EP.4
แต่ก็ดูเหมือนคำขอของหล่อนจะไม่ได้ผล เมื่อรถที่หล่อนนั่งมาตั้งแต่สนามบินจอดสนิท หญิงสาวหันไปมองหน้าคนขับรถด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม แต่หล่อนก็ไม่ได้รับคำตอบใด ๆ กลับมา
“ถึงแล้ว...” เขาพูดแค่นั้น ก็เปิดประตูและก้าวลงจากรถไปทันที ทิ้งให้ร้อยดาวมองตามไปตาปริบๆ
หญิงสาวกระโดดลงมาจากรถ สายตากวาดมองไปรอบๆ หล่อนเห็นผู้คนในชุดประจำชาติเดินไปมา ร้อยดาวจ้องมองกระโจมหลังใหญ่เบื้องหน้าอย่างกังขา ก่อนจะมองเลยไปยังกระโจมหลังเล็ก ๆ สี่ห้าหลังที่ตั้งอยู่ห่างออกไป
“เชิญคุณด้านใน...”
สตรีนางหนึ่งที่คลุมผม คลุมหน้าจนเหลือแต่ดวงตา เดินมาพูดกับหล่อนด้านหลัง ร้อยดาวรีบหันกลับไปมอง และรอยยิ้มของหล่อนมีอันต้องแห้งแล้งลงทันทีเมื่อเห็นแววตาไม่พอใจของสตรีนางนั้น
หญิงสาวก้าวตามสตรีชาวความาร์ไปหยุดอยู่หน้ากระโจมที่ใหญ่ที่สุดในบรรดากระโจมทั้งหลายที่ตั้งอยู่ในแถบนี้
“เข้าไปได้แล้ว มีคนกำลังรอพบคุณอยู่” สตรีในชุดรุ่มร่ามเปิดปากประตูกระโจมให้ ร้อยดาวประสานสายตากับสตรีนางนั้นอย่างชั่งใจ ก่อนจะตัดสินใจก้าวเท้าเดินเข้าไปด้านใน ทุกย่างก้าวเต็มไปด้วยความกริ่งเกรง
ภาพที่เห็นตรงหน้าทำให้หล่อนถึงกับตื่นตะลึง นี่ถ้าหล่อนกำลังนอนอยู่ที่บ้านหล่อนคงคิดว่าตัวเองฝันถึงเจ้าชายแขกในเทพนิยายอาหรับราตรีอย่างแน่นอน
แต่นี่ไม่ใช่! มันเป็นความจริง
เตียงกว้างแบบเตี้ยที่ปูด้วยผ้าซาตินเนื้อดีตั้งอยู่ใจกลางกระโจม ด้านบนเตียงมีมุ้งบางๆ คลุมอยู่ ด้านข้างของกระโจมมีโซฟาที่ทำจากหนังอย่างดีตั้งอยู่ โดยมีหมอนใบสวยวางเรียงรายอยู่บนนั้น
หญิงสาวก้าวเท้าไม่ออก ขาอ่อนแรงได้อย่างไม่น่าเชื่อเมื่อสายตาของหล่อนปะทะเข้ากับร่างสูงใหญ่มากๆ ของผู้ชายคนหนึ่งที่ยืนหันหลังให้กับหล่อน ความรู้สึกหวาดกลัวโหมเข้าใส่หล่อนราวกับพายุเฮอริเคน เหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นตามหน้าผากอย่างควบคุมไม่ได้ มือบางเย็นเยียบราวกับว่าหล่อนพึ่งไปจับน้ำแข็งมาอย่างนั้น
เขาล่ะมั้ง... คือเจ้าชายฮิมราน บิน ฮาเซม อัล-ราชิด
แต่ทำไมเขาถึงมาอยู่ในทะเลทรายล่ะ เขาไม่ได้ประทับอยู่ในวังหรอกเหรอ หรือว่าหล่อนกำลังเข้าใจอะไรผิดกันแน่
