bc

ป่วนรักนายหัวชรัณ

book_age18+
480
FOLLOW
1.4K
READ
HE
heir/heiress
sweet
addiction
like
intro-logo
Blurb

เพราะเรื่องทะเลาะวิวาทในวันนั้นของปรียาดากับนักแสดงรุ่นน้องทำให้เธอต้องถูกเนรเทศจากวงการบันเทิงมารับหน้าที่พี่เลี้ยงเด็กจำเป็นทั้งที่เธอไม่เคยเลี้ยงเด็กมาก่อน เธอไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะมาช่วยหรือมาป่วน

chap-preview
Free preview
บทที่ 1 บทนำ
ปรียาดาแปลว่าความเป็นที่รัก หญิงสาวผู้เป็นที่รักของพ่อและแม่เติบโตมาอย่างสวยงามจนกระทั่งธุรกิจของครอบครัวขาดทุนอย่างหนัก บิดาของเธอพาครอบครัวย้ายมาอยู่ที่กรุงเทพเพื่อตั้งหลักใหม่จากนั้นไม่นานธุรกิจก็เริ่มฟื้นตัวกลับมาพร้อมกับหนี้สินการลงทุน ใครจะคิดว่าโชคชะตาจะเล่นตลกกับครอบครัวอีกครั้งเมื่อคนเป็นพ่อจากไปด้วยอุบัติเหตุแบบกระทันหันทิ้งหนี้สินเอาไว้ให้ภรรยาอย่างปุณิกาแบกรับ ปรียาดาซึ่งเป็นลูกสาวคนเดียวตัดสินใจเข้าวงการบันเทิงเพราะใครๆก็บอกว่าเส้นทางนี้หาเงินได้เยอะ เธอได้รับความนิยมเป็นอย่างมากมีงานเข้ามาล้นมือทั้งงานแสดงและงานถ่ายแบบ แต่ปัจจุบันไม่ได้เป็นอย่างเมื่อก่อนแล้ว จากที่เคยมีงานจนล้นมือตอนนี้กลับว่างเปล่าแถมเงินในบัญชีก็ลดน้อยลงเรื่อยๆเพราะต้องกินต้องใช้ทุกวัน หญิงสาวนอนหายใจทิ้งไปวันๆอย่างรู้สึกว่าตัวเองไม่มีคุณค่าแต่เธอก็ไม่รู้จะพิสูจน์ความบริสุทธิ์ให้ตัวเองอย่างไรว่าเธอไม่ได้เป็นคนเริ่มก่อน "ฮัลโหลเจ๊วิส" พอปรียาดาเป็นว่าเป็นสายเรียกเข้าของชวิศก็กดรับสายทันที "ตื่นหรือยังจ๊ะแม่ตัวดี" "อื่อ ตื่นแล้วสิคะแต่ก็ไม่รู้จะทำอะไรอยู่ดีนั่นแหละ" หญิงสาวนอนคุยโทรศัพท์น้ำเสียงเอื่อยๆกับผู้จัดการหนุ่มหล่อที่ไม่มองหญิงแม้แต่หางตาอยู่บนเตียงกว้าง ชวิศชักชวนให้เธอเข้าวงการบันเทิงเมื่อห้าปีก่อน เธอได้รับเลือกให้แสดงละครเรื่องแรกด้วยบทนางเอกแสนซื่อแต่ไม่ได้รับความนิยม พอมีโอกาสเปลี่ยนมาเป็นบทนางร้ายเธอกับตีบทแตกจนคนดูเขาเกลียดเธอเพราะอินกับละครกันครึ่งค่อนประเทศ เธอต้องขอบคุณเขาที่ช่วยให้เธอหาเงินปลดหนี้ให้ที่บ้านได้สำเร็จไม่อย่างนั้นเธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอและผู้เป็นมารดาจะทำอย่างไร "ถ้าอย่างนั้นฉันมีอะไรให้หล่อนทำ" "อะไรหรอคะ งานอะไรหรอได้เงินเยอะไหม" ปรียาดาถามอีกฝ่ายน้ำเสียงตื่นเต้น นี่แสดงว่ามีงานบันเทิงกลับมาหาเธออีกแล้วหรือเปล่านะ "งกจริง เงินเก็บก็มีเยอะแต่ยังงกจะหาเงินจริงๆ” “คนเรามันต้องขับเคลื่อนด้วยเงินนี่เจ๊ เจ๊ก็รู้ไม่มีเงินก็เหมือนหมาไม่มีใครอยากคบและอีกอย่างเจ๊ไม่รู้หรอกว่าตอนที่เป็นหนี้มันแย่แค่ไหน ว่าแต่งานอะไรรีบบอกมาเถอะเจ๊” “เป็นงานง่ายๆไม่ได้ใช้สมองอะไรนักหรอกเพราะฉันรู้เรื่องนี้แกไม่ถนัด แกน่ะถนัดแต่ตบตี" ชวิศอดที่จะพูดแซวอีกฝ่ายไม่ได้ เขารู้ว่าหญิงสาวไม่ใช่คนที่ชอบหาเรื่องใครก่อนเพียงแต่เด็กในสังกัดคนนี้ของเขานั้นเป็นคนสู้คน ตาต่อตาฟันต่อฟันอะไรทำนองนั้น ปรียาดาไม่มีทางยอมให้ใครมาทำร้ายโดยไม่สู้กลับแน่ๆ "เจ๊! นี่เจ๊ก็ไม่เชื่อหนูหรอ" หญิงสาวถามกลับเสียงดัง ใครมาสะกิดเรื่องนี้ทีไรเป็นต้องปรี๊ดแตกทุกที เธอไม่ได้เป็นคนผิดนะแต่สังคมก็ตราหน้าเธอไปแล้ว "ฮ่าๆ แค่แซวเล่นเองทำไมต้องเสียงดังด้วยเล่า" ชวิศหัวเราะคิกคักชอบใจ "อย่าพูดถึงเรื่องบ้าบอนี้ดีกว่าค่ะ งานที่ว่าคืออะไรคะเจ๊อย่าลีลาได้ไหม" "ช่วยอะไรน้องชายเจ๊บ้างสิ" ไม่ใช่ว่าชวิศคิดอะไรปุ๊ปปั๊บแต่เพราะได้รับสายจากแม่นมกุลนาถหรือที่เรียกติดปากกันว่าแม่นมนาถว่าน้องชายของเขายังคงเศร้าสร้อยแม้ว่าอดีตน้องสะใภ้จะจากโลกนี้ไปสามปีแล้ว หล่อนจากไปตอนที่หลานชายของเขาอายุเพียงหนึ่งขวบ หลานชายของเขาตอนนี้อายุเพียงสี่ขวบก็ต้องกำพร้าแม่อย่างน่าสงสาร เขาจึงอยากหาใครสักคนมาทำหน้าที่ดามใจให้น้องชายและเป็นแม่ที่แสนดีให้กับหลานชายตัวน้อย "อะไรหรอคะ ถ้าช่วยได้หนูก็จะช่วย" "เลี้ยงเด็กน่ะ" "เลี้ยงเด็ก! บะ บ้าไปแล้วค่ะ หนูจะเลี้ยงเด็กได้ยังไงหนูยังไม่มีลูกนะคะ น้องก็ไม่มีลูกคนเดียวค่ะ" "เจ๊รู้ๆก็ไปฝึกก่อนที่จะมีสิจ๊ะ" "นี่เจ๊กำลังล้อเล่นหนูใช่ไหมคะ" หญิงสาวถามกลับอย่างไม่เชื่อหู งานที่ผู้จัดการคนเก่งบอกมันไม่เกี่ยวอะไรกับงานที่เธอเคยทำเลยนี่หน่าแถมเธอยังไม่เคยคิดถึงการมีลูกมีครอบครัวมาก่อนเลย "เจ๊เอาจริงจ้ะหนูปรี" ชวิศตอบกลับน้ำเสียงราบเรียบบ่งบอกว่านี่คือความจริงเขาไม่ได้ล้อเล่น "..." "ไปทำเถอะนะถือว่าเจ๊ขอร้อง หล่อนนอนหายใจทิ้งไปวันๆก็ไม่มีประโยชน์หรอก ไปที่ไร่ของน้องชายเจ๊ดีกว่าบอกเลยนะว่าที่นั่นบรรยากาศดีมาก มีต้นไม้ มีดอกไม้ มีน้ำตก มีอะไรอีกน้าเจ๊นึกไม่ออกแต่เยอะมากอ่ะ" ชวิศ พยายามบรรยายบรรยากาศที่ไร่ให้อีกฝ่ายได้นึกภาพตาม ไร่ชนินทร์วรางค์เขาจากมาหลายปีแล้วและทิ้งให้น้องชายดูแลแต่เพียงผู้เดียว เขารู้ว่าน้องทำงานอย่างหนักแต่ก็ไม่มีความสามารถในเรื่องของงานไร่เลยเพราะเขาชอบแต่เรื่องสวยๆงามๆ ที่สำคัญเขาอยากให้น้องชายตัดใจจากคนรักที่จากโลกนี้ไปแล้วและเขาก็มองเห็นตำแหน่งแม่เลี้ยงคนใหม่สะท้อนผ่านเงาของปรียาดา เขาคิดว่าปรียาดานี่แหละที่เหมาะจะมาเป็นแม่เลี้ยงคนใหม่ของที่นี่ "ดีขนาดนั้นทำไมเจ๊ไม่ไปอยู่เองละคะ หืม" หญิงสาวถามกลับอย่างกวนๆ เธอเดาได้ทันทีว่าอีกฝ่ายจะต้องหน้านิ่วคิ้วขมวดไม่พอใจแน่ๆ "เอ๊ะ! หล่อนนี่ยังไงฉันยังต้องรับผิดชอบเด็กคนอื่นอีกไหม ฉันไม่ได้ว่างงานเหมือนหล่อนนะ" "แรง แรงมาก" "หล่อนก็รู้เจ๊พูดตรงๆ สรุปยังไงรับปากเจ๊เถอะนะ ดีกว่าอยู่เฉยๆจริงไหม" "เอาไงเอากันค่ะในเมื่อตอนนี้หนูก็ว่างงานอย่างที่เจ๊ว่าจริงๆ ลองดูหน่อยก็ได้" "ดีมากจ้ะ เจ๊ขอบคุณมากที่ตอบตกลง เตรียมเก็บของเลยนะเดี๋ยวเจ๊จะไปรับเย็นนี้" ชวิศดีใจมากที่ปรียาดาตอบตกลง "เย็นนี้เลยหรอคะ จะไม่ให้หนูเตรียมตัวเตรียมใจเลยหรอคะ" "ไม่ต้องเตรียมอะไรหรอกที่ไร่น่ะมีครบทุกอย่างแล้วเหลือแค่พี่เลี้ยงเด็กเท่านั้นแหละ" "ค่ะๆ ตามบัญญาเลยค่ะ แล้วเจอกันนะคะ" "จ้ะ ต้องวางร้ายแล้วน้องแพรพรรณเขาถ่ายแบบเสร็จพอดี"  หลังจากชวิศกดวางสาย สายตาก็เป็นประกายซุกซนบ่งบอกว่ากำลังจะมีเรื่องสนุกๆเกิดขึ้นแล้ว