เรือนรับรองสกุลหวง
ประมุขของตระกูลนั่งเคียงข้างกับฮูหยินของตน และเก้าอี้ฝั่งซ้ายมีครอบครัวสกุลซู ซึ่งเป็นตระกูลขุนนางขั้นหก ใต้เท้าซูและซูฮูหยินพาบุตรสาวมาเรียกร้องความยุติธรรม โดยการขอให้หวงจิงอวี่รับบุตรีของตนเป็นภรรยารองเพราะชื่อเสียงถูกทำลายเพียงเพราะมีคนบอกต่อๆ กันมาว่าใต้เท้าหวงจิงอวี่แอบนัดพบบุตรีของตนในยามค่ำคืน
“เรื่องนี้ข้าก็เห็นใจพวกท่านอยู่มิน้อยหรอกใต้เท้าซู แต่ว่าจะให้ข้ารับบุตรีของท่านมาเป็นภรรยารองมันมิมากเกินไปหน่อยหรือ ภรรยารองของอวี่เอ๋อร์พวกข้าได้ทาบทามไว้ให้เขาแล้ว คงจะกลายเป็นภรรยารองอีกมิได้อีก แต่ถ้าพวกท่านยอมให้บุตรีของท่านเป็นอนุภรรยาของบุตรชายของข้า เช่นนั้นคงจะมิปฏิเสธ”
สามคนพ่อแม่ลูกสกุลซูมองหน้าราวกับปรึกษากัน ก่อนที่ใต้เท้าซูจะพยายามข่มใจเอ่ยถามออกมาว่าภรรยารองที่ใต้เท้าหวงไปสู่ขอมาให้หวงจิงอวี่นั้นคือสตรีจากจวนใด
“กินอาหารกันก่อนเถิด หวังว่าจะถูกปากพวกท่านมิมากก็น้อย เพราะนี่เป็นอาหารที่สะใภ้ใหญ่ของข้าทำเอง”
หวงฮูหยินเอ่ยออกมาพร้อมทั้งเชื้อเชิญให้ผู้มาเยือนได้รับประทานอาหารก่อนที่จะพูดคุยเรื่องสำคัญ สกุลซูหากเทียบกับสกุลฉินแล้วห่างไกลกันลิบลับ
หลังจากมื้ออาหารผ่านพ้นไป ใต้เท้าซูก็ยังมิวายที่จะเอ่ยถามเรื่องที่ยังค้างคาก่อนหน้า ใต้เท้าหวงกับหวงฮูหยินจึงตอบออกมาด้วยน้ำเสียงยินดี
“บุตรีคนเล็กภรรยาเอกของจวนสกุลหานน่ะ อวี่เอ๋อร์เป็นผู้ที่เลือกนางมาเอง"
เพราะภรรยาเอกที่แต่งมาให้บุตรชายนั้นมิได้รับความโปรดปรานจากบุตรชาย สองสามีภรรยาจึงต้องไปทาบทามภรรยารองมาให้กับหวงจิงอวี่ และบุตรีคนเล็กของภรรยาเอกจวนสกุลหานก็เหมาะสมกับบุตรชายที่สุด
แม้สกุลหานจะมีตำแหน่งเล็กกว่าสกุลฉิน แต่ก็พอมีหน้าตาในเมืองนี้อยู่บ้าง ความงามของคุณหนูสกุลหานแม้จะสู้สะใภ้คนแรกมิได้แต่ก็มิด้อยไปกว่ากันมากนัก ต่างจากบุตรีของสกุลซูที่ความงามสู้มิได้ อีกทั้งดูท่าทางจะมิเคยหยิบจับการงานสิ่งใด
“อ่อ… สกุลหานดีขอรับ” ใต้เท้าซูเอ่ยออกมา
“ว่าอย่างไรล่ะ เจ้าจะยอมให้บุตรีของเจ้ามาเป็นอนุหรือไม่ หากยอมก็ให้นางย้ายเข้ามาอยู่ที่เรือนหลังเล็กในจวนสกุลหวงได้เลย”
หวงฮูหยินเอ่ยถามออกมาพลางมองใบหน้าของสตรีที่นางเองก็มิได้โปรดปราน ดูก็รู้ว่าบุตรชายมิได้มีอันใดที่จะลุ่มหลงสตรีนางนี้
“ก็คงต้องเป็นเช่นนั้นขอรับ เพราะชื่อเสียงของซู่เอ๋อร์เสียหาย คงมิมีบุรุษจากสกุลใดอยากแต่งกับนางอีก”
เขาต้องจำยอมเพียงเพราะบุตรสาวทำแผนผิดพลาดและช้าจนโดนตัดหน้าไป แต่ถึงจะเป็นอนุ เขาก็เชื่อว่าบุตรสาวของเขาจะต้องทำให้ใต้เท้าหวงจิงอวี่ลุ่มหลงได้มิยาก
“ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็ย้ายมาเถิดนะซู่เอ๋อร์ เป็นอนุถึงจะดูต่ำต้อยข้างนอกแต่ภายในจวนของเรามิได้แบ่งชนชั้นขนาดนั้นหรอก หากเจ้ามีลูกให้กับอวี้เอ๋อร์ เจ้าก็จะได้รับการเคารพนับถือจากพวกบ่าวเอง” หวงฮูหยินบอกกล่าวออกมายิ้มๆ
