ตอนที่ 1
ซีรีส์ชุดนี้มีด้วยกัน 3 เรื่องนะคะ
อ้อมกอดซาตานร้าย
ปรารถนาเถื่อน
และนางบำเรอยอดรัก
นางบำเรอยอดรัก
EP.1
ทะเลทรายสีทองอันร้อนระอุ ไอแดดเต้นรำระริกไหวอยู่ในอากาศ ผืนทรายที่สะท้อนเงาแดดทอดยาวกว้างไกลสุดลูกหูลูกตาจรดแผ่นฟ้าสีสวย ทัศนียภาพสุดแสนน่าอภิรมย์ แต่กระนั้นก็ไม่อาจซ่อนเร้นความโหดร้ายของแห่งดินแดนทะเลทรายให้เลือนหายไปจากสายตาได้เลยแม้แต่น้อย เฉกเช่นเดียวกับความเวิ้งว้าง เดียวดายที่ปรกคลุมผืนทรายไม่เคยแปรเปลี่ยน
พระราชวังใหญ่สีขาวที่สร้างสรรค์ขึ้นจากหินอ่อนเนื้อดีงามจับตา ตั้งอยู่ใจกลางโอเอซิสขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศความาร์ แม้จะอยู่ท่ามกลางทะเลทรายที่ถูกแสงแดดยามเที่ยงวันแผดเผา แต่ก็ดูเหมือนมันจะเย็นฉ่ำใจมากเสียกว่าภายในพระราชวังที่ติดแอร์ชั้นดีเสียอีก เพราะตอนนี้เจ้าชายฮิมราน บิน ฮาเซม อัล-ราชิด กำลังเกรี้ยวกราดใส่อำมาตย์คนสนิทที่กำลังนั่งก้มหน้าจ้องมองพื้นด้วยความหวั่นเกรง
“ท่านหาทางออกให้เราไม่ได้จริงๆ ใช่ไหม”
เสียงคำรามด้วยความเดือดดาล จากเรือนกายสูงใหญ่ที่อยู่ในชุดประจำชาติสีดำยกด้วยดิ้นทอง เสื้อตัวในสีขาวเป็นแบบคอตั้งมีกระดุมเม็ดสวยสีเดียวกันกับตัวเสื้อเรียงรายลงไปตามสาบเสื้อจนถึงเอว ชายเสื้อปล่อยยาวกรอมเท้า บนศีรษะประดับด้วยผ้าคลุมหน้าตาหมากรุกสีขาวคาดทับด้วยเสวียนเชือกสีดำที่ทำจากไหมชั้นดี ที่กำลังเดินย่ำเท้าไปมาบนพรมเปอร์เซียหนานุ่ม ทุกย่างก้าวเต็มไปด้วยความขัดเคือง
“หม่อมฉันคิดหาทางออกยังไม่ได้เลยพ่ะย่ะค่ะ เพราะดูจากสัญญาที่พระราชินีทรงทำไว้ก่อนสิ้นพระชนม์นั้นรัดกุมอย่างมาก ไม่มีช่องโหว่เลยพ่ะย่ะค่ะ”
อำมาตย์สูงวัยก้มหน้า กราบทูลเจ้าชายเสียงสั่น เพราะใครก็ตามที่อยู่ในพระราชวังนี้ไม่มีผู้ใดไม่รู้จักเกียรติศัพท์ความร้ายกาจของอารมณ์โกรธของเจ้าชายฮิมรานแม้แต่คนเดียว แม้ต้องให้ไปตายในพายุทะเลทรายยังดีเสียกว่าต้องเผชิญหน้ากับพายุแห่งโทสะของชายสูงศักดิ์ตรงหน้า
“ไม่มีช่องโหว่อย่างนั้นหรือ...” ฮิมรานหัวเราะเยาะออกมา ดวงตาคมกล้าเจิดจรัสไปด้วยกองเพลิงนับล้านกอง ก่อนจะตวาดออกมาอีกจนอำมาตย์สูงวัยตัวสั่น
“ยังไงฉันก็ต้องแต่งงานกับแม่ผู้หญิงเจ้าเล่ห์คนนั้นใช่ไหม?!”
“พ่ะย่ะค่ะ” จบคำพูดสั่นๆ ของอำมาตย์วัยชรา ฮิมรานก็ตบโต๊ะทำงานโบราณที่ทำด้วยไม้ขัดมันสุดหรูเสียงดังสนั่นหวั่นไหว แม้ภายในใจจะรู้สึกเกลียดตัวเองยิ่งนักที่ไม่อาจระงับอารมณ์ส่วนต่ำเอาไว้ได้
เจ้าชายรูปงามขบกรามแกร่งจนขึ้นสัน ดวงตาคมกล้าสีน้ำตาลเข้มกร้าวขึ้นอย่างน่ากลัว ภาพสาวน้อยใบหน้างดงามลอยเข้ามาในความคิด ร้อยดาว...
