หลังจากที่ฉินเซี่ยหรูแต่งงานเข้าจวนสกุลหวง มีหลายสกุลต่างพากันอิจฉามารดาของหวงจิงอวี่ที่ได้ลูกสะใภ้ที่มีความงามและความเพียบพร้อมในคนเดียว ผู้ใดในเมืองฮวาหลานจะมิรู้บ้างว่าคุณสมบัติที่ฉินเซี่ยหรูมีนั้นเหมาะสมแก่การเป็นภรรยาเอกขนาดไหน แต่สกุลที่โชคดีที่ได้นางไปเป็นสะใภ้กลับกลายเป็นสกุลหวง ที่ใครๆ ก็รู้เช่นกันว่าสกุลนี้รักหน้าตาของตนเป็นที่สุด
“คุณหนูใหญ่เจ้าคะ เหตุใดท่านเขยใหญ่ต้องแยกห้องนอนกับท่านด้วยหรือเจ้าคะ”
ชีโยวหนึ่งในสองสาวรับใช้คนสนิทของฉินเซี่ยหรูเอ่ยถามออกมา เพราะตั้งแต่คืนเข้าหอ เจ้าบ่าวก็มิเคยแม้แต่จะย่างกรายกลับเข้ามายังห้องนอน
“เขาคงจะออกไปทำหน้าที่ของเขานั่นแหละ พวกเจ้าอย่าลืมสิว่าเขาเป็นหน่วยพิเศษ” ฉินเซี่ยหรูพยายามปลอบใจตนเองแม้จะรู้สึกได้ว่าสามีหมาดๆ หมางเมินต่อนาง
“อีกเจ็ดวันก็ไปเยี่ยมบ้านเดิมได้แล้ว คุณหนูใหญ่มิต้องเศร้าไปนะเจ้าคะ”
หุ้ยเจินเปลี่ยนเรื่องพูดคุยทันทีเมื่อเห็นสีหน้าของคุณหนูใหญ่ที่แสดงออกมานั้นดูเศร้าๆ
“จ้ะ… พวกเจ้าก็ไปนอนกันเถิด”
หลังจากหวีผมเสร็จสองสาวรับใช้จึงไปดับไฟในตะเกียงและเดินออกไปนอกห้องของฉินเซี่ยหรูอย่างเงียบๆ ส่วนเจ้าของห้องที่เพิ่งจะล้มตัวลงนอนก็ลุกขึ้นมาก่อนที่จะเดินไปยังหน้าต่างที่มองเห็นแสงสว่างของจันทราที่กำลังสาดส่องมาภายในห้องนอนที่แสนเงียบเหงา
‘เขาคงจะไปทำหน้าที่ของเขานั่นแหละ ข้าเองก็ต้องทำหน้าที่ภรรยาของเขาให้ดีเช่นกัน’
ฮูหยินเล็กของจวนสกุลหวงคิดในใจก่อนที่จะตัดใจเดินกลับไปยังเตียงนอนแล้วล้มตัวนอนจากนั้นจึงค่อยๆ ข่มตานอนให้หลับไป
และเป็นเช่นนั้นเรื่อยมาจนผ่านไปเจ็ดวันสามีของฉินเซี่ยหรูถึงยอมกลับจวนเพราะมีหน้าที่ต้องพาภรรยาเอกกลับไปบ้านเดิมของนางเพื่อคำนับบิดามารดา ฉินเซี่ยหรูที่มิได้รู้สึกคุ้นเคยกับสามีก็มิค่อยได้พูดคุยกับเขาเท่าใดนัก ทั้งสองมักจะพูดคุยกันในเรื่องทั่วไป
เขาเย็นชาและหมางเมินกับนางเฉพาะยามเมื่ออยู่กันตามลำพัง แต่พออยู่ต่อหน้าบิดามารดาของเขาและของนางอย่างเช่นวันนี้ เขากลับแสดงออกมาราวกับว่ารักนางปานจะกลืนกิน ทั้ง ๆ ที่ผ่านมาเจ็ดวันเขามิเคยได้มาทำหน้าที่สามีเลยสักครั้ง
“เขยคารวะท่านพ่อตา ท่านแม่ยาย/ลูกคารวะท่านพ่อ คารวะท่านแม่เจ้าค่ะ”
สองสามีภรรยาที่มากลับมาเยี่ยมบ้านเดิมของเจ้าสาวหลังจากที่เพิ่งจะแต่งงานกันไปคำนับบิดามารดาของฉินเซี่ยหรู
“ตามสบายท่านใต้เท้าหวง ลูกสาวของข้า…นางมิได้สร้างความลำบากใจให้ท่านใช่หรือไม่”
ใต้เท้าฉินทักทายกลับพร้อมทั้งผายมือเชิญให้ทั้งสองนั่งเก้าอี้ฝั่งซ้ายมือของเขา
“มิได้ขอรับ แม่นาง…เอ่อ ฮูหยินเป็นสตรีที่ดียิ่งนัก สมแล้วที่บุรุษทั้งเมืองแอบชื่นชมนาง”
หวงจิงอวี่เอ่ยออกมาพลางมองใบหน้างามของภรรยาแบบจริงจังเป็นครั้งแรก นางเป็นสตรีที่มีรูปโฉมงดงาม แต่ความงดงามของนางก็สามารถฆ่าคนทั้งคนให้สิ้นชีพไปโดยที่นางมิอาจรู้ตัว
