วางสายจากปรียาดาชวิศก็ต่อสายหาน้องชายอีกรอบ เขาอยากกำชับว่าให้ชายหนุ่มดูแลหญิงสาวให้ดีเพราะปรียาดานั้นไม่มีใคร ซึ่งคนที่หวังดีกับหญิงสาวเห็นจะมีเขาเหลือเพียงคนเดียวเท่านั้นเพราะทุกคนต่างก็แย่งชิงผลประโยชน์จากหญิงสาวหน้าตาเฉย
“พี่ฝากด้วยนะชรัณ พี่เป็นห่วงปรียาดามากๆ”
“ครับ พี่ไม่ต้องห่วงครับทำงานให้สบายใจเถอะส่วนทางนี้ผมจะดูแลทุกอย่างเอง”
“โอเคๆ ชรัณเองก็อย่าลืมพักผ่อนนะพี่เองก็ห่วงชรัณกับหลานเหมือนกัน รู้ใช่ไหม”
“ครับผมรู้ เรามีกันสองคนพี่น้องไม่ว่าจะอย่างไรพี่ก็ยังเป็นคนสำคัญของผมเสมอ”
วันต่อมาหญิงสาวนอนกระสับกระส่ายไปมาเพราะจับไข้ไม่สบาย เพราะเหตุนี้น้องชลเลยถูกสั่งห้ามไม่ให้เข้าใกล้หญิงสาว หนุ่มน้อยคอยให้กำลังใจพี่สาวคนสวยอยู่ห่างๆ ด้านชรัณฝากให้สาวใช้ฝาแฝดคอยดูแลหญิงสาวอย่างใกล้ชิดและคอยรายงานอาการของเธอให้เขาทราบเมื่อเขาต้องเข้าไปทำงานในไร่ พอทำงานเสร็จเรียบร้อยเขาก็เตรียมจะกลับบ้านเพื่อไปดูอาการของคนที่กำลังไม่สบาย
“นายหัวไม่ทานข้าวเที่ยงที่นี่หรอจ๊ะ” สายใจถามออกไปน้ำเสียงร้อนรน วันนี้หล่อนทำของอร่อยอยากให้นายหัวรูปหล่อของตนได้ทาน
“วันนี้ผมกลับไปทานที่บ้านครับ พอดีคุณปรีเขาไม่สบายผมต้องไปดูเขาหน่อย”
“อะ เอ่อ ค่ะ ให้สายใจไปช่วยดูแลอีกแรงดีไหมคะ”
“ไม่ต้องหรอกครับเพราะมีกุลกับกานต์ดูแลก็พอแล้ว” ชายหนุ่มเลือกที่จะปฏิเสธความหวังดีจากคนงานสาว หลังจากชายหนุ่มเดินจากไปสายใจก็ชักสีหน้าไม่พอใจทันที ปรียาดามาอยู่ที่นี่หล่อนคิดว่าหญิงสาวเป็นภาระเสียมากกว่า ดูอย่างวันนี้สินายหัวของหล่อนยังไม่ทันได้ทานข้าวก็ต้องรีบไปดูอาการของแม่นั่นแล้ว
“นายหัวดูจะเป็นห่วงคุณปรีมากเลยนะสายใจ”
“ที่ต้องไปดูก็เพราะว่าเกรงใจคุณชวิศต่างหากล่ะ ไม่อย่างนั้นจะหาว่าพวกเราชาวไร่ไม่ดูแลใส่ใจ”
“แล้วถ้าไม่ใช่อย่างที่แกคิดล่ะสายใจ ข้าว่าเหมือนนายหัวจะเป็นห่วงคุณปรีจากใจจริงนะ หรือว่านายหัวจะชอบคุณปรียาดาคนสวย”
“ป้าอย่าพูดให้ฉันหงุดหงิดได้ไหม ไม่มีทางที่นายหัวจะชอบผู้หญิงร้ายกาจแกล้งทำเป็นดีแบบนั้นหรอก แยกย้ายกันไปกินข้าวได้แล้ว” สายใจให้ไปตะโกนบอกคนงานที่ยังซุบซิบกันไม่เลิก ชรัณเมื่อมาถึงบ้านชายหนุ่มก็ตรงไปหาหญิงสาวที่ห้องพักแขกทันที
“อื่อ” หญิงสาวส่งเสียงละเมอออกมาเบาๆ
“ตัวไม่ร้อนแล้วค่ะ เดี๋ยวหนูจะไปเอาข้าวต้มมาให้พี่ปรีทาน ฝากพี่ปรีกับนายหัวสักครู่นะคะ”
“ไปเถอะ” เมื่อสาวใช้เดินออกไป ชรัณจึงนั่งมองคนบนเตียงนิ่งๆ ใบหน้าของหญิงสาวเริ่มมีสีสันมากกว่าเมื่อช่วงเช้ามืด เขาคิดว่าอาการของเธอกำลังจะดีขึ้นตามลำดับหลังจากที่ได้รับประทานยาแก้ไข้
“อื่อ”
“เป็นไงบ้างครับ”
“นะ นายหัวชรัณ” หญิงสาวตกใจไม่น้อยที่พอลืมตาตื่นก็เจอกับเจ้าของบ้านจ้องมองเธออยู่ก่อนแล้ว
“ไม่ต้องตกใจผมขนาดนั้นก็ได้ครับ ผมแค่มาดูอาการ”
“แล้วเด็กๆละคะ” เธอมองไปรอบๆห้องก็ไม่พบสาวใช้เลยสักคนจึงต้องถามหา
“กำลังไปเตรียมข้าวต้มมาให้คุณน่ะ ทานแล้วจะได้ทานยา”
“แล้ววันนี้คุณไม่ไปในไร่หรอคะ”
“ก็กลับมาดูอาการคุณโดยเฉพาะนี่แหละ”
“ขอบคุณนะคะเกรงใจจัง”
“ไม่ต้องเกรงใจหรอกครับเพราะผมโดนพี่ชายกำชับมาว่าให้ดูแลคุณให้ดี”
“อย่างนี้นี่เอง คุณไม่ต้องเป็นห่วงนะคะคุณไปทำงานของคุณเถอะ ปรีมีคนดูแลแล้ว”
“ข้าวต้มมาแล้วค่ะพี่ปรี กำลังร้อนๆเลยนะคะ”
“งั้นผมขอตัวก่อนดีกว่า ทานเถอะครับ”
1 เดือนผ่านไป
ปรียาดารู้สึกว่าชีวิตของตัวเองมีสีสันมากขึ้นเพราะเธอได้ใกล้ชิดธรรมชาติที่สวยงามไร้ซึ่งการปรุงแต่ง เหตุการณ์ในวันนั้นทำให้เธอต้องระวังตัวมากขึ้นเพราะไม่อยากจะเป็นภาระหรือทำให้คนอื่นต้องเป็นกังวลกับเธอ หากวันไหนตื่นเช้าเธอก็จะมานั่งชมพระอาทิตย์ขึ้นที่ริมระเบียงบอกได้เลยว่าบรรยากาศเย็นสดชื่นสุดๆ และเธอไม่พลาดที่จะโทรศัพท์ไปเล่าเรื่องราวต่างๆให้ชวิศฟัง อีกฝ่ายรับฟังเธออย่างเป็นสุขใจเขาดีใจที่เธอปรับตัวได้ ด้านนายหัววรัณไม่เคยมีวันหยุดแม้จะเป็นช่วงเสาร์อาทิตย์เพราะเขาคิดว่าทุกวันคือวันทำงาน ชายหนุ่มออกไปตรวจงานในไร่แต่เช้าเพราะอุณหภูมิยังไม่ร้อนมาก เขาวางโครงการว่าอีกไม่นานจะทำที่พักเพื่อให้เป็นสถานที่พักผ่อนให้กับนักท่องเที่ยวที่อยากดื่มด่ำกับธรรมชาติอย่างใกล้ชิด
“นายหัว นายหัวเกิดเรื่องใหญ่แล้วครับ”
“เกิดเรื่องอะไรขึ้นครับลุง”
“ในน้ำมีสารปนเปื้อนครับ ผมคิดว่ามันจะทำให้ผลไม้ของเราบางส่วนปนเปื้อนสารไปด้วยครับ”
“ว่าไงนะครับ มันเกิดเรื่องแบบนี้ได้ยังไง” ชายหนุ่มถามออกไปด้วยความสงสัย
“ผมว่าต้องมีคนทำครับ ไม่รู้ว่าเป็นหนอนบ่อนไส้ตัวไหนมาทำแบบนี้”
“พาผมไปดูหน่อยครับว่าเกิดความเสียหายตรงไหนบ้าง”
“ครับๆ ตามมาทางนี้ได้เลยครับ” ชายหนุ่มพบว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องจริง คนงานพบหลักฐานที่คาดว่าจะเป็นถุงที่คนร้ายใช้ใส่สารเข้ามาภายในไร่ถูกทิ้งเอาไว้ที่ท้ายไร่ เขารีบให้เจ้าหน้าที่นำผลไม้ที่ได้รับผลกระทบไปตรวจสอบทันทีก็พบว่ามันคือสารคาร์โบฟูราน สารพิษชนิดนี้หากได้รับเข้าไปในปริมาณมากจะทำให้อาเจียนเสียการทรงตัว มองไม่ชัดและเป็นสารก่อมะเร็งชนิดร้ายแรง เมื่อรู้ดังนั้นเขาจึงต้องเลื่อนการนำส่งสินค้าล็อตใหญ่ออกไปก่อน เขารู้ว่าจะเกิดความเสียหายมากมายหากเลื่อนการนำส่งแต่เขาก็คิดว่ากันไว้ดีกว่าต้องมาตามแก้ปัญหาภายหลัง