อามินเดินลงกลับไปห้องทำงานด้วยความสับสนในหลายๆอย่างที่ไกอาเล่าให้ฟัง เธอไม่ได้โกหกแต่บอกมาแบบที่พ่อเขาบอกเอาไว้ แต่ว่านั่นมันไม่ใช่เรื่องจริงเลยสักข้อเดียว เขาไม่เคยหวงหรือห้ามพ่อแต่งงานใหม่ พ่อก็ไม่ใช่คนใจดีแบบที่เธอพูดเลยสักนิด เขาถูกเลี้ยงดูมาแบบเคร่งครัด หากทำผิดก็โดนลงโทษที่รุนแรงมาก พ่อแทบไม่มีอะไรที่โอนอ่อนได้เลย คำพูดของพ่อส่วนใหญ่จะให้คำรู้สึกว่าเป็นคำสั่งมากกว่าแบบอื่นด้วยซ้ำ
แต่ว่านั่นทำให้เขาอิจฉาเธอหน่อยๆที่พ่อดูแลดีมากขนาดนี้ รู้สึกว่าจะดูแลดีมากกว่าเขาที่เป็นลูกแท้ๆด้วยซ้ำ พ่อทะนุถนอมไกอามากกว่าเด็กทั่วไปจนน่าสงสัยว่าสถานะแท้จริงคืออะไร เธอบอกว่ามีพ่อแค่คนเดียวซึ่งไม่ใช่พ่อของเขา แต่ว่าพ่อนี่สิคิดยังไงกับไกอากันแน่ถึงดูแลปกป้องขนาดนี้
หวังว่าจะไม่ใช่เชิงชู้สาวหรอกนะ
เขาไม่อยากแย่งผู้หญิงคนเดียวกันกับพ่อ
“ได้เรื่องบ้างไหม?”
“ไม่มีอะไรเลยครับบอส ข้อมูลน้องไกอามีแค่ที่ท่านส่งมาและในระบบต่างๆก็ไม่มีบันทึกเอาไว้เลย ผมติดต่อคนทางนั้นแล้วคาดว่าพรุ่งนี้น่าจะได้รู้คำตอบเพิ่มเติมที่เป็นประโยชน์มากกว่านี้” เฌอมาบอกด้วยความเหนื่อยใจในคำสั่งด่วน
“บางทีถามท่านเองจะง่ายกว่าไหมครับ?” ราเมเสนอความเห็นที่น่าจะง่ายที่สุดแล้ว แต่ว่าบอสอามินถอนหายใจแล้วนั่งลงเก้าอี้ทำงานพร้อมกับเทเหล้าดื่ม
“พ่อฉันหลอกไกอาไว้ซะเยอะเลย”
“แล้วจะเอายังไงต่อดีละครับ?”
“ก็คงต้องถามแหละ หลังจากวันเกิดฉันต้องไปธุระกับพ่ออาทิตย์กว่าๆหรืออาจจะนานกว่านั้นเพราะอาจจะแวะไปหาแม่ด้วย เฌอมาดูแลไกอาดีๆ” การเดินทางครั้งนี้ราเมกับชาเน่จะไปด้วย เขาเหลือเฌอมาให้ดูแลและมั่นใจว่าน่าจะเข้ากันได้ง่าย
“ครับบอส ว่าแต่เรื่องยิงปืนนี่ยังไงครับ”
“นอกจากยิงปืนก็ยังควงมีดได้คล่องมาก แต่ว่าพ่อกับเอสวางแผนหลอกให้คิดว่าไม่เก่งมากตลอด ฉันไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำแบบนี้ไปทำไม แต่เดี๋ยวต้องได้คำตอบแน่”
“บอสรักน้องไกอาใช่ไหมครับ?” ชาเน่ถามเสียงแผ่วเบาในเรื่องที่รู้อยู่แล้วแม้ว่าบอสจะไม่เอ่ยปากออกมาเลยสักครั้ง การกระทำของบอสชัดเจนตั้งแต่วันแรกที่น้องไกอามา แต่เพราะว่าความไม่ชัดเจนในความสัมพันธ์ของคุณท่านกับน้องไกอาเลยไม่กล้าล้ำเส้นไปมากกว่าดูแลตามคำสั่ง
“ถ้ารู้แล้วจะถามทำไม?” เขาตอบเสียงแผ่วเบายอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้นและควบคุมไม่ได้ แล้วหยิบแก้วเหล้าขึ้นมาดื่ม
“ฉันต้องการความชัดเจนจากพ่อมากกว่านี้ก่อน ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพ่อเลี้ยงดูไกอามาในฐานะอะไรกันแน่ แล้วปกป้องดูแลดีขนาดนี้มันเกินกว่าอุปการะทั่วไป” พูดอีกก็ยกเหล้าขึ้นมาดื่มอีกครั้ง อย่างน้อยไกอาก็ไม่มีทางเป็นน้องสาวที่เกิดจากคนละแม่ได้ แต่นั่นก็ใช่ว่าจะตัดเรื่องความรักแบบอื่นไปได้ง่ายๆ เขาแค่กลัวว่าพ่อจะเลี้ยงดูเพื่อให้โตพอก่อนจะลากขึ้นเตียง
ผู้หญิงคนเก่าของก็ผมทองแบบนี้
เขาหวั่นใจจริงๆ
หลังจากคุยอะไรหลายอย่างจบลงก็ขึ้นไปที่ห้องนอนเพื่อพักผ่อน แต่ในตอนที่กำลังจะก้าวเท้าเข้าห้องนอนกลับชะงักแล้วเปลี่ยนใจเดินไปห้องข้างกันแทน ตอนนี้เป็นเวลาตีหนึ่งเธอหลับสนิทไปแล้ว เขาเดินไปด้วยความเงียบแล้วนั่งลงบนเตียงและลูบหัวเบาๆด้วยความเอ็นดูมาก เด็กคุยเก่งไม่เคยรู้ถึงความเก่งของตัวเองเพราะถูกทำให้ตัดขาดสังคมภายนอกและสร้างสถานการณ์ให้คิดว่ายังไม่มีความสามารถมากเพียงพอจะดูแลตัวเองได้ พ่ออาจจะกำลังซ่อนเธอจากใครสักคนหรือปกป้องเธอจากทุกสิ่งทุกอย่างมากจนเกินไป
รู้ไหมว่าการหักห้ามใจมันยากขนาดไหน
หนึ่งปีที่ได้แต่แอบรัก
วันต่อมาเราเดินทางมาถึงทะเลในช่วงบ่ายโมง กระเป๋าทุกในและของอย่างพนักงานเอาไปเก็บเรียบร้อยแล้ว ไกอาเดินออกมาตามนัดกินข้าวเป็นคนสุดท้ายที่ร้านอาหารและเจอกับคนที่ทำให้คิดถึงมาก เธอเดินเร็วขึ้นแล้วไปกอดอาเอสที่ยิ้มกว้างให้ ไม่กี่นาทีคุณท่านก็เดินมากอดแล้วลูบหัวเบาๆ
“ไม่เจอปีหนึ่งยัยหนูโตขึ้นเยอะเลยนะ”
“คุณท่านก็พูดเกินไป ฉันตัวเท่าเดิมไม่เห็นจะโตขึ้นเลย”
“ยังต่อปากต่อคำเก่งเหมือนเดิมเลยนะยัยหนู แล้วอยู่ที่นี่เป็นยังไงบ้างเล่ามาให้หมดเลยนะ มีใครแกล้งอะไรหนูไหม หรือมีคนขัดใจเกินไปรึเปล่า บอกมาเลยไม่ต้องกลัวใคร ฉันอยู่ที่นี่แล้วไม่มีใครดุหนูได้หรอก”
อามินกำมือแน่นพร้อมจ้องมองพ่อที่ทั้งกอดไกอาแล้วโอบไหล่เดินผ่านหน้าไปอีก เขาเดินตามมาด้วยความเร็วไม่ได้ตั้งใจจะหาเรื่องใครเลยจริงๆ ก่อนจะจับแขนพ่อรั้งเอาไว้ให้หยุดนิ่งแล้วดึงตัวไกอาออกมาพร้อมกับแทรกตัวเองไปตรงกลาง พ่อทำหน้ามึนงง ส่วนไกอาก็คิ้วขมวดแล้วหัวเราะเบาๆ
มีเรื่องอะไรให้ขำนักเหรอ
“บอสหวงคุณท่านจริงๆด้วย”
“ฉันก็บอกหนูแล้วว่าลูกชายขี้หวงมาก”
“ใครหวงพ่อวะ! ส่วนเธอมานี่เลยจะอยู่ใกล้อะไรนักหนา คนแก่ๆแบบนั้นชวนคุยไม่สนุกหรอก ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีแรงพาเธอเดินเล่นรึเปล่า มากับฉันนี่!”
“ไอ้นี่!”
“แก่ก็อยู่ส่วนแก่นะพ่อ วัยรุ่นเขาจะเล่นกันอย่ามายุ่ง!”
“วัยรุ่นบ้าอะไร! แกอายุสามสิบแปดปีแล้วอามิน”
“ก็ยังไม่แก่เท่าพ่อแล้วกัน ไปกันเถอะไกอาอยู่ตรงนี้นานแล้วเหม็นสาปพวกเ*******ูแก่แล้วแล้วไม่เจียมตัว!”
“ฉันเป็นพ่อแกนะอามิน!”
“ผมก็ไม่ได้พูดนี่ว่าพ่อเป็นคนสวน!”
“ไอ้นี่มันกวนประสาทจริงๆ ยัยหนูไปกับเอสเถอะอย่าไปอยู่ใกล้มัน ไอ้นี่มันเป็นบ้า เดี๋ยวจะประสาทใส่หนูเอา!”
“แก่แล้วอย่าใส่ร้ายคนอื่นดิพ่อ!”
“ว่าฉันแก่ แกเองก็แก่จนแทบจะเป็นพ่อยัยหนูได้อยู่แล้ว!”
“ทำไมพ่อปากเสียจังเลยวะ!”
เอสจะกุมขมับด้วยความปวดหัวที่พ่อลูกทะเลาะกัน แล้วอีกไม่กี่วันจะต้องเดินทางไปเมืองนอกด้วยกันอีก เขาต้องเตรียมอะไรมาอุดหูไว้ไหมเนี่ย ก่อนจะทำอะไรไกอาก็เดินนำไปรอที่ร้านอาหารแล้วเลือกเมนูรอ บอสอามินกับคุณท่านก็รีบเดินตามเหมือนแข่งขันว่าใครจะไปถึงก่อนอย่างนั้นแหละ
“ปรกติวีนแบบนี้บ่อยไหม?” เอสหันไปถามบอดี้การ์ดคนสนิทของบอสอามินที่คุ้นหน้ากันดีมาก
“ก็บ่อยนะพี่เอส แต่ว่าบอสไม่เคยวีนใส่น้องไกอาหรอก บอสไม่เคยขึ้นเสียงเลยด้วยซ้ำ” ชาเน่ตอบในสิ่งที่รู้และเห็นตลอดระยะเวลาหนึ่งปีเต็ม
“น้องไกอาเป็นใครกันแน่เหรอ ทำไมคุณท่านถึงดูรักนักรักหนาขนาดนั้น” เฌอมาถามด้วยความข้องใจอย่างหนัก
“ใช่ เรื่องนี้ต้องบอกนะไม่งั้นบอสมีสิทธิ์อาละวาดแน่นอน” ราเมย้ำให้รู้ถึงความสำคัญก่อนที่อะไรจะแย่ลงไป
“คุณท่านเลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็กเลยรักเหมือนลูกสาวน่ะ” เอสตอบง่ายๆที่น่าจะทำให้เข้าใจมากขึ้น ส่วนรายละเอียดอื่นๆนั้นไม่สามารถจะพูดออกไปได้หรอก แล้วบางเรื่องเขาก็ไม่ได้รู้มากขนาดนั้นด้วย
“รู้แบบนี้แล้วค่อยเบาใจขึ้นมาหน่อย งั้นแบบนี้บอสก็มีหวังสิ” ราเมบ่นเบาๆแล้วยิ้มกว้าง ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์ข้อความบอกบอสอามินทันที
“หมายความว่าไง!?” เอสถามด้วยความตกใจและหนักใจมากในสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นและควบคุมไม่ได้
“ก็แบบที่พูดนั่นแหละพี่เอส” ราเมตอบด้วยสีหน้าสดชื่นแล้วรีบเดินไปทันทีเพราะว่าหิวข้าวแล้ว