เขาหวังดีนะถึงได้ส่งหญิงสาวไปหาน้องชายถึงที่ไร่ แค่คิดถึงแผนการที่วางเอาไว้ก็ทำให้ยิ้มออกมาเต็มใบหน้า ถ้าสมหวังล่ะก็มีแต่วินกับวินทั้งสองฝ่าย ปรียาดาอดที่จะแปลกใจไม่ได้เพราะปกติชวิศไม่ใช่คนที่ทำอะไรรีบร้อนแบบนี้แต่ก็ดีเหมือนกันเพราะเธอเองก็เบื่อห้องสีเหลี่ยมที่ใช้เวลาอยู่ตลอดทั้งวันนี้มาสักพักแล้ว การออกไปเปิดหูเปิดตาอาจจะทำให้เธอเกิดปิ๊งไอเดียทำธุรกิจอะไรใหม่ๆก็เป็นได้เธอจึงไม่ลังเลที่จะเก็บของใส่กระเป๋าแล้วเตรียมไปใช้ชีวิตในป่าในเขาอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน “หลับไปก่อนได้เลยอีกนานกว่าจะถึง” “เราจะถึงกี่โมงหรอคะ” “ก็คงเกือบๆเที่ยงคืนนั่นแหละ นี่ถ้าไม่ติดงานช่วงเย็นนะเจ๊พาหล่อนมาตั้งแต่ที่วางสายกันแล้ว” “รีบร้อนจริงกลัวปรีจะเปลี่ยนใจหรอคะ” “ใช่น่ะสิ” “คนอย่างหนูปรีพูดคำไหนคำนั้นค่ะ” “จ้ะ หลับซะเถอะพรุ่งนี้คงได้ลุยงาน” “โอเคค่ะ” หญิงสาวหลับตาลงส่วนชวิศก็ตั้งหน้าตั้งตาขับรถกลับไปที่ไร่ด้วยใจเบิกบาน ในที่สุดรถยนต์คันหรูก็มาถึงที่หมายด้วยความปลอดภัย       ชวิศโทรนัดแนะกับแม่นมนาถเรียบร้อยแล้ว พอรถเลี้ยวเข้ามาจอดก็เห็นว่าแม่นมและสาวใช้อีกสองคนมารอต้อนรับอยู่แล้ว “สวัสดีค่ะคุณวิส” “แม่นมสบายดีนะครับ วิสขอโทษที่ไม่ค่อยได้กลับมาหาเลย” วันเวลาผ่านไปแม่นมนาถก็อายุมากขึ้น เขาควรจะใส่ใจเรื่องในครอบครัวมากกว่านี้ “นมสบายดีค่ะแค่รู้ว่าคุณวิสสบายดีนมก็เบาใจแล้ว อะ เอ่อแล้วนั่น...” สาวสวยด้านหลังของคุณหนูจะใช่คนที่คุณชวิศบอกก่อนหน้านี้ไหมนะ “คุณปรียาดานี่ คุณปรียาดาจริงด้วย” ชวิศยังไม่ทันได้แนะนำก็ถูกสาวใช้แย่งแนะนำไปซะก่อน “รู้จักด้วยหรอเนี่ย ดังมาถึงนี่เชียวนะปรี” ชวิศหันไปบอกกับปรียาดายิ้มๆ พอหล่อนรู้ว่ามีแฟนคลับของตัวเองที่นี่ด้วยก็ยิ้มหน้าบาน “รู้จักสิคะ คุณปรียาดาตัวจริงสวยกว่าในทีวีอีกนะคะ ผิวของคุณปรียาดาก็เรียบเนียนว่าแต่ว่า...” “ฮ่าๆ ไม่ได้ใจร้ายเหมือนในทีวีหรอกนะสบายใจได้ ฉันรับประกัน” “เห้อ อย่างนั้นก็โล่งใจค่ะ หนูชื่อกุลค่ะส่วนนี่กานต์น้องสาวฝาแฝดของหนู” “สวัสดีค่ะพี่ปรียาดาคนสวย” “สวัสดีค่ะคุณปรียาดา” “ยินดีที่ได้รู้จักนะคะคุณปรียาดา” แม่นมพิจารณาผู้หญิงที่มากับคุณหนูของตนแล้วก็ยิ้มพึงพอใจเพราะรู้สึกถูกชะตากับอีกฝ่ายมากๆ “สวัสดีดีค่ะทุกคน ทุกคนเรียกว่าปรีก็พอค่ะไม่ต้องมีคุณหรอกนะคะ” “งั้นหนูขออนุญาตเรียกพี่ปรีแทนนะคะ” “ได้สิจ๊ะ” ปรียาดาตอบกลับยิ้มๆสองสาวอายม้วนเมื่อได้รับยิ้มหวานๆตอบกลับเพราะนานๆทีจะมีนางฟ้านางสวรรค์โผล่มาแถวนี้ “เข้าบ้านกันเถอะค่ะยุงเริ่มเยอะแล้ว” “สงสัยจะอยากดูดเลือดคนสวยนะคะเนี่ย” “พูดอะไรเพ้อเจ้อยัยกานต์” “กานต์ล้อเล่นค่ะ พี่ปรีอย่าถือสากานต์เลยนะคะ” “จ้ะ” ชวิศแยกไปพักผ่อนในห้องนอนส่วนตัวของตัวเอง แม้จะไม่ได้มาอยู่แต่ห้องก็ถูกทำความสะอาดเหมือนมีคนพักอยู่ทุกวัน เขาดีใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัววรางค์และทุกคนรวมถึงคุณพ่อชนินทร์ก็ยอมรับในสิ่งที่เขาเป็น ส่วนหญิงสาวก็ไปพักที่ห้องนอนแขก เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าที่นี่มีเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกอย่างครบครัน เธอนึกว่าจะต้องอาบน้ำเย็นๆซะแล้ว ถ้าเป็นแบบนั้นคงยากที่จะปรับตัว ปรียาดาล้มตัวลงนอนบนเตียงกว้างด้วยความเหนื่อยล้า แม้ว่าหล่อนจะหลับมาตลอดทางก็เถอะแต่เป็นเพราะปกติหล่อนเป็นเด็กอนามัยนอนก่อนสี่ทุ่มเพื่อให้ร่างกายได้หลั่งสารที่มีประโยชน์และทำให้เธอไม่แก่ก่อนวัยด้วย เช้าวันต่อมาเธอรู้สึกตัวตื่นก็เพราะกำลังถูกบางสิ่งบางอย่างรบกวน เธอพยายามขยับตัวหนีแต่เหมือนสิ่งนั้นก็ยังตามเธอมาอยู่ดี เธอจึงค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆเพื่อปรับโฟกัสแล้วก็ต้องตกใจเพราะมีหนุ่มน้อยที่ไหนไม่รู้กำลังนั่งคร่อมอยู่บนร่างของเธอแถมในมือยังถือลิปสติกสีหวานของเธอด้วย ด้วยความตกใจเธอจึงร้องกรี๊ดเสียงดังจนทุกคนในบ้านต้องแห่กันมาถึงห้องนอนแขกที่ถูกปิดตายแต่ว่าวันนี้ได้มีหญิงสาวแสนสวยมาครอบครองแล้ว “ไม่เอาไม่ร้องนะครับ” หนุ่มน้อยรีบส่งสายตาอ้อนวอนให้พี่คนสวยที่ตนไม่เคยพบหน้า “นะ หนูเป็นใคร เข้ามาในห้องของพี่ได้ยังไงคะ” “ตาชลเกิดอะไรขึ้นลูก” ชรัณสะดุ้งตัวตื่นเพราะเสียงกรี๊ดของผู้หญิง เขาไม่แน่ใจว่าเป็นเสียงของใครแต่ในใจนึกเป็นห่วงลูกชายตัวน้อยจึงต้องรีบวิ่งมาทางต้นต่อของเสียงแล้วก็พบกับผู้หญิงแปลกหน้าคนหนึ่ง “ชลมาทักทายพี่คนสวยคร๊าบคุณพ่อ” วินาทีนี้สองหนุ่มสาวจึงได้มีโอกาสพิจารณากัน ชายหนุ่มสวมเสื้อยืดสบายๆกับกางเกงขาสั้น ส่วนหญิงสาวสวมชุดนอนสายเดี่ยวดูเซ็กซี่จนคนมองต้องหลบสายตาหันไปมองอย่างอื่นแทน แล้วก็แอบอมยิ้มขำเพราะใบหน้าของหญิงสาวถูกแต่งแต้มไปด้วยลิปสติก “คะ คุณคือใครคะ” “ผมมากกว่านะครับที่ต้องถามว่าคุณคือใครเข้ามาอยู่ในบ้านผมได้ยังไงครับ” ชายหนุ่มกอดอกยืนถามเสียงออกไปน้ำเสียงราบเรียบ “เกิดอะไรขึ้น! ยัยปรี” ชวิศเองก็วิ่งหน้าตาตื่นมาไม่แพ้กันเมื่อได้ยินเสียงร้องของปรียาดา “พี่วิสกลับมาตั้งแต่เมื่อไรครับ” เขาตกใจไม่น้อยกับการปรากฏตัวของพี่ชาย “พี่กลับมาถึงเมื่อคืนมันดึกน่ะเลยไม่ได้ไปทักทายเพราะคิดว่าชรัณหลับไปแล้ว ทุกคนเจอกันแล้วสินะ ว่าไงยัยแมวน้อย” “มะ แมวน้อยอะไรคะเจ๊” จู่ๆชวิศก็มาเรียกเธอว่าแมวน้อยจะไม่ให้เธอตกใจได้อย่างไร “ก็ดูหน้าหล่อนก่อนเถอะ ฝีมือใครครับ” ปรียาดารับกระจกมาส่องดูก็ต้องตกใจเพราะใบหน้าถูกวาดเป็นรูปแมวแถมมีหนวดซะด้วย “...” “ใครทำครับ” ชวิศถามกลับน้ำเสียงจริงจังจนหนุ่มน้อยต้องรีบสารภาพความจริง “ชลเองครับ ชลขอโทษครับ” “อย่าดุแกเลยค่ะ” ใบหน้าเศร้าสร้อยของหนุ่มน้อยทำให้เธอต้องรีบเอ่ยห้ามชวิศ “นี่ปรียาดาคนสนิทพี่เอง หล่อนจะมาเป็นพี่เลี้ยงให้ตาชล” “พี่เลี้ยงอะไรกันครับ ทำไมพี่ต้องทำให้ยุ่งยากด้วยล่ะในเมื่อตาชลมีทั้งแม่นมนาถแล้วก็กุลกับกานต์” “มีคนดูแลเยอะๆน่ะดีแล้ว นี่ตาชรัณน้องชายเจ๊เอง รีบทำความรู้จักกันไว้นะเพราะต้องอยู่ร่วมกันอีกนาน” “อะ เอ่อสวัสดีค่ะ ขอโทษที่ทำให้ทุกคนตกใจนะคะ” “ไม่เป็นไรหรอกครับต้องโทษเจ้าตัวดีของผมมากกว่า” “ไม่เป็นไรเลยค่ะเดี๋ยวล้างออกก็หายหมดแล้ว