หัวใจของหล่อนเหมือนจะหยุดเต้น ลมหายใจติดขัดอยู่ที่ลำคอ เมื่อเขาหันหน้ามา และนั่นก็เป็นสาเหตุให้สติสัมปชัญญะของหญิงสาวบินหายไป เหลือไว้แต่ความรุ่มร้อนบางอย่างที่ไม่สามารถอธิบายเป็นคำพูดได้
เขาอยู่ในชุดประจำชาติไร้ที่ติ เสื้อคลุมตัวนอกสีดำสวมทับเสื้อตัวในสีขาวตัวยาวกรอมเท้า กระดุมเม็ดสวยติดเรียงรายกันลงมาถึงบริเวณกลางลำตัว ด้านบนศีรษะมีผ้าสีขาวที่มีเสวียนเชือกสีดำทำจากไหมชั้นดีคลุมอยู่ เรือนร่างของเขาสูงใหญ่อย่างมาก ถ้าหล่อนคาดคะเนไม่ผิดเขาคงอยู่ประมาณ 6 ฟุตกับอีกหลายนิ้ว ร้อยดาวถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อนึกถึงอิทธิพลของเขาที่กำลังโจมตีเข้าใส่หล่อน
ไหล่กว้างสง่างามบ่งบอกได้ถึงความแข็งแกร่งและพละกำลังที่เขามีอยู่ในตัวได้เป็นอย่างดี หญิงสาวกวาดสายตามองเขาอย่างลืมตัว ผมสีดำสนิทของเขาตัดสั้น ดวงตาสีน้ำตาลเข้มของเขาเจิดจ้าอยู่ใต้ขนตาดกดำ โดยมีเรียวคิ้วหนาเป็นปื้นสีเข้มขับให้ดูโดดเด่นมากขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ
ร้อยดาวถอนหายใจออกมาอย่างหนักอกกับภาพที่เห็นตรงหน้า หัวใจของหล่อนเต้นรัวราวกลองที่ถูกกระหน่ำทุบตี คลื่นความร้อนเดือดพลักในกระแสเลือด เมื่อหล่อนเลือนสายตามองต่ำลงไปริมฝีปากหยักได้รูปสีสวยที่อยู่ภายใต้จมูกโด่งเป็นสันงดงาม กรามแข็งแกร่งของเขามีไรเคราสีเขียวขึ้นอยู่ หญิงสาวรู้สึกลำคอแห้งผาก เขาหล่อเหลาราวกับเทพบุตรกรีก ปฏิกิริยาที่หล่อนมีต่อการเผชิญหน้ากับเขานั้น ทำให้หล่อนหวาดกลัว กลัวเสียยิ่งกว่าพายุทะเลทรายซะอีก
หญิงสาวเห็นริมฝีปากหยักสวยโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้ม แต่มันไม่ใช่รอยยิ้มแบบยินดีปรีดาสักนิด มันคือรอยยิ้มแบบดูหมิ่นดูแคลนต่างหาก ความร้อนแห่งความอับอายวิ่งจากลำคอพุ่งสู่พวงแก้มนวล หล่อนรู้สึกอยู่ผิดที่ผิดทางอย่างบอกไม่ถูก
และเมื่อร่างสูงใหญ่นั้นก้าวเข้ามาหยุดยืนอยู่เบื้องหน้า ห่างกันไม่เกิน 2 เมตร ความคุ้นตาก็บังเกิดขึ้นกับหล่อน หญิงสาวเบิกตากว้าง เรียวปากอิ่มสีสวยเผยอออกจากกันอย่างลืมตัว
“คุณ...” หล่อนเหมือนจะจำเขาได้ ก็ใช่นะสิ หล่อนจำได้เขาแน่ๆ เลยล่ะ หล่อนจะลืมผู้ชายที่หล่อเหลาแบบนี้ได้ยังไง แก้มสาวแดงระเรื่อชวนมอง หล่อนปฏิเสธความดีใจที่พุ่งพรวดขึ้นมาล้นอกแทบไม่มิด
“เราเคยพบกันแล้วใช่ไหมค่ะ ที่เมืองไทย...”
