"อัญญา เร็วๆ"
กิตติอาจารย์ประจำวิชานาฏศิลป์ของโรงเรียนที่อยู่ถัดจากหน้าบ้านเจ้าสัวประชัยไปไม่ไกล เดินเข้ามาตามลูกศิษย์ที่นัดหมายว่าจะย่องมารับด้วยท่าทีลับๆล่อๆเพราะเขาไม่ถูกกับคุณนายลูกสะใภ้บ้านนี้เอามากๆเคยทะเลาะกันถึงขั้นลงไม้ลงมือด้วยเรื่องของอัญญาเมื่อหลายปีก่อน จนเจ้าของบ้านประกาศไม่ให้เขาเข้าใกล้บ้านนี้เป็นอันขาด
"สวัสดีค่ะอาจารย์"
อัญญากำลังก้มปิดประตูรั้วบ้านรีบยกมือไหว้คนมาเยือนอย่างน้อมน้อม เธอใส่ชุดทำงานออกจากบ้านมาทำตัวเหมือนจะไปทำงานอย่างทุกวันไม่ให้ใครสงสัยเพราะคนในบ้านเธอไม่ชอบอาจารย์กิตติเลยพาลไม่ให้เธอรับงานรำอีกเลย แต่เธอรักและชอบมันก็มักจะหนีไปอยู่บ่อยครั้งโดนจับได้บ้างไม่ได้บ้างมาตลอด
"รีบไป ก่อนนางยักษ์จะออกมา"
ทางท่ากระตุ้งกระติ้งของคนเป็นอาจารย์รีบดึงมือลูกศิษย์ที่ทางเจ้าของงานที่ว่าจ้างในคืนนี้เน้นย้ำมาว่าจะให้ไปรำอวยพรวันเกิดให้ได้ไปขึ้นรถที่จอดรออยู่ห่างออกไปจากหน้าบ้านคนใจยักษ์หลายเมตร และขับออกไปด้วยความรวดเร็วชนิดไม่ให้เห็นฝุ่นเพราะกลัวนางยักษ์จะออกมาตามกลิ่นเอาได้
"อัญญานนี้คือเจ้าสัวธนินท์ คนที่ว่าจ้างเราและก็เป็นเจ้าของวันเกิด"
กิตติรีบพาหญิงสาวมาที่โรงแรมแต่ก่อนจะพาไปแต่งหน้าแต่งตัวเจ้าของงานนี้ขอร้องให้เขาพาหญิงสาวมาพบก่อน นี้ถ้าเงินไม่เยอะพอเขาคงไม่พาลูกศิษย์มาเจอกับคนแก่ที่ดูจะลามกนี้ก่อนแน่ๆแต่เพราะอยากให้อัญญามีเงินพอใช้จ่ายก็เลยต้องยอมและยืนข้างๆเป็นเพื่อนเด็กสาว
"สวัสดีค่ะ"
อัญญายิ้มเพียงเล็กน้อยเพราะเธอไม่เคยยิ้มกว้างชีวิตไม่ได้มีความสุขขนาดที่จะยิ้มได้ขนาดนั้นพร้อมยกมือไหว้อย่างอ่อนน้อม เธอมองชายชราตรงหน้าในสายตาของเขาช่างอบอุ่นกว่าสายตาของผู้เป็นปู่ของเธอสะอีก มันน่ามองจนเธอไม่อยากละไปไหนเลย
"เหมือนจริงๆ"
ธนินท์มองเด็กสาวที่เขาเฝ้าตามหาจนเจออย่างพอใจและดีใจเป็นที่สุด ถึงจะต้องเก็บอาการไม่ออกนอกหน้าไปกว่านี้ ก่อนตายของเขาจะได้ตอบแทนบุญคุณคนที่ช่วยชีวิตเอาไว้สะที
"เหมือน ใครเหรอคะ"
อัญญาเอียงหน้าถามด้วยความสงสัยทั้งที่มือยังยกไหว้คนตรงหน้าอยู่ ไม่เคยมีใครทักทายเธอแบบนี้น่าแปลกใจสะจริง เธอมีอะไรเหมือนใครอย่างนั้นเหรอ
"เหมือนนางรำปีก่อนนะจ้ะ เจ้าสัวหาจ้างมานานแล้ว"
ฐานมาศลูกสาวคนเดียวของเจ้าสัวธนินท์รีบเดินฉับๆเข้ามาคนเป็นพ่อ เธอเกือบมาช้าไปเพราะถ้าพ่อของเธอพูดอะไรออกไปมากกว่านี้ทางบ้านเจ้าสัวประชัยตาของเด็กคนนี้คงได้มาสูบเลือดสูบเนื้อครอบครัวของเธอจากผลบุญที่คนตายได้ทำเอาไว้หมดตัวแน่ๆ ใครๆก็รู้บ้านนั้นกำลังจะสิ้นเนื้อประดาตัว ธุรกิจมีเท่าไรก็ขายกินจนจะหมดอยู่แล้ว
"พาแม่หนูคนนี้ไปแต่งตัวได้แล้ว เดี๋ยวจะไม่ทัน"
เธอจับแขนของพ่อเอาไว้แน่นเพื่อไม่ให้ท่านพูดอะไรด้วยเรื่องนี้ได้ตกลงกันเอาไว้แล้ว ยังไงเรื่องนี้เธอจะจัดการช่วยเด็กคนนี้คนเดียวเท่านั้นครอบครัวใหญ่โตนั้นไม่เกี่ยวเธอหวังว่าพ่อจะเข้าใจเธอ
"ไว้เจอกันในงาน"
ธนินท์โบกมือให้ทุกคนออกไปจากห้องทำงานของเขาร่วมถึงลูกสาวของเขาด้วย ขอนั่งใช้ความคิดคนเดียวที่จะพาเด็กสาวลูกของกานดาคนที่ตายแทนเขาเมื่อยี่สิบก่อนมาอุปการะยังไงไม่ให้ครอบครัวนั้นเข้ามาวุ่นวายเพราะเขาก็ไม่ได้ถูกชะตากับเจ้าสัวประชัยเท่าไร