ว่าไงครับคนเก่งเข้าห้องพี่มาได้ยังไงเอ่ย” “ประตูไม่ได้ล็อคคร๊าบ” “แล้วเจ้านี่ละคะ” “ขอโทษคร๊าบ” หนุ่มน้อยรีบยกมือไหว้ขอโทษอีกครั้งเพราะรู้ตัวแล้วว่าทำสิ่งที่ไม่สมควรทำลงไป “เดี๋ยวผมจะซื้อมาใช้คืนนะครับ” “ไม่เป็นไรหรอกค่ะ อยู่ที่นี่ปรีอาจจะไม่ต้องการมันก็ได้” การทำงานเป็นพี่เลี้ยงเด็กเธอไม่จำเป็นต้องแต่งหน้าแต่งตาให้สวยอยู่ตลอดเวลาหรอก “ถ้าต้องการเดี๋ยวเจ๊จัดมาให้แล้วกัน” ชวิศรีบหาทางออกให้กับคนทั้งคู่ “ขอบคุณค่ะ” “ไปๆแยกย้ายกันไปอาบน้ำอาบท่ากันเถอะ หล่อนก็รีบแต่งตัวด้วยนะนมน่ะจะหกออกมาหมดแล้ว” ด้วยความที่เป็นสายเดี่ยวทำให้มันแทบจะปกปิดหน้าอกหน้าใจของหญิงสาวเอาไว้ไม่ได้ เธอเลยต้องรีบตวัดผ้าห่มมาคลุมกายเพื่อให้พ้นจากสายตาของคนที่มองมา หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยหญิงสาวก็ลงมารับประทานอาหารที่ห้องรับประทานอาหารกับเจ้าของบ้าน วันนี้เธอเลือกที่จะสวมเสื้อยืดสบายๆกับกางเกงขายาวคลุมเข่าดูน่ารักอ่อนกว่าวัยมาก ด้านชายหนุ่มเมื่อได้มองเห็นการแต่งตัวอีกแบบของหญิงสาวก็รู้สึกว่าเธอสวยสมวัยมากๆ ใบหน้าที่ไม่ได้ถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางดูสวยเป็นธรรมชาติ เธอคงจะดูแลผิวพรรณของตัวเองอย่างดี “แหะๆ สวัสดีตอนเช้าค่ะทุกคน” เธอคิดว่าเธอรีบแล้วแต่พอลงมาก็ยังช้ากว่าทุกคนอยู่ดีเลยได้แต่เก้อเขินและเดินไปนั่งตำแหน่งของตนเงียบๆ “สวัสดีคร๊าบ พี่ปรีมานั่งข้างๆชลนะครับ” “ได้ค่ะ” “มาครบแล้วก็ลงมือทานอาหารเถอะครับเพราะผมยังต้องมีงานให้ทำอีกเยอะ” คำพูดของชายหนุ่มทำให้เธอรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังโดนตำหนิเพราะว่าลงมาสายทำให้ทุกคนต้องรอ “ทานสิ อาหารที่นี่อร่อยทุกอย่างนะจริงไหมตาชล” “จริงคร๊าบ ชลอยากทานอันนั้น” “มาค่ะพี่ตักให้นะ” หญิงสาวตักเมนูที่หนุ่มน้อยต้องการให้ ชวิศรู้สึกชอบใจมากที่ทุกอย่างดูเป็นธรรมชาติไปเสียหมด ที่สำคัญหลานรักของเขาไม่มีท่าทีต่อต้านปรียาดาเหมือนกับผู้หญิงคนอื่นที่พยายามจะเข้าใกล้นายหัว ชรัณ “ขอบคุณครับ” หนุ่มน้อยรู้สึกเจริญอาหารมากๆที่มีสาวสวยมาคอยเอาอกเอาใจจนคนเป็นพ่อเองยังนึกหมั่นไส้ลูกชายที่ตัวแค่นี้ยังหัดทำให้สาวเอาใจตัวเองได้สำเร็จ “ว่าแต่ตาชลจะเข้าโรงเรียนเมื่อไรนะชรัณ” “คงอีกสามสี่เดือนครับพี่ รอให้ตาชลพร้อมกว่านี้ก่อน” “ดีๆระหว่างนี้ก็ให้ปรีดูแลไปก่อน อย่าลืมสอนอะไรที่มีสาระกับหลานเจ๊ด้วยล่ะ” “ได้ค่ะ ปรีจะสอนหนังสือน้องชลไปพรางๆก่อนจะเปิดเทอมแล้วกันนะคะ” “เชื่อฟังพี่ปรีเขาด้วยนะลูก” ชวิศหวังเป็นอย่างยิ่งว่าปรียาดาจะสามารถรับมือกับหลานชายที่ใครต่อใครก็บอกว่าซนเหลือเกินได้อยู่หมัด “คร๊าบ” “ถ้าพี่ชรัณมั่นใจในตัวคุณปรียาดาขนาดนั้นผมก็ขอฝากลูกชายด้วยนะครับ” “ค่ะ คุณชรัณไว้ใจปรีได้เลยค่ะ คุณเรียกปรีก็พอค่ะ” “ครับคุณปรี” หลังมื้ออาหารชายหนุ่มก็ออกไปทำงานทันที ตอนนี้ในบ้านจึงเหลือแต่สาวๆและหนึ่งหนุ่มใจสาวอีกหนึ่งคน