เกือบครึ่งชั่วยามที่บรรดาคุณหนูคุณชายจากหลากหลายสกุลที่เดินทางมาสอบคัดเลือกศิษย์ใหม่ของสำนักศึกษาหลุนซี บ่าวและสาวรับใช้ของแต่ละคนที่รออยู่ก็พากันตื่นเต้นไม่แพ้กัน ว่าที่ศิษย์ใหม่ของสำนักศึกษาพากันทยอยเดินออกมาจากสถานที่สอบ ผลการสอบเป็นไปอย่างไม่น่าเชื่อ คุณหนูใหญ่จากสกุลโจวผ่านการทดสอบทุกวิชาที่สำนักศึกษาทดสอบ ทั้งยังได้คะแนนสูงที่สุดในหมู่ชายและหญิง เป็นที่กล่าวขานไปทั่วในบรรดาลูกศิษย์
“คุณหนูของบ่าวเก่งที่สุดเลยเจ้าค่ะ หากนายท่านกับนายหญิงใหญ่และท่านฮูหยินผู้เฒ่าทราบจะต้องภูมิใจในตัวของคุณหนูมากอย่างแน่นอนเจ้าค่ะ” อี้ถงชื่นชมคุณหนูใหญ่ของนางออกมาด้วยน้ำเสียงยินดีจากใจ มิใช่ความประจบสอพลอ
“อื้อ…กลับกันเถิด พรุ่งนี้จะเป็นวันแรกที่ข้าได้มาศึกษาที่นี่” คำตอบของคุณหนูใหญ่ทำให้สาวรับใช้ยิ้มออกมาแล้วเดินตามคุณหนูไป
“เด็กน้อยคนนั้นน่ะหรือที่สอบได้คะแนนสูงสุดของปีนี้"
“ขอรับ…ท่านเจ้าสำนัก”
"นางคือบุตรีจากตระกูลใดกัน ช่างเก่งยิ่งนัก ข้าว่าข้อสอบปีนี้มิง่ายเลยนะ แต่นางกลับตอบได้เสียหมด อีกทั้งยังทำคะแนนสูงกว่ารุ่นที่ผ่านๆ มาเสียอีก” ท่านอาจารย์ชุนเอ่ยถามคนสนิทของตน
“บุตรีคนโตสกุลโจวน่ะขอรับ นางนามว่าโจวเจินเจิน” คนสนิทตอบออกมาพลางมองไปยังด้านหน้าประตูที่เหล่าบรรดาลูกศิษย์ใหม่ของสำนักศึกษากำลังเดินกลับออกไปหลังจากฟังประกาศผลสอบเสร็จ
“บุตรีของใต้เท้าโจวกับภรรยาเอกฉินเซี่ยหรงน่ะหรือ จะว่าไปข้าก็อดนึกสงสารคุณหนูใหญ่สกุลฉิน พี่สาวของนางมิได้ แม่นางเซี่ยหรูเป็นสตรีนางหนึ่งที่บุรุษมากมายทั่วทั้งเมืองฮวาหลานหมายปอง แต่กลับแต่งออกเรือนไปกับบุรุษที่มิได้มีใจให้แก่นาง ช่างน่าเศร้านักที่ต้องพบจุดจบเช่นนั้น”
ท่านอาจารย์ชุนผู้ที่เป็นถึงเจ้าสำนักศึกษาแห่งนี้และในอดีตยังเคยเป็นอาจารย์ของคุณหนูใหญ่สกุลฉินเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่มีแต่ความสงสารและเห็นใจ
ในสายตาของเขาที่เป็นอดีตอาจารย์ของนาง ฉินเซี่ยหรูเป็นสตรีที่เพียบพร้อมแต่ไร้วาสนาเรื่องคู่ครอง บุรุษผู้นั้นช่างมีจิตใจที่มืดดำ มองเห็นแต่ด้านที่ตนคิดและเชื่อในสิ่งที่ตนได้ยินมากกว่าสืบหาความจริง การกระทำของเขามิสมกับเป็นหัวหน้าหน่วยองครักษ์ที่น่าเคารพยำเกรงเลยแม้แต่นิด หรือนี่อาจจะเป็นเพราะชะตาที่ฟ้าลิขิตมา ให้คนที่งดงามและจิตใจดีเช่นนั้นต้องมาพบกับด่านกรรมก่อนที่ชีวิตในภพหน้าจะพบพานแต่ความสุข
รถม้าของจวนสกุลโจวมุ่งหน้ากลับจวนหลังจากที่คุณหนูใหญ่ฟังผลการสอบเสร็จ ขณะที่รถม้ากำลังเคลื่อนผ่านตลาดที่มีผู้คนพลุกพล่าน พลันนัยน์ตากลมสบเข้าไปยังกลุ่มคนขอทาน ภายในใจของนางนั้นแสนเศร้าเพราะในขณะที่ตระกูลขุนนางหลายๆ ตระกูลกินอิ่มนอนอุ่น แต่ผู้คนเหล่านี้กลับกำลังลำบาก แต่ยามนี้นางยังเด็กนักจะทำการสิ่งใดได้กัน นอกจากมองออกไปด้วยความรู้สึกหดหู่ใจ
“ที่เมืองฮวาหลานของเราเหตุใดถึงมีคนขอทานเยอะถึงเพียงนี้ล่ะอี้ถง”
