“ว่ามาสิจะคุยอะไรกับพ่อเหรอ”
ท่านภูวนัยเอ่ยถามอย่างสงสัย ปกติลูกชายไม่ค่อยมาปรึกษาอะไรหรอกเพราะในการทำงานเขาเป็นคนเก่งมาก แต่ดูจากลักษณะไม่น่าจะใช่เรื่องงานน่าจะเป็นเรื่องส่วนตัวมากกว่า
“ผมอยากจะถามพ่อว่าถ้าผมมีแฟนพ่อจะว่ายังไงครับ”
“ก็ดีนะสิ พ่ออยากให้เรามีแฟนตั้งนานแล้ว อายุก็ขึ้นเลขสามไปแล้วควรแต่งงานมีลูกได้แล้วมั่ง ว่าแต่ถ้าแบบนี้คือยังไง มีแฟนแล้วเหรอเรา”
คุณพ่อเอ่ยถามด้วยความอยากรู้ ตั้งแต่มีภูมิเป็นลูกชายเขายังไม่เคยรู้เลยว่าลูกมีแฟนเป็นใคร เขาไม่เคยพูดเรื่องนี้ถามเมื่อไหร่ก็บอกถ้ามีจะบอกเอง
“ผมแค่อยากถามว่าถ้าผมมีแฟนซักคนจะต้องเป็นแบบไหนครับพ่อถึงจะโอเค”
เขาลองเชิงถามพ่อก่อน อย่างน้อยจะได้พิจารณาว่าควรจะพูดต่อดีรึเปล่า ท่านภูวนัยหันไปหาภรรยาก่อนจะเอ่ยถามเสียงอ่อนโยน
“คุณว่ายังไงน้ำผิง ถ้าลูกมีแฟนซักคนคุณคิดว่าตาภูมิจะเหมาะกับผู้หญิงแบบไหน”
น้ำผิงหันไปมองหน้าภูมิก่อนจะยิ้มออกมาเล็กน้อย
“ถ้าถามผิงเอาแบบคนเป็นแม่คิดก็คงต้องการให้ลูกได้เจอคนที่รักและเหมาะสมกับเขาที่สุด ความเหมาะสมของแต่ละคนไม่เหมือนกันค่ะ สำหรับผิงความเหมาะสมไม่ใช่ฐานะแต่เป็นความเข้าใจกันและกัน ถ้าคุณภูมิเจอผู้หญิงที่รักและเข้าใจกัน คุณพ่อเค้าไม่ขัดขวางหรอกค่ะจริงมั้ยคะคุณ”
ท่านภูวนัยยิ้มออกมาทันที พูดดักทางเขาแบบนี้จะไปห้ามอะไรได้ล่ะ ถ้าลูกรักจะเป็นใครเขาก็ต้องโอเคทั้งนั้นแหละ
“ก็ตามนั้นแหละ”
ภูมิได้ยินแบบนั้นก็ยิ้มออกมาทันที คิดไม่ผิดที่คุยพร้อมกันทั้งสองคน น้าน้ำผิงน่าจะเข้าใจเขามากอยู่พอควรจึงพูดดักทางพ่อไว้แบบนั้น อีกอย่างท่านชอบเข้าข้างเขาตลอดจนพ่อหมั่นไส้
“ว่ามา ตกลงไม่ใช่แค่ถามเรื่องนี้ใช่มั้ย”
“ครับ คือผมมีเรื่องจะบอกพ่อกับน้าน้ำผิงครับ”
เขายิ้มออกมาอย่างสบายใจ ถ้าเป็นแบบนี้พ่อคงไม่ขัดขวางความรักของเขากับข้าวแน่นอน สารภาพออกไปตอนนี้เลยน่าจะเป็นโอกาสที่เหมาะสมที่สุด
“ว่ามาสิลีลาจริงๆเรานี่”
“คือจริงๆแล้วผมมีแฟนแล้วครับ”
ทั้งสองคนหันไปมองหน้ากันทันที เดาไว้ไม่มีผิดคนอย่างภคราประธานเครือจิระกาญจน์กุลนะเหรอจะโสด ทั้งหล่อทั้งรวยหน้าที่การงานดีโปรไฟล์หรูขนาดนี้ใครบ้างจะไม่ชอบ
