งานเลี้ยงวันเกิดที่ถูกจัดขึ้นอย่างไม่ได้ตั้งใจของเจ้าสั่วธนินท์แต่เพียงเพราะอยากจะพบหน้าเด็กสาวเท่านั้นเองถึงได้จัดขึ้นและตอนนี้งานเลี้ยงยิ่งใหญ่ก็กำลังเริ่มต้นขึ้น ถ้าเขาที่อายุเจ็ดสิบเดินเข้าไปพาเด็กคนนั้นมาเลี้ยงดูได้เลยแบบไม่มีข้อครหาเขาจะทำทันทีไม่มาจัดงานเลี้ยงน่าเบื่อแบบนี้หรอก
ธนินท์ยืนต้อนรับแขกที่ต่างพากันมาร่วมอวยพรวันเกิดให้กับเขาอยู่กับลูกสาวและลูกเขยหน้าฝรั่งเพราะเป็นลูกเสี้ยวอย่างวานิช แขกที่เขาเชิญมาในวันนี้ทุกคนล้วนแต่มีระดับและมีผลประโยชน์กับเขาและครอบครัวทั้งนั้นเพื่อให้สมฐานะไหนๆก็ลงทุนจัดงานแล้ว
"เจ้ากัลป์ เจ้าณพ มาช้านะเราสองคนเสร็จงานต้องโดนอบรมสะบ้างแล้ว"
วานิชต่อว่าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนทั้งสองคนอยู่หลังพ่อตาของเขา เพราะกำชับเอาไว้แล้วว่างานนี้ค่อนข้างสำคัญมีแต่คนใหญ่คนโตมาร่วมงานเขาก็อยากให้ลูกเป็นที่รู้จักต่อไปทำงานในแวดวงธุรกิจจะได้มีแต่คนอ้าแขนรับเพราะเป็นหลานของเจ้าสัวธนินท์แต่นี้สองหนุ่มกลับมาช้าแขกเดินเข้างานไปเกินครึ่งแล้ว
"ผมมีประชุม พ่อก็รู้"
เพลิงกัลป์ตอบแบบขอไปทีก่อนจะเชิดหน้ามองแขกที่กำลังเดินเข้ามาในงานใบหน้าที่ไม่เคยจะยิ้มให้ใครดูดุดันขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์ทั้งที่ปรับอารมณ์บูดๆมาแล้วตั้งพักใหญ่ก่อนจะมาที่นี้ งานนี้ถูกจัดขึ้นกะทันหันแม้แต่โรงแรมยังแทบจะจองไม่ทันถ้าไม่ติดว่าเป็นโรงแรมของตระกูลเขาผู้เป็นตาอย่างเจ้าสัวธนินท์คงต้องเลื่อนงานวันเกิด กะทันหันขนาดนี้เขาก็เลยแทบไม่อยากมาเพราะแค่งานที่ทำก็ล้นมือจนไม่รู้จะหยิบจับอะไรก่อนอยู่แล้ว
"ผมมีธุระนะครับพ่อ"
อรรณพแจกยิ้มโปรยไปทั่วกลบเกลื่อนความผิดของตัวเอง เขาไม่ได้ทำงานเป็นชิ้นเป็นอันอะไรครอบครัวเขารู้ดี ละไอ้คำตอบที่พูดออกไปให้ดูดีมันก็ไม่มีความจริงทุกคนก็รู้อีกเขาไม่มีธุระนอกจากเมาแล้วนอนไม่ตื่นแค่นั้นเอง
"กัลป์ เลขาลูกบอกว่าประชุมเลิกตั้งแต่หกโมงเย็นและนี้มันจะสองทุ่มรถคงติดสินะ ณพ แม่บ้านโทรมาบอกพ่อแล้วว่าแกเมา อย่าโกหก"
วานิชส่ายหัวอย่างเหลืออดกับลูกทั้งสองคน เพลิงกัลป์ดีหน่อยที่รับผิดชอบงานแบ่งเบาภาระหลายๆด้านช่วยเขาได้แต่เสียตรงที่ร้ายกาจจนเขาตามแทบไม่ทันบทจะเอาแต่ใจใครก็ห้ามยุ่ง อรรณพลูกชายคนเล็กคนนี้ทำเขาปวดหัวทุกวันเพราะไม่ทำงานแถมยังเมาหัวราน้ำทุกวันที่เด็ดสุดคงทำตัวเป็นปลาไหลได้ด้วยถ้าจับไม่ได้ว่าไปก่อเรื่องอะไรไว้อรรณพไม่มีทางยอมรับออกมาตรงๆ ยังไม่ทันจะอบรมลูกเสร็จวานิชก็ถูกดึงออกไปจากวงสนทนาสะก่อน
"นั้น เพลิงกัลป์กับอรรณพใช่ไหม ลุงไม่เจอนานเลยนะ แต่งงานกันหมดแล้วล่ะมั้งเนี้ยเป็นหนุ่มใหญ่ทั้งคู่เลย"
เพื่อนของวานิชที่ไปอยู่ต่างประเทศสะหลายปีมีโอกาสได้มาร่วมงานเดินเข้ามาขัดจังหวะพ่อกับลูกกำลังคุยกัน ดึงตัววานิชให้ไปคุยด้วยและยังมิวายทักทายสองหนุ่มที่คนหนึ่งหน้าบึ้งบอกบุญไม่รับอีกคนยิ้มรับแขกทุกคน
"แต่งงาน"
เป็นช่วงที่ไม่มีแขกคนอื่นเดินเข้างานหูคนแก่วัยเจ็ดสิบก็เลยได้ยินคำพูดนั้นเต็มสองหู ธนินท์เหมือนคิดอะไรออกและก็เริ่มจะโยงให้มันเป็นจริงภายในไม่กี่วินาทีที่ได้ยินคำนั้น