เป็นเพราะนานแล้วที่ฉินเซี่ยหรูมิได้ออกมานอกจวนสกุลหวง จนวาระสุดท้ายของชีวิตนางก็สิ้นลมอยู่ที่เรือนหลังใหญ่ที่ผู้เป็นสามียกให้ แม้ยามนี้จะถูกรื้อถอนแล้วสร้างเรือนใหม่แล้วก็ตามที ใครกันล่ะจะกล้าอาศัยอยู่ในเรือนที่มีคนตายอย่างทุกข์ทรมานเช่นนั้น
“ทุกทีที่เราออกมาข้างนอก คนพวกนี้ก็มีให้เห็นอยู่นะเจ้าคะ แต่ก็จริงที่ว่าทำไมยามนี้ถึงมีมากขึ้น เจ้ารู้หรือไม่อาโต้ว” อี้ถงเอ่ยออกมาก่อนที่จะเอ่ยถามคนที่กำลังบังคับรถม้าด้วยความประหลาดใจ
“มีสงครามน่ะสิขอรับ แต่น่าจะเป็นทางทิศใต้ของเมืองฮวาหลาน เหล่าทหารกล้าช่วยกันป้องกันเมืองอย่างสุดกำลัง เห็นว่ายามนี้เหล่าข้าศึกเริ่มล่าถอยไปแล้วน่ะขอรับ เป็นเพราะสงครามยืดเยื้อทำให้เสบียงที่พวกมันเตรียมมาหมด และถูกท่านแม่ทัพตัดเส้นทางการส่งเสบียงอีกด้วย จึงทำให้พวกทหารฝั่งนั้นต้องล่าถอยกลับไปอย่างหลีกเลี่ยงมิได้” เพราะเขาได้สนทนากับเหล่าบ่าวรับใช้จากจวนอื่นจึงทำให้ได้รู้ข่าวนี้มาบ้าง
“อาโต้ว… ช่วยหยุดรถม้าสักประเดี๋ยวเถิด” คุณหนูใหญ่เอ่ยออกมา
“ขอรับคุณหนูใหญ่” อาโต้วทำตามคำสั่งของคุณหนูใหญ่ทันที
“คุณหนูให้อาโต้วหยุดรถม้าด้วยเหตุใดหรือเจ้าคะ” อี้ถงเอ่ยถามด้วยความแปลกใจ
“อี้ถงเจ้าช่วยลงไปซื้อซาลาเปาที่ร้านตรงนั้นแล้วแจกให้แก่พวกเขาหน่อยนะ เอาให้ได้ครบกันทุกคนด้วยล่ะ”
เพราะพอจะมีเงินเก็บและพกมาอยู่บ้างนางจึงได้ส่งถุงเงินนั้นให้แก่สาวรับใช้ อี้ถงรู้สึกซาบซึ้งใจที่คุณหนูใหญ่ของนางจิตใจดี มีเมตตา มองเห็นความทุกข์ยากของผู้อพยพมากกว่าแสดงความรังเกียจ ช่างต่างจากเหล่าขุนนางที่รับผิดชอบหน้าที่เหล่านี้ยิ่งนักที่มิเคยมาใส่ใจ
อี้ถงทำตามคำสั่งของคุณหนูใหญ่ นางลงไปซื้อซาลาเปาที่ร้านข้างทางแล้วนำไปแจกให้แก่คนขอทานที่กระจายตัวกันอยู่บริเวณนั้นเกือบยี่สิบคน ทั้งคนแก่ สตรีและเด็กเล็ก อี้ถงถึงกับน้ำตาซึมเมื่อได้ยินคนเหล่านี้เอ่ยคำขอบคุณพร้อมทั้งคำนับนางด้วยความซึ้งใจ
“มิต้องคำนับขอบคุณข้าหรอก เพราะคนที่มอบความอิ่มให้แก่พวกเจ้าคือคุณหนูใหญ่สกุลโจว นางนั่งอยู่ในรถม้านั่น… หากจะขอบคุณ ก็ขอบคุณนางเถิด”
พอได้ยินเช่นนั้นเหล่าขอทานต่างก็พากันคำนับพลางเอ่ยนามของผู้ที่มอบอาหารให้แก่พวกตนจนผู้คนที่กำลังเดินจับจ่ายซื้อของหรือแม้แต่พ่อค้าแม่ค้าในตลาดต่างพากันมองมาด้วยความสนใจ
“พวกเราขอขอบพระคุณคุณหนูใหญ่สกุลโจวขอรับ ขอให้มีอายุยืนยาว ชีวิตพบเจอแต่ความสุข” คนที่นั่งอยู่ภายในรถม้าฉีกยิ้มออกมาเมื่อได้ยินเช่นนั้น ความจริงแล้วเพียงแค่ได้แบ่งปันนางก็รู้สึกมีความสุข
อี้ถงแจกจ่ายซาลาเปาเสร็จก็เดินกลับไปขึ้นรถม้าที่มีคุณหนูใหญ่นั่งรออยู่ เสียงของเหล่าขอทานเงียบไป เหลือเพียงเสียงซุบซิบของผู้คนในตลาด ต่างพากันกล่าวถึงความมีน้ำใจของคุณหนูใหญ่สกุลโจวที่มอบซาลาเปาให้แก่เหล่าขอทาน ที่ผู้คนในเมืองฮวาหลานนี้ไม่แม้แต่จะมองหรือแสดงน้ำใจออกมา แต่คุณหนูจากสกุลสูงศักดิ์กลับมิได้รังเกียจ กลับหยิบยื่นโอกาสให้ โอกาสที่จะมีชีวิตในวันต่อไป