ตอนที่ 8 ทวงหนี้ 1.2

1371 Words
ท่ามกลางสายตาของตงฟางลี่หยางกำลังนั่งมองถ้วยชาที่ถืออยู่ในมือตรงหน้า ก่อนจะหมุนวนไปมาพร้อมเอ่ยขึ้นราวกับว่าถ้วยชาดังกล่าวคือมู่หรงฉีอดีตสหายโฉด “นี่เพียงแค่เริ่มต้นเท่านั้นมู่หรงฉี เจ้าเป็นต้นเหตุที่ทำให้ชีวิตของน้องสาวตัวเองต้องดับดิ้นก่อนวัยอันควร ทั้งที่เพิ่งจะมีอายุเพียงแค่สิบห้าปีเท่านั้น การกระทำในอดีตที่สร้างไว้กับผู้อื่นจึงทำให้นางต้องได้รับผลเช่นนี้ ช่วยไม่ได้ที่น้องสาวของเจ้าต้องมาพบกับจุดจบทั้งๆ ที่ควรจะต้องมีชีวิตที่ยืนยาวและดีกว่านี้ จากนี้ไปทุกชีวิตที่เกี่ยวข้องกับเจ้าทุกคนจะต้องล้มตายดั่งเช่นใบไม้ปลิดปลิวรวมไปถึงแผ่นดินเฉิงฮั่นก็ต้องถูกข้าทำลายลงด้วยเช่นกัน”สิ้นเสียงพึมพำอันน่าหวาดหวั่น เพล้ง! มือที่กำลังถือถ้วยชาหมุนเล่นไปมาอยู่ในเวลานั้น กลับถูกฝ่ามือบดขยี้จนแหลกละเอียดกลายเป็นผงธุลีโดยพลัน ด้วยพละกำลังภายในอันล้ำเลิศไหลเวียนอยู่ในกายภายหลังได้กลืนมุกวิเศษเข้าไป และเพียงครู่เสียงหัวเราะกึกก้องของตงฟางลี่หยางพลันดังขึ้นอยู่ภายในกระโจมด้วยความรู้สึกสะใจกับความเจ็บปวดที่มู่หรงฉีต้องสูญเสียน้องสาวเพียงคนเดียวดั่งที่แม่ทัพผู้กล้าเคยได้รับอีกไม่นานนับต่อจากนี้ บริเวณบึงพระจันทร์ เม็ดทรายแม้จะละเอียดแต่ทว่าเมื่อรวมตัวหนาแน่น กลับเป็นภัยร้ายให้แก่สิ่งมีชีวิต และหากสิ่งนั้นคือมนุษย์โดยเฉพาะอิสตรี ร่างกายที่บอบบางจะเป็นอย่างไร หากผิวกายแทบมอดไหม้ เมื่อถูกแสงแดดอันแรงกล้าแผดเผาไปทั่วทั้งร่าง จนร่างดังกล่าวนั้นแทบไหม้เกรียม ซ้ำร้ายขาดน้ำ ขาดอาหารและโดดเดี่ยวอ้างว้างอยู่แต่เพียงลำพัง ท่ามกลางเนินทรายอันร้อนระอุที่เวิ้งว้างไกลสุดสายตา ขบวนม้านับร้อยตัวควบมาอย่างสุดฝีเท้าจนฝุ่นทรายตลบอบอวลจนฟุ้งกระจายคล้ายกำลังแข่งขันกลางทะเลทรายก็ไม่ปาน ทว่ามันไม่ใช่การแข่งขันชิงความเร็วแต่อย่างใด หากแต่ขบวนม้าเหล่านั้น กำลังใช้ความเร็วเพื่อติดตามหาอะไรบางอย่างด้วยความรีบเร่ง ฮี้!!!!! เสียงม้านับร้อยตัวดังก้องไปทั่วบริเวณ บนหลังม้าเต็มไปด้วยเหล่าทหารจากแคว้นเฉิงฮั่น ท่ามกลางน่านฟ้ากลางทะเลทรายที่กว้างใหญ่จนสุดลูกหูลูกตา ขบวนม้าซึ่งใช้ออกปฏิบัติการเพื่อใช้ลาดตระเวนกลางทะเลทราย กำลังมองเห็นอะไรบางอย่างตรงหน้าซึ่งอยู่ท่ามกลางทะเลทราย พร้อมค่อยๆ ชะลอฝีเท้าม้าด้วยความรวดเร็ว