เสียงหัวเราะฮึฮึในลำคอบึกบึนของบุรุษสุดหล่อตรงหน้าทำให้ร้อยดาวหน้าร้อนวูบวาบ ดวงตากลมโตใสแจ๋วจ้องเขาไม่วางตา รอยยิ้มละไมแตะแต้มดวงหน้า
ฮิมรานหรี่ตามองหญิงงามตรงหน้านิ่ง เขาเริ่มรู้สึกถึงความอึดอัดที่เกิดขึ้นทั่วกาย ลมหายใจของเขาขาดช่วง เจ้าชายหนุ่มแทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเจ้าหล่อนจะมีอิทธิพลต่อการควบคุมตัวเองของเขาที่เคยมีอยู่ล้นปรี่ให้ลดน้อยถอยลงได้อย่างน่ากลัวแบบนี้
แต่เขาก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า... หล่อนงดงามหาที่ติไม่ได้เลยจริงๆ
ใบหน้ารูปไข่ไก่ขาวอมชมพูเนียนตา ผมเส้นเล็กสีดำขลับเหยียดตรงถึงกลางหลัง ด้านหน้ามีกิ๊ปสีดำติดไว้ฝั่งละตัว ดวงตากลมโตหวานฉ่ำอยู่ใต้ขนตาดกดำยาวงอน ขนคิ้วสีดำสนิทขึ้นเป็นเส้นสวยโก่งราวกับคันศร จมูกโด่งเชิดน้อย ๆ อยู่บนเรียวปากอิ่มเต็มรูปกระจับสีแดงระเรื่อ ฮิมรานถอดถอนลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่เมื่อรับรู้ถึงความงดงามอย่างเหลือเชื่อของเจ้าหล่อน
เจ้าชายรูปงามเลือนสายตาลงต่ำ และเลือดหนุ่มของเขาก็ต้องเดือดพล่านเมื่อสายตาของเขารับภาพทรวงอกอวบอัดที่พุ่งดันเสื้อเชิ้ตสีขาวขึ้นมา ฮิมรานอยากจะกระชากเจ้าเสื้อเชิ้ตบ้าๆ นั่นออก แล้วก็ตะโบมบีบเคล้นเจ้าก้อนเนื้อนั้นให้หายคุ้มคลั่ง และไหนจะเจ้าสะโพกผายกลมกลึงนั่นอีก มันรับกันอย่างเหมาะเจาะกับบั้นท้ายงอนงามน่าเคล้าคลึง นี่ยังไม่รวมถึงเรียวขายาวๆ ได้รูปสวยของเจ้าหล่อนที่ซุกซ่อนอยู่ในกางเกงยีนสีมอๆ ตัวนั้น
ความอึดอัดจนแทบจะระเบิดกำลังโจมตีเขาอย่างหนัก นี่เขาไม่อยากคิดเลยว่า หากเรียวขายาว ๆ ของเจ้าหล่อนโอบรัดรอบเอวแกร่งของเขาจะเป็นยังไง...
ก็นรกน่ะสิ! ฮิมรานร้องตะโกนบอกตัวเองในใจราวกับคนบ้า
เจ้าชายหนุ่มรู้สึกหงุดหงิดงุ่นง่านอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เขาไม่ชอบเลยสักนิดที่ตัวเองตอบรับเสน่ห์ทางเพศของร้อยดาวรุนแรงขนาดนี้ แต่เขาก็ห้ามสายตาของตัวเองไม่ได้ หล่อนงดงามจนเขาละสายตาไม่ได้เลยจริงๆ งดงามเสียจนเขารู้สึกลังเลกับความคิดที่จะปฏิเสธการแต่งงานกับหล่อน หรือว่าเขาจะยินยอมเข้าพิธีอภิเษกสมรสกับหล่อนดี เพราะเขาคิดว่าหล่อนจะต้องเป็นคู่นอนที่ยอดเยี่ยมอย่างมากเลยทีเดียว แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าหล่อนจะเป็นแม่ที่ดีของลูกเขาได้ และที่สำคัญเขาทำใจให้ยอมรับพฤติกรรมไร้ยางอายของหล่อนไม่ได้เลยจริงๆ เจ้าสาวของเขาต้องบริสุทธิ์และสะอาดดั่งน้ำค้างยามเช้า แม้เขาจะอาศัยอยู่ในฝรั่งเศสมาหลายปี แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เขาลืมวัฒนธรรมอันดีงามของความาร์แม้แต่น้อย
เพราะสิ่งที่เขาพยายามหลีกเลี่ยงอย่างที่สุดยามที่อยู่ในฝรั่งเศสก็คือ การหลับนอนกับผู้หญิงพรหมจรรย์ เพราะเขารู้ดีอยู่แก่ใจว่า ตัวเองนั้นไม่สามารถให้สิ่งที่คู่ควรกับพวกหล่อนได้ ดังนั้นคู่นอนของเขาแต่ละคนจึงเป็นผู้หญิงรักสนุกทั้งนั้น สนุกด้วยกันชั่วครู่ชั่วยามก่อนจะแยกย้ายกันไป
เคยมีอยู่บางครั้งที่ผู้หญิงเหล่านั้นคิดจะจริงจังกับเขา แต่เขาก็ปฏิเสธอย่างไม่มีเยื่อใย เพราะเขาไม่ต้องการจะถูกล่ามโซ่ไว้กับผู้หญิงคนไหน เขายินดีที่นอนกับผู้หญิงมากหน้าแต่ไม่คิดจะหยุดที่ใครทั้งนั้น
แต่ถ้าหากต้องหยุดจริงๆ แล้วล่ะก็...
เธอคนนั้นต้องเป็นพรหมจารี... ไม่ใช่ทำตัวเละเทะแบบร้อยดาว!
“จำแม่นนี่...”