ชวิศชวนหญิงสาวออกไปเดินเล่นที่ไร่โดยที่ไม่ได้บอกเจ้าของไร่ตัวจริง “นั่นมันคุณชวิศกับคุณหนูชลนี่ แล้วผู้หญิงที่เดินมาด้วยกันล่ะเป็นใคร” “นั่นน่ะสิแต่สวยนะเว้ย” “ฮ่าๆ สวยแต่เขาก็ไม่มองมึงหรอกนะ” “หัวเราะอะไรกันทำไมยังไม่ออกไปทำงานสักที” ดวงกมลอดที่จะบ่นผู้เป็นสามีกับเพื่อนไม่ได้ที่ยังมัวลีลาไม่ออกไปทำงานเสียที “ข้ากำลังอยากรู้ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใครต่างหาก คนที่มากับคุณชวิศน่ะ” “ไหนล่ะ นั่นมันยัยกันยนานี่ ยัยกันยนา!” “บ้าหรือไงแกจะโวยวายทำไมคุณเขาหันมามองกันหมดแล้ว” คนเป็นสามีรีบปรามเพราะกลัวจะเกิดเรื่อง “ผู้หญิงคนนั้นคือดารา” “อะไรนะ ดาราหรอ” เหล่าคนงานต่างแตกตื่นอยากจะรู้ว่าดาราที่ว่าน่ะคือใครกัน “ใช่น่ะสิฉันจะไปหาเขาใกล้ๆ จะไปดูว่าใช่ไหม” ดวงกมลก้าวไวๆเข้าไปหาผู้เป็นเจ้านายและดาราสาว “เมื่อกี้หล่อนเรียกใครกัน ที่นี่ไม่มีใครชื่อกันยนานะ” “ดวงขอโทษค่ะคุณชวิศ ดวงเห็นคุณเขาก็นึกถึงกันยนาในทีวีน่ะค่ะ คุณคือคุณปรียาดาใช่ไหมคะ” “ใช่จ้ะ” “อ๋อ ที่แท้ก็แฟนละครของปรีนี่เอง” “ขะ ขอโทษนะคะคุณปรียาดามันอินไปหน่อยน่ะค่ะ เรื่องที่คุณเล่นดวงชอบมาก ถึงพริกถึงขิงมากค่ะ” “ฮ่าๆ ขอบคุณที่ติดตามผลงานกันนะคะ” “คุณปรีมาเที่ยวหรอคะ เป็นโชคดีของดวงจริงๆ” ดวงกมลจ้องมองคนตรงหน้าอย่างชื่นชม หล่อนผิวขาวใสดูน่าอิจฉาจริงๆไม่เหมือนชาวไร่ที่นี่ผิวดำคล้ำกันทุกคน “ไม่ใช่หรอกค่ะ ปรีย้ายมาอยู่ที่นี่แล้ว” “อยู่ที่นี่หรอคะ” ดวงกมลถามกลับหน้าตาตื่น “ฉันให้ปรีเขามาช่วยเลี้ยงตาชลน่ะ จากนี้ก็คงจะเห็นกันบ่อยๆนะฝากดูแลปรีเขาด้วยล่ะ” “ได้เลยค่ะดวงจะช่วยดูแลคุณปรีอีกแรงนะคะคุณชวิศ” “ขอบคุณจ้ะ เรารีบเดินต่อดีกว่านะน้องชลร้อนแย่แล้ว” “ตายจริงดวงขอโทษที่มาชวนคุยค่ะ เชิญค่ะคุณหนูเดี๋ยวดวงจะเอาผลไม้ไปให้ทานที่ศาลานะคะ” “ขอบใจจ้ะ” ชวิศพาปรียาดาและหลานชายเที่ยวเล่นอีกสักพักก็มานั่งพักกันที่ศาลา ภายในศาลาร่มรื่นเพราะอยู่ภายใต้ต้นไม้ใหญ่ ชวิศบอกกับเธอว่าต้นไม้ต้นนี้บิดาเป็นคนปลูกตั้งแต่สมัยที่เขากับน้องชายยังเป็นเด็ก วันเวลาผ่านไปต้นไม้ก็เติบโตจนสูงใหญ่ให้ทุกคนได้พักอาศัยร่มเงาให้พอคลายความเหนื่อยล้าทั้งกายใจ “ที่นี่บรรยากาศดีมากเลยนะเจ๊” “เจ๊เคยโกหกไหมละพูดคำไหนก็คำนั้น” ชวิศเองก็มีความสุขตามปรียาดาไปด้วย อีกฝ่ายไม่งอแงขอกลับกรุงเทพแค่นี้เขาก็พอใจมากๆแล้ว “น้องชลมาเที่ยวในไร่บ่อยไหมครับ” “บ่อยครับแต่คุณพ่อไม่ค่อยอยากให้มาเพราะชลซนครับ” “หืม หนูรู้ตัวว่าหนูซนด้วยหรอลูก” “รู้ครับ ชลเหงาชลไม่มีเพื่อน” “โธ่ๆ ที่แท้น้องชลก็เหงานี่เอง หลังจากวันนี้เป็นต้นไปพี่ปรีจะเป็นเพื่อนเล่นอยู่กับน้องชลทั้งวันเลยดีไหมครับ” “ดีที่สุดเลยครับ เย้ๆ” “เห็นปรีเข้ากับตาชลได้เจ๊ก็ดีใจนะ” “เจ๊ไม่ต้องห่วงนะเพราะว่าปรีเชื่อว่าปรีเอาอยู่” “ก็แน่ล่ะสิตั้งแต่หล่อนมาหลานฉันยังไม่ออกห่างจากหล่อนเลย นี่ถ้าบอกว่าเป็นแม่ลูกกันใครเขาก็คงเชื่อ” “บะ บ้าหรอเจ๊” “บ้าอะไรหรือฉันจะให้แกเป็นแม่ตาชลดี” “อย่าเพิ่งพูดอะไรเพ้อเจ้อหรือให้ความหวังเด็กสิคะ” “เฮ้อ เจ๊ก็แค่หวังดีเท่านั้นแหละ” หนุ่มน้อยมองผู้หญิงสองคนไปมาอย่างไม่เข้าใจว่าพวกเขากำลังคุยอะไรกัน ดวงกมลเอาผลไม้นานาชนิดมาให้ทานอย่างที่บอกเอาไว้จริงๆ ปรียาดาที่ชื่นชอบการรับประทานผลไม้ก็ตาลุกวาวเพราะมีแต่ของชอบเธอทั้งนั้น วริศบอกกับเธอว่าผลไม้ที่เห็นนี้คือผลไม้ที่สามารถปลูกได้ในไร่ชนินทร์วรางค์ นั่นแสดงให้เห็นว่าที่ไร่แห่งนี้อุดมสมบูรณ์ขนาดไหน เธอคิดว่าต้องชื่นชมผู้บริหารไร่นี้ถึงจะถูกเพราะถ้าไม่มีการวางแผนในการปลูกการดูแลก็คงไม่มีผลผลิตออกมาให้ได้รับประทานแน่ๆ “ชื่นใจ ปรีชอบทุกอย่างเลยค่ะ” “ชอบก็ทานเยอะๆนะคะ คุณปรีชอบผลไม้อะไรเป็นพิเศษบอกดวงนะคะดวงจะเอาไปให้ที่บ้าน” “ชอบทุกอย่างเลยจ้ะ” “ฮ่าๆ คุณปรีนี่น่ารักจริงๆเลย ดวงเชื่อนะคะว่าเรื่องราวใหญ่โตของคุณปรีไม่ใช่เรื่องจริง” “นี่ดวงคิดอย่างนั้นหรอจ้ะ” “ใช่ค่ะ เพราะตั้งแต่ที่ได้พูดคุยกันมาดวงว่าคุณปรีไม่ใช่คนนิสัยแบบนั้นแน่ๆ” “อย่างน้อยก็ยังมีพี่ชวิศกับดวงนี่แหละที่เชื่อ” “ดวงจะบอกทุกคนให้รู้เหมือนกันค่ะ คนอื่นๆก็เป็นแฟนคลับของคุณปรีนะคะ” “ขอบคุณจ้ะ” มื้อกลางวันที่โรงอาหารเหล่าคนงานผู้หญิงเอาแต่พูดถึงดาราคนหนึ่งจนชรัณเริ่มสงสัยว่าพวกเขากำลังหมายถึงใครกันแน่ และยังบอกว่ามาอยู่ที่ไร่ของเขาอีก แต่แล้วความสงสัยของเขาก็หมดไปเมื่อเจ้าตัวปรากฏตัวขึ้นและเหล่าคนงานผู้หญิงวิ่งกรูเข้าไปหา “คุณปรี คุณปรียาดาตัวจริงเสียงจริงจริงๆด้วย พวกเราดีใจนะคะที่มีโอกาสได้เจอตัวจริงของคุณ” “ปรีก็ดีใจค่ะที่ทุกคนอยากรู้จักกับปรีค่ะ” “คุณพ่อ!” “ว่าไงครับ วันนี้มาเที่ยวเล่นในไร่อีกแล้ว แกซนไหมครับ” เขาหันถามคนที่กำลังนั่งลงตรงข้ามกับเขาน้ำเสียงราบเรียบ “ไม่ดื้อเลยค่ะ ปรีบอกอะไรก็เชื่อฟังทุกอย่าง” “ทีเมื่อก่อนไม่เป็นอย่างนี้นี่หน่า” “กลัวพี่ปรีเหนื่อยครับ” “ฮ่าๆ รู้จักเป็นห่วงคนอื่นซะด้วย น่ารักจัง” หญิงสาวเอ่ยชมคนตัวน้อยยิ้มๆและเผลอตัวก้มลงไปหอมแก้มหนุ่มน้อยหนึ่งฟอด คนถูกหอมหัวเราะชอบใจอยากจะให้หอมอีกสักข้างและหญิงสาวก็ยินดีทำตามความต้องการ ชายหนุ่มหันไปมองดวงหน้าหวานของอีกฝ่ายแล้วก็รู้สึกใจสั่น มันเป็นความรู้สึกที่เขาไม่เคยเกิดขึ้นกับผู้หญิงคนไหนแม้กระทั่งภรรยาผู้ล่วงลับ เธอมีเหงื่อชื้นที่กรอบหน้า ใบหน้าที่เคยขาวใสบัดนี้แดงระเรื่อเพราะโดนแสงแดดแผดเผา เขารู้สึกว่าเธอควรอยู่ในห้องแอร์เย็นๆมากกว่าการมาเดินตากแดดให้ผิวเสีย “เที่ยวชมครบหรือยังครับ” “ครบแล้วค่ะ ที่นี่บรรยากาศดีมากเลยนะคะต้องชื่นชมคุณชรัณนะคะที่สามารถพัฒนาให้พื้นดินผืนนี้ใช้ประโยชน์ได้ทุกตารางนิ้ว” “ขอบคุณครับ ทุกอย่างก็เป็นเพราะทุกคนร่วมใจกันทำงานอย่างเต็มที่ด้วยครับ” “นั่นแหละค่ะสุดยอดไปเลย” “ผมว่ากลับบ้านกันดีไหมครับแดดแรงแล้ว ผมก็ว่าจะกลับบ้านเหมือนกัน” “งั้นเราก็กลับกับตาชรัณเลยแล้วกันนะ เจ๊ว่าเจ๊เดินกลับไม่ไหวแล้ว” ประโยคหลังชวิศหันไปกระซิบกระซาบกับปรียาดาให้ได้ยินกันสองคน “งั้นก็กลับกันเลยดีกว่าครับ” “นายหัวจะกลับแล้วหรอคะ น้ำแตงโมปั่นที่สายใจเตรียมให้ดื่มยังไม่เสร็จเลยนะคะ” สายใจรีบร้อนเดินออกมาหาชรัณเพียงเพราะเขาทำท่าจะลุกเดินจากไป “เอาไว้วันหลังก็ได้ครับ วันนี้ผมต้องกลับแล้วไปกันเถอะครับทุกคน” “ไปๆ ร้อนจะแย่แล้ว” ชวิศรีบดันหลังน้องชายให้ออกห่างจากคนงานที่ดูจะสาวที่สุดในไร่แห่งนี้ ชวิศไม่พอใจเอามากๆเพราะดูก็รู้ว่าสายใจจ้องจับจับน้องชายของเขากินอยู่ตลอดเวลา ปรียาดาเองก็รับรู้ไม่ต่างจากชวิศ หล่อนไม่คิดว่าสายใจจะกล้าแต่งตัวน้อยชิ้นมาเย้ายวนผู้เป็นนายโดยไม่สนใจสายตารอบข้างบ้างเลย “แห้วอีกแล้วนะน้องสายใจ นายหัวเขาไม่สนก็มาสนใจพวกพี่เถอะนะจ๊ะ น้ำแตงโมเย็นๆน่ะเอามาให้พี่ดื่มก็ได้พี่ไม่รังเกียจ” คนงานเอ่ยแซวขำๆหลังจากที่สายใจถูกเมิน “เอาไปเทให้หมามันกินยังดีซะกว่า เชอะ” สายใจสะบัดหน้าหนีเดินเข้าครัวไปทันที หล่อนไม่พอใจการมาของปรียาดาเลยสักนิดเพราะแม่นั่นดึงดูดความสนใจของทุกคนในไร่ไปจากหล่อนหมด จากเดิมที่ไม่ว่าหล่อนจะทำอะไรก็มีหนุ่มๆให้ความสนใจแต่ตอนนี้ความสนใจนั้นอยู่ที่ปรียาดาและหนักถึงขั้นที่ทุกคนคิดไปว่าปรียาดานั้นกำลังจะกลายมาเป็นแม่เลี้ยงคนใหม่ของไร่ เธอจะไม่มีวันยอมให้เกิดขึ้นแน่นอน เธอจะต้องหาทางกำจัดแม่นั่นไปให้พ้นทางเดินของเธอ “ขอบคุณที่มาส่งนะคะ” “ผมต้องกลับบ้านอยู่แล้วครับ” ชายหนุ่มตอบกลับน้ำเสียงราบเรียบ เธอได้แต่มองบนตามไม่ทันอารมณ์ของคนตัวโตจริงๆ บทจะใจดีก็ใจดีมากบทจะเย็นชาก็ตีบทแตก เธอว่าเขาเจ้าบทบาทอยู่นะ “กำลังนินทาผมอยู่หรือเปล่าครับ” “ปะ เปล่านะคะใครจะกล้าทำแบบนั้นกัน” หญิงสาวรีบหลบสายตาก่อนจะโดนเขาจับได้ว่าเธอกำลังนินทาเขาจริงๆ “ชรัณ พี่จะกลับแล้วนะ” ชวิศบอกน้องชายน้ำเสียงอบอุ่น น้องอยู่ดีกินดีน่าพอใจ “ทำไมรีบกลับล่ะครับ เก็บกระเป๋าแล้วหรอครับ” ชายหนุ่มถามออกไปด้วยความสงสัย อยากให้อยู่ค้างที่นี่ด้วยกันอีก “เรียบร้อยพี่ใส่หลังรถแล้วล่ะ พรุ่งนี้พี่มีงานน่ะ คิวยาวเลยด้วย พี่มีปรีมาดูแลตาชลแล้วพี่ก็เบาใจแต่จะให้ดีดูแลน้องชายเจ๊ด้วยนะปรี” งานของเขามันเอาแน่เอานอนไม่ได้เลยแถมเดิมทีก็มีตารางยาวเหยียดอยู่แล้วกว่าจะปลีกตัวพาหญิงสาวมาที่ไร่ชนินทร์วรางค์ได้ก็เกือบแย่ “ค่ะเจ๊” “ผมดูแลตัวเองได้ครับไม่จำเป็นต้องให้ใครมาดูแล ผมไม่ใช่ตาชลนะ”     ชวิศส่ายหัวไปมาเบาๆกับความดื้อรั้นของน้องชาย เขาตั้งใจหมายถึงดูแลหัวใจต่างหากล่ะ “โอเคๆ พี่ไปก่อนนะ มีอะไรก็ไลน์มาได้ตลอดนะปรี” ชวิศบอกออกไปน้ำเสียงอบอุ่น เขาพร้อมจะช่วยซับพอร์ตหญิงสาวตลอดไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ยินดีช่วย “ค่ะ ไม่ต้องเป็นห่วงทางนี้นะคะ ปรีจะดูแลความเรียบร้อยของทางนี้เอง”

editor-pick
Dreame-Editor's pick

bc

สวาทรักใต้เพลิงแค้น

read
14.3K
bc

Relazione เจ้าหัวใจสายใยรัก

read
4.1K
bc

เล่ห์รักนายหัว

read
6.7K
bc

สะใภ้ขัดดอก

read
26.0K
bc

เมื่อฉันแอบรักซุปตาร์นายเอกซีรีส์วาย

read
13.6K
bc

ลุ้นรักสลับใจ

read
1K
bc

หวงรักเมียเด็ก

read
1K

Scan code to download app

download_iosApp Store
google icon
Google Play
Facebook