ทันทีที่บรรดาม้านับร้อยตัวเริ่มชะลอฝีเท้าลง ร่างสูงของบุรุษสวมอาภรณ์สูงค่าปิดทับด้วยผ้าคลุมผืนหนาขนาดใหญ่เพื่อปกปิดความร้อนภายในทะลทราย ร่างสูงดังกล่าวกระโดดลงจากหลังม้าทันที พร้อมวิ่งออกหน้าด้วยความรีบเร่งไปยังร่างๆ หนึ่งซึ่งนอนคว่ำหน้าสงบนิ่งอยู่ท่ามกลางทะเลทรายอันว้างเวิ้งอย่างโดดเดี่ยว “เสียนเอ๋อร์! เสียนเอ๋อร์!”เสียงตะโกนดังก้องด้วยความดีใจเมื่อได้เห็นร่างของหญิงสาวซึ่งเป็นเจ้าของชื่อดังกล่าวนอนสงบนิ่งอยู่ตรงหน้าเช่นนั้น บุรุษคนดังกล่าวรีบวิ่งตรงไปยังร่างที่กำลังนอนคว่ำหน้าแน่นิ่งท่ามกลางทะเลทรายเวิ้งว้างอยู่เพียงตามลำพังในเวลานั้น ก่อนจะโผเข้าหาร่างของนางอย่างรวดเร็ว เหตุใดหนอสตรีตัวเล็กๆ ซึ่งมีบรรดาศักดิ์สูงเป็นถึงองค์หญิงจากเฉิงฮั่นจึงถูกปล่อยทิ้งอยู่กลางทะเลทรายแบบนี้ได้ จะเป็นไปได้อย่างนั้นหรือไรที่นางจะมานอนเล่นกลางทะเลทรายเช่นนี้หากไม่มีใครพามา ทันทีที่ร่างสูงดังกล่าวถึงตัวนาง สองมือช้อนร่างที่สิ้นสติไว้ในอ้อมกอดอย่างรวดเร็ว ใบหน้าที่บ่งบอกถึงความดีใจเมื่อแรกเห็น แปรเปลี่ยนไปทันทีเมื่อสภาพของนางไม่แตกต่างไปจากสภาพของคนใกล้ตาย “เสียนเอ๋อร์ !เสียนเอ๋อร์! ลืมตาขึ้นมองข้า! เจ้าจะต้องไม่เป็นอะไร พระเชษฐาของเจ้ามาช่วยแล้วเสียนเอ๋อร์”เสียงร้องเรียกดังก้องแข่งกับเสียงลมกรรโชกแรงที่กำลังพาดผ่านอยู่ในเวลานี้ พร้อมสองมือเขย่าร่างที่อยู่ในอ้อมกอดนั้นไปมาเพื่อให้นางได้รู้สึกตัว ใบหน้าที่มีเค้าว่าเคยสวยงาม บัดนี้ถูกเปลวแดดแผดเผาจนผิวที่เคยขาวนวลเนียน เริ่มไหม้เป็นบางที่เพราะถูกตากแดดเป็นเวลานาน ริมฝีปากแตกระแหงจนเห็นเลือดไหลซึมเพราะร่างกายขาดน้ำ ดวงตาที่ปิดสนิทมาเป็นเวลานานเหมือนไม่รับรู้สิ่งใดเริ่มกลอกกลิ้งไปมา พยายามจะเปิดเปลือกตาขึ้นเมื่อได้ยินเสียงร้องเรียกชื่อของนาง “สะ...สะเด็จ...พี่”เสียงแหบแห้งพยายามเปล่งออกมาเมื่อมองเห็นว่าเสียงที่ร้องเรียกชื่อเป็นใคร “ทำใจดีๆ ไว้เสียนเอ๋อร์ เจ้าต้องไม่เป็นอะไร พระเชษฐาของเจ้ามาช่วยแล้ว และจะพาเจ้ากลับไปหาเสด็จพ่อเสด็จแม่ทั้งสองพระองค์กำลังเฝ้ารอคอยเจ้าอยู่”เสียงนั้นเอ่ยบอกพร้อมรีบอุ้มร่างน้อยๆ นั้นขึ้นจากผืนทราย “ตะ...ตง...ตงฟาง...ละ...ลี่...ยะ...