“อืม… ได้ยินเช่นนี้ข้าค่อยสบายใจ หรูเอ๋อร์อาจจะเอาใจบุรุษมิเก่ง แต่นางก็เป็นสตรีที่อ่อนโยนนางหนึ่ง ข้าว่าท่านใต้เท้าหวงคงพอจะเห็นอย่างที่ข้าพูดมาบ้างแล้วใช่หรือไม่”
ฉินเซี่ยหรูหลบสายตาของบิดาที่มองมาก่อนที่จะยกชาขึ้นมาจิบด้วยท่วงท่างดงาม
หวงจิงอวี่ยอมรับว่านางดูงดงามและน่าทะนุถนอม แต่ถ้าเขามิเคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามนางมาก่อนหน้านี้ หรือรู้เรื่องราวที่ทำให้เขามิอาจรักนางได้ เขาก็คงจะหลงรักในใบหน้าและกิริยางดงามของนางได้ง่ายๆ
ชีโยวกับหุ้ยเจินแม้จะรู้สึกคันปากอยากจะเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับคุณหนูใหญ่ของพวกตนยามเมื่ออยู่จวนสกุลหวงแต่ก็ต้องอดใจเอาไว้เพราะคุณหนูใหญ่ขอร้องมาว่าห้ามปริปากเล่าเรื่องนี้ให้ผู้ใดฟังแม้แต่บิดาหรือมารดาของนางก็ตาม
หลังจากกลับจากจวนสกุลฉิน หวงจิงอวี่ก็ออกจากจวนอีกครั้ง และฉินเซี่ยหรูก็มิได้พบหน้าสามีอีกเลย แรกๆ นางทั้งรู้สึกน้อยใจและเสียใจ แต่พอคิดในทางที่ดีเขามีหน้าที่นอกจวนจะต้องทำนางที่เป็นภรรยาก็ต้องให้การสนับสนุนสามี ถึงแม้จะยังมิได้เป็นสามีภรรยากันจริงๆ สักครั้ง แต่คนภายนอกก็ตีความว่านางกับเขาคือสามีภรรยากันแล้ว ทั้งสองใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันแบบต่างคนต่างอยู่จนเวลาล่วงเลยผ่านไปเป็นปี
“คุณหนูใหญ่เจ้าคะ เหตุใดเราต้องมาทำอาหารด้วยล่ะเจ้าคะ”
หุ้ยเจินเอ่ยถามออกมาอย่างไม่เข้าใจ เพราะนี่มิใช่หน้าที่ของฮูหยินของเรือนสักนิด นี่ก็ผ่านมาเป็นปีแล้วนางมิเคยเห็นท่านเขยใหญ่จะมาค้างที่เรือนของคุณหนูใหญ่ของนางเลยสักครั้ง จนนางรู้สึกสงสารคุณหนูใหญ่จับใจที่ได้แต่งงานกับบุรษเช่นนี้
“ท่านแม่บอกว่าอยากกินอาหารฝีมือข้า นางบอกว่าเจริญอาหารดี”
สองสาวรับใช้พากันส่ายหน้าไปมา คุณหนูใหญ่ของพวกนางมองโลกในแง่ดีเกินไปแล้ว ที่ฮูหยินใหญ่เอ่ยแบบนั้นเป็นเพราะนางอยากให้คุณหนูใหญ่ของพวกนางมิต้องอยู่นิ่งเฉยในจวนมากกว่า
“ฮูหยินเล็ก…ฮูหยินใหญ่ให้มาถามว่าอาหารเสร็จหรือยังเจ้าคะ พอดีมีแขกมาเยือนที่จวนเจ้าค่ะ”
ป้าฉู บ่าวรับใข้คนสนิทของหวงฮูหยินเดินเข้ามาหาฮูหยินเล็กในเรือนครัวที่อยู่ท้ายจวน
“มีผู้มาเยือนหรือ ถ้าเช่นนั้นข้าจะทำเพิ่มอีกสองอย่าง ท่านไปบอกท่านแม่ว่ารออีกหนึ่งก้านธูปนะ” ป้าฉูรับคำสั่งก่อนที่จะเดินกลับไปยังเรือนรับรอง
“คุณหนู…. ท่านมิใช่บ่าวในเรือนนะเจ้าคะ เรื่องอันใดจะต้องมาอยู่ในครัวเช่นนี้ด้วย” ชีโยวทักท้วงฉินเซี่ยหรูออกมาด้วยความไม่เข้าใจ เพิ่งแต่งมาก็มอบหน้าที่แม่ครัวให้กับสะใภ้มีใดเขาทำกัน
“มิเป็นอันใดหรอก อาหารก็คือหน้าตาของจวน ถ้าผู้มาเยือนได้กินอาหารที่รสชาติดีก็จะทำให้เขากลับไปบอกต่อๆ ไปว่าจวนสกุลหวงต้อนรับพวกเขาดี และบัดนี้ข้าก็คือฮูหยินเล็กของจวนนี้จะให้ข้าทำนิ่งดูดายได้เช่นไร”
สองสาวรับใช้หมดคำพูดที่จะเอ่ยออกมา คุณหนูใหญ่ของพวกนางจิตใจดี แถมชอบมองโลกในแง่ดีมาแต่ไหนแต่ไร คนเหล่านี้มิคู่ควรยิ่งนักที่ได้คุณหนูใหญ่ของพวกนางมาเป็นสะใภ้หรือแม้แต่ภรรยาเอกก็ตาม