“ว่าแล้วเชียวคบกันกี่เดือนแล้วล่ะ นิสัยเป็นยังไงลูกเต้าเหล่าใครไหนลองบอกพ่อสิ”
“คือเธอชื่อข้าวครับ อายุเด็กกว่าผมสี่ปี ครอบครัวก็เป็นคนธรรมดาไม่ได้ร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐีเหมือนเรา ผมรู้จักกับเธอตอนเรียนมหาวิทยาลัย เธอเป็นนักเรียนทุนเรียนเก่งมากทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย นิสัยดีเข้าใจผมทุกอย่าง ผมชอบเธอเพราะเป็นแบบนี้ครับ”
คุณพ่อนิ่วหน้าอย่างประหลาดใจ รู้จักกันตั้งแต่มหาวิทยาลัยแสดงว่านานมาแล้ว
“รู้จักตั้งแต่มหาวิทยาลัยเหรอ แล้วคบกันตอนไหน แล้วช่วงเวลาที่ลูกไปเรียนเมืองนอกอ่ะพ่องงไปหมดแล้วนะ”
ท่านภูวนัยไม่เข้าใจที่ลูกอธิบาย ตลอดเวลาเขาก็ไม่เคยบอกว่ามีแฟนอยู่ ไปคบกันตอนไหนเขายังเดาไม่ออกเลย
“คือผมกับข้าวคบกันแปดปีแล้วครับ”
“ห๊ะ! แปดปี”
ทั้งสองคนหันไปมองหน้ากันอย่างตกใจ นี่มันนานมากเลยนะแต่เขาที่เป็นพ่อไม่เคยรู้เลย ลูกก็ไม่เคยปริปากบอกแถมยังไปกินนอนกับเขาตั้งหลายปี มันดูไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่
“ครับ คือเราสองคนคบกันตั้งแต่เรียนมหาวิทยาลัยแล้ว หลังเรียนจบผมก็ไปเรียนต่างประเทศเราสองคนก็ยังคุยกันทุกวัน ข้าวเป็นคนดีมากนะครับพ่อ เธออดทนรอผมตลอดไม่เคยนอกใจ พอผมกลับมาเราสองคนก็ได้ใกล้ชิดกันมากขึ้นนี่ก็เป็นระยะเวลาหลายปีที่ผมได้เรียนรู้เธอ ตอนนี้ผมมั่นใจแล้วครับว่าข้าวคือคนที่สามารถอยู่เคียงข้างผมได้”
“แล้วทำไมเพิ่งจะมาบอกพ่อ คบกันตั้งนานแล้วนี่ทำแบบนี้ผู้หญิงเค้าเสียหายนะ”
เขาหันไปมองลูกชายอย่างไม่เข้าใจ ก็ไม่ได้ติดที่เธอเป็นคนธรรมดาไม่มีฐานะร่ำรวย แต่สงสัยว่าทนได้ยังไงตั้งแปดปีโดยที่ไม่บอกใครแม้แต่พ่อแท้ๆ ลูกชายเขาไม่ให้เกียรติผู้หญิงเลยซึ่งเรื่องนี้ควรตำหนิ
“ผมอยากจะบอกทุกคนใจจะขาด แต่ข้าวไม่ยอม บอกว่าเธอไม่มีอะไรที่เหมาะสมกับผมเลย เธอกลัวว่าคนอื่นจะหัวเราะเยาะผมที่มีแฟนเป็นคนธรรมดา แม้กระทั่งมาเจอพ่อเธอก็ไม่กล้ากลัวว่าที่บ้านเราจะรับไม่ได้”
เขาระบายออกมาอย่างอัดอั้น ไม่อยากจะไปกดดันผู้หญิงเพราะเขารู้ดีว่าเธอเป็นคนคิดมาก ถ้าวันนี้พ่อรับไม่ได้และสั่งไม่ให้เขาคบ เธอคงบอกเลิกเขาแล้วเดินจากไปทันที