หยาง”เสียงแผ่วเบาเอ่ยเรียกชื่อหนึ่งให้พระเชษฐาได้ยิน จนร่างของมู่หรงฉีซึ่งกำลังจะอุ้มนางขึ้นจากผืนทรายต้องหยุดชะงักไปทันที “ลี่หยางทำไมเสียนเอ๋อร์! เหตุใดเจ้าจึงเรียกคนผู้นั้นออกมา!” มู่หรงฉีถามกลับไปด้วยความสงสัยพร้อมรีบตรงเข้าคว้ามือบอบบางอันสั่นเทา ซึ่งกำลังยกขึ้นมอบอะไรบางอย่างให้กับพระเชษฐาของนาง เศษชายผ้าสีงาช้างเนื้อผ้านุ่มติดมือ บ่งบอกได้ว่าผ้าดังกล่าวมีราคาสูงมากแค่ไหน ลักษณะของผ้าพบเห็นได้ยาก เนื่องจากจะมีใช้เฉพาะคนชั้นสูงเท่านั้น “เจ้ากำลังจะบอกอะไรข้า มันเกี่ยวอะไรกับเศษผ้าผืนนี้”เสียงของมู่หรงฉีเอ่ยถามอย่างร้อนรน “ค...คน...ระ...ร้าย”องค์หญิงน้อยเอ่ยเสียงแผ่วเบา และนั่นทำให้มู่หรงฉีตาลุกวาวโรจน์ขึ้นมาโดยพลันครั้นได้ยินเช่นนั้น “ลี่หยางเป็นคนทำเจ้าให้กลายเป็นเช่นนี้อย่างนั้นเหรอเสียนเอ๋อร์”มู่หรงฉีแผดเสียงร้องถามออกมาทันทีตามความเข้าใจของตัวเอง “ละ..ลี่..ยะ..หยาง..มะ..มะ..ไม่”เสียงแผ่วเบาเอ่ยออกมาอย่างขาดห้วง องค์หญิงน้อยพยายามที่จะบอกอะไรบางอย่างให้กับพระเชษฐาของนางได้ล่วงรู้ แต่ร่างกายของนางนั่นเล่ามันไม่สามารถที่จะฝืนได้อีกต่อไป ริมฝีปากที่แตกระแหงซึ่งพยายามที่จะขยับนั้น ค่อยๆ หยุดลงอย่างช้าๆ พร้อมศีรษะหันเข้าหาอกกว้างของพระเชษฐาก่อนจะตกลงสิ้นใจคาอ้อมกอด “เสียนเอ๋อร์! เสียนเอ๋อร์!ไม่นะ...ไม่นะ ไม่!!!”เสียงร้องขององค์ชายหนุ่มดังก้องขึ้นมาทันที เมื่อพระขนิษฐาซึ่งเป็นน้องคนสุดท้องในจำนวนพี่น้องที่เกิดร่วมพระบิดาและพระมารดาเดียวกันไร้สิ้นการตอบสนองใดๆ อย่างสิ้นเชิง ร่างเล็กๆ ที่ถูกแผดเผาจากความร้อนระอุของทะเลทราย ถูกยกขึ้นนำมากกกอดพร้อมเสียงร่ำไห้ด้วยความโศกเศร้าของมู่หรงฉีต่อการจากไปของน้องสาวเพียงคนเดียว องค์ชายหนุ่มค่อยๆ ยกมือน้องสาวเพียงคนเดียวขึ้นมาซึ่งภายในมือยังคงกำเศษชายผ้าสีงาช้างเอาไว้จนแน่น เสียงแผ่วเบาเรียกชื่อให้เขาได้ยินก่อนจะจากไปอย่างไม่มีวันกลับ ดวงตาแดงก่ำซึ่งเต็มไปด้วยน้ำตา มองเศษชายผ้าดังกล่าวเต็มไปด้วยความเคียดแค้น “ลี่หยาง!!!! เจ้าทำให้เสียนเอ๋อร์ของข้าต้องตาย! น้องสาวของข้าต้องตายเพราะเจ้า ชาตินี้อย่าหวังเลยว่าจะได้อยู่กันอย่างสงบสุข!”เสียงขององค์ชายหนุ่มกล่าวคำอาฆาตจนดังก้องไปทั่วผืนทราย น้ำตาร่ำไห้ออกมาอย่างไม่ขาดสาย เมื่อต้องสูญเสียพระขนิษฐาเพียงพระองค์เดียวไปอย่างไม่มีวันกลับคืน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD