ่ำจากเครื่องปรับอากาศชั้นดีทำให้หล่อนสั่นสะท้าน
หญิงสาวรู้สึกโดดเดี่ยวอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ผู้คนมากหน้าหลายตาเดินผ่านหน้าของหล่อนไปคนแล้วคนเล่า ร้อยดาวยืนนิ่งอยู่กับที่ ดวงตากลมหวานฉ่ำเหลียวมองหาคนที่จะมารับหล่อนไปพบเจ้าชายฮิมราน
“คุณร้อยดาวใช่ไหมครับ”
น้ำเสียงที่เอื้อนเอ่ยออกมาเป็นภาษาไทยไม่ชัดเจนนัก ร้อยดาวรีบหันหลังกลับไปมองยังต้นเสียง
ภาพผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่อยู่ในชุดประจำชาติสีขาวยาวรุ่มร่ามกำลังยืนยิ้มให้หล่อน หญิงสาวมองบุรุษคนนั้นนิ่ง ความตะหนกที่ไม่อาจซ่อนเร้นได้ประกายออกมา
“ค่ะ คุณคือ...”
หล่อนไม่อยากจะคิดว่าผู้ชายตรงหน้าคือเจ้าชายฮิมราน เพราะดูจากท่าทางและการแต่งตัวแล้ว เขาดูธรรมดาเกินไป
“ผมคือคนที่จะมารับคุณ” เขาพูดแค่นั้น ขณะเอื้อมมือมาหยิบกระเป๋าเดินทางของหล่อนมาถือไว้ในมือ แล้วเดินนำหล่อนออกไปยังลานจอดรถในสนามบิน หญิงสาวรีบเดินตามไป
ระหว่างเดินออกมานั้น หญิงสาวรู้สึกเหมือนมีสายตาหลายคู่คอยจับจ้องหล่อนไม่วางตา ร้อยดาวก้มหน้าลงมองสำรวจการแต่งกายของตัวเอง ก่อนจะถอนหายใจออกมา
เสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงยีนกลางเก่ากลางใหม่ที่อยู่บนร่างกายของหล่อนนั้น ช่างแตกต่างกับการแต่งกายของสตรีในประเทศความาร์นี้อย่างชัดเจน เพราะถึงแม้การแต่งตัวของหล่อนจะไม่ได้เปิดเผยเนื้อหนังอะไรนัก แต่หล่อนก็ไม่ได้คลุมผม คลุมหน้าเหลือแต่ดวงตา แบบสาวๆ ในประเทศนี้
รถขับเคลื่อนสี่ล้อวิ่งออกมาจากสนามบิน วิ่งไปตามเส้นทางสายเดียวที่ตัดผ่านทะเลทราย แม้ในรถคันนี้จะเปิดแอร์เย็นฉ่ำ แต่กระนั้นหญิงสาวก็สามารถสัมผัสกับไอร้อนจากท้องทะเลทรายสีทองกว้างที่แผ่รัศมีเข้าใส่ไม่หยุดหย่อนนั้นเป็นอย่างดี
ภาพฝุ่นทรายที่พัดปลิวผ่านหน้าไปมา เหมือนกับหมอกหนายามเช้าที่หล่อนเคยสัมผัสที่เมืองไทย แต่นั่นมันคือหยาดหยดของความชุ่มชื้น แต่นี่มันคือสิ่งที่บ่งบอกถึงความแห้งแล้ง กันดาร
“เราจะไปที่ไหนกันคะ” หญิงสาวหันไปพูดกับชายหนุ่มที่นั่งเป็นสารถีให้กับหล่อน ร้อยดาวพยายามพูดให้ช้าที่สุด เพราะหล่อนมั่นใจว่าเขาคงไม่ชำนาญภาษาไทยนัก
เมื่อคิดถึงความสามารถในการพูดภาษาไทยของคนในเมืองนี้ ร้อยดาวก็อดแปลกใจไม่ได้ที่ผู้คนส่วนใหญ่ที่หล่อนพบเจอที่สนามบินของความาร์ พูดภาษาไทยได้ แม้พวกเขาจะสื่อสารได้ไม่ชัดเจนนักก็ตาม
“ผมจะพาคุณไปพบกับคนที่คุณรอคอยไง” คิ้วโก่งดั่งคันศรของร้อยดาวเลิกขึ้นอย่างประหลาดใจ
“เจ้าชายฮิมรานใช่ไหมคะ”
สิ่งรอบตัวเงียบงันไปทันที ไม่มีคำตอบจากปากของบุรุษคนนั้น มีแต่เสียงหัวเราะแผ่วเบาจากลำคอ ความรู้สึกหวั่นเกรงเริ่มพุ่งเข้าใส่อีกครั้งและก็ดูเหมือนมันจะยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆเมื่อเขาหักพวงมาลัยเลี้ยวเข้าไปยังเส้นทางแคบเล็กบิดคดไปคดมาที่แยกออกมาจากถนนใหญ่
ภาพของผืนทะเลทรายกว้างใหญ่ไพศาล ลึกลับน่าหวาดกลัว แสงของดวงอาทิตย์ค่อย ๆ ลาลับโค้งฟ้าลงไปทีละนิด เหมือนกลับจะบอกกล่าวให้รู้ว่ายามราตรีกำลังจะมาเยือน
หญิงสาวได้แต่นั่งเงียบมาตลอดทาง เพราะหล่อนรู้ดีว่าถึงจะเอ่ยปากถามอะไรออกไป ก็คงไม่ได้รับคำตอบมาจากผู้ชายคนนี้แน่ ดูเหมือนเขาจะรับคำสั่งมาให้พูดกับหล่อนเพียงเท่านี้
ร้อยดาวพ่นลมหายใจหนักๆ ออกมา รู้สึกเมื่อยขบไม่น้อยเมื่อต้องนั่งรถมาเป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่าสองชั่วโมง และเมื่อไหร่กันนะ หล่อนถึงจะได้พบกับเขาสักที
ไม่ช้าภาพของกระโจมแบบพวกเร่ร่อนเผ่าเบดูอินก็ปรากฎอยู่ในรัศมีสายตาไกลๆ หญิงสาวกระพริบตาถี่ๆ พยายามคิดว่าสิ่งที่หล่อนกำลังจะเผชิญนั้นเป็นเพียงความฝัน
เขาคงไม่ได้จะพาหล่อนมารอนแรมกลางทะเลทรายหรอกนะ!