จวนสกุลหวงยามนี้มีเพียงห้าเรือนเท่านั้น เรือนใหญ่เป็นของใต้เท้าหวงกับหวงฮูหยิน เรือนรองเป็นของสะใภ้ใหญ่กับบุตรชายซึ่งบุตรชายมิเคยย่างกรายไปเยือนเลยสักครั้ง
“ขอบน้ำใจท่านพ่อกับท่านแม่เจ้าค่ะ”
แม้ลึกๆ จะไม่พอใจที่ตนได้เป็นเพียงอนุภรรยามิใช่ภรรยารองแต่ซูซู่ซู่ก็ยินยอมเพียงเพราะนางตกหลุมรักหวงจิงอวี่
“แต่งงานมาเป็นปีแล้วเหตุใดสะใภ้ใหญ่ของท่านถึงยังมิตั้งครรภ์อีกหรือ นางมิใช่ว่าเป็นหมันหรอกใช่หรือไม่ ข้าเห็นว่าน้องสาวของนาง สะใภ้สกุลโจวน่ะท้องแล้ว แต่ก็นะแต่งออกเรือนไปก่อนพี่สาวเป็นปี”
ซูฮูหยินชวนหวงฮูหยินพูดคุยหลังสามีของทั้งคู่พากันไปเล่นหมากล้อมที่ศาลาหลังจวนแล้วทิ้งตนไว้กับหวงฮูหยินเพียงลำพัง ส่วนบุตรสาวนั้นไปดูเรือนนอนของนาง
“มิใช่หรอก เจ้าอย่าไปสนใจสะใภ้ใหญ่ของข้าเลย มีนางเป็นสะใภ้มิใช่เรื่องแย่ อาหารนางก็ทำอร่อย เย็บปักถักร้อยก็งดงาม เจ้าดูผ้าม่านที่อยู่ด้านหลังนั่นสิ”
หวงฮูหยินเลือกที่จะมิกล่าวถึงความสัมพันธ์ของบุตรชายกับสะใภ้ แต่เลือกกล่าวถึงสิ่งที่สะใภ้ได้ทำให้ยามอยู่ที่จวนแห่งนี้แทน
“อืม… งามยิ่งนัก สมแล้วที่ถูกกล่าวขานว่าเป็นสตรีที่งดงามและเพียบพร้อมด้วยคุณสมบัติของคนที่เป็นลูกสะใภ้ที่ดี” หวงฮูหยินยิ้มออกมาเพียงเล็กน้อยก่อนที่จะยกชาขึ้นมาจิบ
เรื่องการรับอนุภรรยามาให้สามีรู้ถึงฉินเซี่ยหรูหลังจากที่เรือนเล็กที่ว่างอยู่มีคนมาอาศัย นางรับรู้เรื่องที่แม่สามีกำลังจะให้สามีแต่งภรรยารอง อาจจะเป็นเพราะนางมิอาจตั้งครรภ์ได้ แต่นั่นมันก็มิใช่ความผิดของนางเลยสักนิด เป็นบุตรชายของพวกเขาต่างหากที่มิยอมแตะต้องนางเลยสักครั้ง นอนห้องเดียวกันแต่ก็แยกกันนอน ปฏิบัติต่อนางราวกับนางไม่มีตัวตน
“คุณหนูใหญ่เจ้าคะ คนพวกนี้ทำแบบนี้มิถูกเลยนะเจ้าคะ เพิ่งจะแต่งได้ปีเดียวก็รับภรรยารอง อนุภรรยามาให้ลูกชายแล้ว เห็นคุณหนูของข้าเป็นของใช้ประดับจวนหรืออย่างไรกัน” ชีโยวเอ่ยออกมาด้วยความไม่พอใจ
“ช่างคนพวกนั้นเถิด… เป็นเพราะข้ามิอาจทำให้เขารักได้ เขามิรักก็มิอาจมีลูกได้ ท่านแม่ของเขาก็คงจะอยากให้เขามีทายาทนั่นแหละ ขอเพียงพวกนางอยู่ในพื้นที่ของพวกนาง ข้าก็มิได้มีปัญหาอันใดหรอก เพราะจะช้าหรือเร็ว เขาก็คงรับพวกนางเข้ามาอยู่ดี”
ฉินเซี่ยหรูเอ่ยออกมาขณะที่กำลังเย็บปลอกหมอนให้กับสามี ถึงแม้เขาจะหมางเมินนาง แต่ถึงอย่างไรคนที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยา ย่อมต้องใส่ใจผู้เป็นสามีเป็นธรรมดา
และนี่คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้นางที่เป็นภรรยาเอกถูกดูถูกเกียรติและศักดิ์ศรี ใหม่ๆ พวกนางเหล่านั้นทำตัวอ่อนน้อมถ่อมตนต่อตน แต่พอพวกนางตั้งครรภ์ คลอดลูก ความนับถือในฐานะภรรยาเอกของนางก็ถูกลดน้อยถอยลง แม่สามีก็มองฉินเซี่ยหรูเป็นเพียงสะใภ้ที่มีไว้เพื่อประดับจวนอวดคนภายนอกก็เท่านั้น