“แล้วตอนนี้แฟนเราทำอะไรอยู่”
“ก็ทำงานที่บริษัทครับพ่อ เป็นพนักงานฝ่ายการตลาดอยู่สำนักงานใหญ่”
น้ำผิงที่ฟังอยู่นานก็อยากจะเสนอความคิดบ้าง เพราะที่เด็กคนนั้นเป็นอยู่ก็คล้ายๆเธอตอนคบกับสามีใหม่ๆ
“คุณภูมิพาน้องมาเจอคุณพ่อดีมั้ยคะจะได้ทำความรู้จักกัน น้าเข้าใจแม่หนูคนนั้นนะ เธอคงอยากตั้งใจทำงานเพื่อให้ตัวเองยืนอยู่ในจุดที่คุณภูมิไม่ต้องอายใคร แต่คุณพ่อคงไม่ยอมมั่งคะอยากเลี้ยงหลานมากแล้วนี่”
น้ำผิงหันไปแซวสามี เขาบ่นทุกวันว่าเมื่อไหร่ลูกชายจะแต่งงานมีหลานซักที ถึงน้ำมนต์จะมีแต่อย่าลืมว่าลูกอยู่บ้านสามีไม่ได้อยู่ที่นี่จะได้เจอก็ชั่วคราวเท่านั้น แต่ถ้าคุณภูมิมีลูกจะได้เลี้ยงทุกวันเพราะเขาอยู่ที่นี่
“ก็อยากได้แหละหลานนะ เอางี้แล้วกันถ้าแฟนเราว่างก็พามาเจอพ่อมาทานข้าวด้วยกัน พ่อไม่ได้ติดเรื่องฐานะหรืออะไร ถ้ารักกันจริงพ่อไม่ห้ามหรอก เฮ้อ! แปดปีไม่ใช่น้อยๆนะภูมิ ชัดเจนกันได้แล้วไม่ใช่แอบคบกันไปแบบไม่มีจุดมุ่งหมายในชีวิตแบบนี้ ถ้าเธออดทนรอลูกได้ในช่วงที่ห่างกันได้แม่หนูคนนั้นก็คงรักลูกมากจริงๆแหละ”
ภูมิยิ้มออกมาทันทีอย่างดีใจ เขาบอกแล้วว่าพ่อจะต้องไม่ขัดขวางแถมยังสนับสนุนให้เปิดเผยตัวอีก
“ขอบคุณนะครับพ่อ ผมจะรีบไปบอกน้องเลยว่าคุณพ่อไฟเขียวแล้ว งั้นคืนนี้ผมไม่ค้างที่บ้านนะมาคุยแค่นี้แหละ”
“เอ้าไหนบอกจะมาทานข้าวกับพ่อไง”
“วันนี้ขอผ่านก่อนครับ ผมจะไปคุยกับข้าวเรื่องนี้ก่อนจะไปแจ้งข่าวดีด้วย เอาไว้ผมจะพาน้องมาหา จะมาค้างที่นี่แล้วกันนะครับ ผมไปนะพ่อไปนะครับน้าน้ำผิง”
ภูมิยกมือไหว้ทั้งสองคนก่อนจะเดินยิ้มออกไปอย่างอารมณ์ดีสุดๆ คนเป็นพ่อมองตามลูกชายอย่างหมั่นไส้ ตอนแรกพูดดิบดีจะมาทานข้าวและค้างที่บ้าน สุดท้ายก็หนีไปนอนที่อื่นเหมือนเดิม
“คุณรู้มั้ยผมคิดว่าเจ้าภูมิไปค้างที่คอนโดตลอด แต่วันนี้ผมรู้แล้วว่ามันไม่ได้ไปนอนที่คอนโดเลย แต่มันไปนอนกับสาว เฮ้อ! นิสัยแบบนี้ได้ใครมาเนี่ย”
“ได้พ่อมั่งคะ”
น้ำผิงเอ่ยออกมาพร้อมกับอมยิ้มมุมปาก เธอลุกขึ้นเดินออกไปทันที ท่านภูวนัยมองตามภรรยาก่อนจะเอ่ยออกมา
“ไหงมาลงที่ผมล่ะคุณ”