ฮิมรานยังจดจำเรือนร่างอรชรในชุดแซกสีฟ้าสะอาดตาที่เซถลาเข้ามาในอ้อมแขนของเขาแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวนั้นได้เป็นอย่างดี กลิ่นหอมอ่อนๆ ของกายสาวยังติดจมูกเขาไม่ลบเลือน
ดวงตากลมโตสีดำขลับราวกับราตรีแห่งรัตติกาลนั้นเบิกกว้างอย่างตกใจ เรียวปากอิ่มเต็มสีแดงราวกับผลเชอรี่สุกเผยอออกจากกันอย่างลืมตัว เขาจำได้ดีว่าตัวเองนั้นตะลึงงันกับภาพสาวงามตรงหน้าอยู่นานแค่ไหน
ก็ใช่น่ะสิ... เขายอมรับอย่างไม่มีข้อแม้เลยว่าหล่อนนั้นสวยสดงดงามหาหญิงใดเปรียบได้ยาก ผมยาวสีดำสนิทปล่อยเหยียดตรงสลายอยู่กลางแผ่นหลัง และนั่นก็คือสิ่งที่แปลกใหม่สำหรับเขายิ่งนัก เพราะปกติคู่ควงแต่ละคนของเขาจะเป็นแม่สาวจากฝั่งยุโรป หรือไม่ก็อเมริกาซะส่วนใหญ่ ไม่เคยสักครั้งเดียวที่เขาจะชายตามองผู้หญิงเอเชียอย่างเช่นหล่อน แต่ความสวยงามจอมปลอมนั่นก็ไม่อาจจะเปลี่ยนแปลงจิตใจที่แน่วแน่ของเขาได้ เพราะเขาไม่ต้องการแต่งงานกับหล่อน เขามีปัญญาแสวงหาผู้หญิงที่คู่ควรจะเป็นแม่ของลูกตัวเองได้ ไม่จำเป็นที่จะต้องให้ใครมาบงการ แม้กระทั่งมารดาเลี้ยงของตนเอง
เจ้าชายหวนคิดถึงเรื่องราวในอดีตของตนอีกครั้ง รอยยิ้มกระด้าง ดุดัน ระบายออกมาบนใบหน้าหล่อเหลือร้ายนั้นช้าๆ ดวงตาคมกล้าดุจพญาเหยี่ยวเพ่งมองออกไปนอกหน้าต่างกระจกชั้นดี ทอดสายตาไปยังสวนสวยทรงยุโรปที่ได้รับการตัดแต่งและดูแลอย่างดียิ่ง
บิดาของเขา ท่านชีคฮาเซม อัล-ราชิด ผู้ที่ลุ่มหลงผู้หญิงไทยนามว่า อันมิกา อย่างหัวปรักหัวปรำ หลงจนแม้กระทั่งภาษาประจำชาติที่เคยมีแค่ภาษา ความาร์ และภาษาอังกฤษเท่านั้น ท่านก็ยังนำเอาภาษาไทยมาเป็นภาษาที่สาม ที่ประชากรในประเทศความาร์จำเป็นต้องศึกษาเอาไว้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เจ้าชายสูงศักดิ์คิดอย่างขัดเคือง แม้ตลอดเวลาที่อันมิกาแม่เลี้ยงของเขามีชีวิตอยู่ จะไม่ใช่แม่เลี้ยงใจร้ายตามแบบฉบับนิยายในโบราณกาลก็ตามที แต่หล่อนก็ทิ้งปัญหาอันหนักอึ้งไว้ให้เขาปวดหัวเล่นได้อย่างไม่น่าเชื่อ
“ท่านออกไปได้แล้ว กาซิม”
ฮิมรานหันกลับมาพูดกับอำมาตย์ชราด้วยน้ำเสียงที่เจือโทสะน้อยลง ลมหายใจหนักหน่วงถูกพ่นออกมาจากริมฝีปากได้รูปสีสวยนั้น
“พ่ะย่ะค่ะ องค์ชาย”
กาซิมข้ารองพระบาทของราชวงค์ อัล-ราชิด ค่อย ๆ คลานเข่าออกไปจากห้องประทับอย่างนุ่มนวลแต่นั่นก็ไม่ได้อำพรางความสั่นสะท้านอันเกิดมาจากความกริ่งเกรงต่ออำนาจของเจ้าชายฮิมราน องค์รัชทายาทได้เลย
เมื่ออยู่ในห้องตามลำพัง ฮิมรานก็ทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้หนังเนื้อดีอย่างกลัดกลุ้ม รายงานแต่ละฉบับเกี่ยวกับร้อยดาวที่เขาให้คนสนิทส่งมาให้นั้นยังไม่ร้ายแรงเท่ากับ สิ่งที่เขาได้พบเห็นมากับตาและได้ยินมากับหูที่เมืองไทย
แล้วไหนจะคำพูดของแม่เลี้ยงเจ้าหล่อนอีกล่ะ...
“ลูกดาวนะเหรอ รายนั้นวัน ๆ ไม่ทำอะไรหรอกค่ะ นอกจากออกไปเที่ยวกลางคืนกับผู้ชาย ไม่ซ้ำหน้า กว่าจะกลับก็เช้านั่นแหละ”
ความจริงแล้วคำพูดเหล่านั้นไม่อาจทำให้ฮิมรานคล้อยตามได้ง่าย ๆ เพราะเขาไม่ใช่คนหูเบา ต้องมีหลักฐานที่สามารถยืนยันได้เขาถึงจะเชื่อ แต่หลักฐานคาตาที่ผับ ก็ทำให้เจ้าชายอย่างเขาเชื่อภาพที่เห็นเบื้องหน้าอย่างสนิทใจ
อายุยังไม่ถึงยี่สิบปีแต่เจ้าหล่อนกับทำตัวราวกับเป็นผีเสื้อราตรีซะแล้ว... เจ้าชายหนุ่มค่อนขอดหล่อนอยู่ในใจ ริมฝีปากหยักสวยโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มหยัน ฮิมรานรู้สึกขยะแขยงแม่ว่าที่เจ้าสาวของตนเองจนแทบอาเจียน
ถึงยังไงเขาก็ไม่ยอมทำตามสัญญาบ้า ๆ ที่อันมิกาแม่เลี้ยงของเขาทำขึ้นมาหรอก ถึงเสด็จพ่อของเขาจะไม่ยินยอมก็ตาม ฮิมรานลุกขึ้นจากเก้าอี้หนัง ก่อนจะหมุนตัวเดินออกจากห้องไป
ชีคฮาเซม อัล-ราชิด เงยหน้าขึ้นมองลูกชายที่กำลังปิดประตูห้องและเดินตรงเข้ามา ใบหน้าหล่อเหลาอย่างร้ายกาจของฮิมรานทำให้เขาอดทึ่งไม่ได้
ฮิมรานโอรสองค์โตของเขากับราชินีองค์แรกที่ตอนนี้อายุอานามก็ปาเข้าไปสามสิบสี่ปีแล้ว แต่ฮิมรานก็ยังไม่ยอมมีคู่ครองสักที มีแต่คู่ควงเป็นแม่สาวผมทองมั่ง ผมบลอนด์บ้าง ให้เขากลุ้มใจได้ทุกวี่วัน
เพราะตามที่เขาตกลงไว้กับราชินีองค์ที่สองหลังจากที่องค์แรกได้จากไปแล้วนั้น ว่าจะให้ฮิมรานเป็นคู่หมายกับเด็กสาวคนหนึ่งที่เมืองไทย ซึ่งสาวน้อยคนนั้นเป็นบุตรสาวของคู่หมั้นคู่หมายที่อันมิกาทอดทิ้งมาเพื่ออยู่กับเขา หล่อนรู้สึกผิดต่อชายผู้นั้นอย่างมาก ดังนั้นก่อนจะเสียชีวิต หล่อนจึงได้ทำสัญญาไว้ฉบับหนึ่งและให้เขาเซ็นรับรอง ให้ฮิมรานแต่งงานกับสาวไทยที่ชื่อร้อยดาว โดยไม่มีข้อแม้อะไรทั้งสิ้น และเขาก็ตามใจหล่อนจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต
“เสด็จพ่อ หม่อมฉันมีเรื่องกราบทูลพ่ะย่ะค่ะ”
เจ้าชายหนุ่มก้าวมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าชีคฮาเซมพระบิดาของตัวเอง ใบหน้าที่ถอดแบบมาจากเทพบุตรกรีกยามนี้ราบเรียบไม่ได้แสดงความรู้สึกอะไรออกมา แต่นั่นก็ไม่อาจจะหลบซ่อนความไม่พอใจที่มีอยู่เต็มอกให้น้อยลงไปได้เลย
“ฮิมรานนั่งลงก่อนสิ”
เจ้าชายรูปงามเดินเข้าไปทรุดตัวนั่งบนเก้าอี้เนื้อดีตรงข้ามกับบิดา ดวงตาคมกล้าเงยขึ้นสบตากับชีคชรานิ่ง ความจริงแล้วฮิมรานอยากจะอาละวาดให้พังกันไปข้างหนึ่ง แต่ด้วยการที่เขาไม่ใช่สามัญชนธรรมดา จึงจำเป็นต้องเก็บอารมณ์ไว้ให้ลึกที่สุด จะแสดงออกมาให้เห็นบ้างก็แค่กับคนสนิทที่ไว้ใจได้เท่านั้น
“หม่อมฉันปฏิเสธที่จะทำตามสัญญาฉบับนั้นของเสด็จแม่พ่ะย่ะค่ะ”
น้ำเสียงจริงจังแฝงไปด้วยความเดือดดาลที่ปิดไม่มิด หลุดรอดออกมาจากริมฝีปากหยักสวยนั้น ชีคฮาเซมระบายรอยยิ้มออกมาราวกับไม่รับรู้ถึงความขัดเคืองที่โอรสมีอยู่เต็มหัวใจ