"เบญ คุณโภคินเขาอยากให้เบญไปหาหน่อย"
"เบญไม่สะดวกจริงๆค่ะพี่จักร" หญิงสาวปฏิเสธออกไปแทบจะทันที เธอไม่กล้าไปพบหน้าชายหนุ่มอีกแล้วล่ะ เธอไม่อยากให้เขามาสนใจผู้หญิงใจง่ายอย่างเธอ เขาควรจะมองหาผู้หญิงดีๆสักคนได้แล้ว
"เบญอย่าเลี่ยงคุณโภคินเลยนะ พี่อึดอัดแล้วก็สงสารเขามากที่มานั่งรอเบญทุกวัน เบญมีปัญหาอะไรเบญก็บอกเขาไปตรงๆเลยดีกว่านะ พี่อยากให้เบญนึกถึงใจของเขาบ้าง"
"ก็ได้ค่ะ เบญจะไปพบเขา พี่ให้เขารอก่อนนะคะ"
“ได้สิพี่จะไปบอกให้”
"ขอบคุณครับที่วันนี้มาหาผมได้" พอเห็นว่าเป็นใครกำลังเดินเข้ามาหาโภคินก็ยิ้มออก หลายวันแล้วที่เขาไม่ได้พบหน้าเธอเลยเข้าใจไปว่าเธอพยายามหลบหน้าเขาอยู่ตลอด
"คุณโภคินมีอะไรให้เบญรับใช้คะ"
"อย่าพูดอย่างนั้นสิครับ ผมไม่กล้าใช้เบญหรอก"
"งั้นมีอะไรละคะ"
"ผมแค่...คิดถึงน่ะครับ ผมมีเรื่องมากมายอยากจะเล่าให้เบญฟัง" ชายหนุ่มตอบกลับอีกฝ่ายน้ำเสียงอบอุ่น
"ผิดแล้วค่ะ คุณจะมาคิดถึงเบญไม่ได้แล้วอีกอย่างเบญก็ไม่ใช่ที่ระบายของคุณด้วย" เธอจำเป็นต้องพูดกับเขาแรงๆเพื่อที่จะทำให้เขาตัดใจจากเธอได้ง่ายขึ้นทั้งที่ในใจไม่อยากทำ
"ทำไมละครับ" เขาถามออกไปด้วยความไม่เข้าใจ เมื่อก่อนเขาก็ยังมานั่งปรับทุกข์กับเธอได้เลยนี่หน่า
"ตอนนี้เบญไม่ใช่คนตัวเปล่าแล้ว เบญกำลังท้องค่ะ คุณไม่ควรจะมีความหวังในตัวเบญอีกต่อไป"
"ทะ ท้อง!"
"ใช่ค่ะเบญกำลังจะเป็นแม่คนแล้ว เบญยินดีมากที่กำลังจะมีลูกกับคนที่เบญรัก" เมื่อเธอเห็นสีหน้าของชายหนุ่มเธอก็เจ็บปวดเหมือนกัน คำพูดของหญิงสาวทำให้ชายหนุ่มพูดอะไรไม่ออก สมองมันรู้สึกมึนงงไปหมด เขาทั้งตกใจทั้งเสียใจที่รู้ว่าเขาได้เสียเธอไปแล้ว เขาไม่รู้ว่าพ่อของเด็กเป็นใคร คนแบบไหนกันที่เธอรัก
"เราอย่ามาเจอกันอีกเลยนะคะ เชื่อเถอะค่ะว่าที่คุณโภคินสนใจเบญเป็นเพราะคุณน่ะสงสารเบญมากกว่าหรือไม่ก็เพราะคุณอยากจะหาที่ระบาย คุณเป็นคนดีคู่ควรกับผู้หญิงดีๆ คุณไม่ควรลดตัวลงมายุ่งเกี่ยวกับเบญหรอกนะคะ สักวันคุณก็จะเจอคนที่คุณรักและเหมาะสมกับคุณทุกอย่าง"
"ผมไม่ได้สงสารเบญครับ"
"คุณยังไม่รู้ตัวมากกว่าค่ะ"
"แค่คำว่าเพื่อนก็ให้กันไม่ได้เลยเหรอครับ" เขาตัดพ้อกับอีกฝ่ายเสียงน้ำเสียงแผ่วเบา ดวงตาหม่นแสงลงอย่างเห็นได้ชัด
"ถ้าแค่เพื่อน...เบญให้คุณได้เสมอค่ะ"
"จริงเหรอครับ ขอบคุณมากครับ แค่เพื่อนก็ยังดีครับอย่าถึงกับห้ามพบห้ามรู้จักกันอีกเลยนะครับ" แม้จะเสียใจไม่น้อยแต่ได้เป็นเพื่อนกันก็ยังดี
"ไม่มีธุระอะไรแล้วเบญขอตัวก่อนนะคะ"
"ก็ได้ครับ" หญิงสาวเดินเลี่ยงไปอีกทางหนึ่งส่วนเขาก็เดินก้มหน้าออกไปจากสถานที่อโคจรนี้ทันที ชายหนุ่มกลับบ้านมาด้วยหน้าตาบอกบุญไม่รับจนคนเป็นแม่คิดว่าจริงๆแล้วปัญหาที่บริษัทยังไม่เรียบร้อยหรือเปล่านะ
"เป็นอะไรไปลูก หรือว่าปัญหาที่บริษัทยังไม่จบอีกเหรอลูก" คนเป็นแม่ขยับเข้าไปหาลูกชายใกล้ๆ พอเห็นสายตาแห่งความเป็นห่วงเป็นใยจากคนเป็นแม่เขาก็ยิ้มออกมาได้เพราะไม่อยากให้ท่านเป็นกังวล
"เรื่องนั้นเรียบร้อยแล้วครับ เรื่องที่บริษัทผมจัดการได้อยู่แล้ว"
"งั้นเป็นอะไรไปล่ะลูก"
"ผมอกหักครับ"
"หึ อย่าบอกนะว่าคนที่ทำลูกชายของแม่ต้องอกหักหน้าเศร้าสร้อยแบบนี้คือแม่นักร้องคนนั้นน่ะ" มารดาของชายหนุ่มถามออกไปน้ำเสียงบ่งบอกถึงความไม่พอใจเป็นอย่างมาก ชายหนุ่มนิ่งเงียบไม่ตอบเพียงเท่านี้มารดาก็รู้ได้ทันทีว่าพูดได้ตรงจุด
“ผมโดนปฏิเสธนิ่งๆเลยครับแม่”
"ดีแล้วล่ะลูก แม่ว่าลูกเลิกยุ่งกับเธอเถอะนะ ยังมีคนดีๆที่เขาพร้อมจะเปิดรับลูกชายของแม่เข้าไปในหัวใจอีกเยอะเลยนะลูก" มารดาของชายหนุ่มทั้งดีใจทั้งสงสารลูกชายในเวลาเดียวกัน คนที่ไม่ใช่คู่กันฝืนยังไงก็คงไม่ใช่หรอก
"ครับ วันนี้ผมขอตัวไปพักก่อนดีกว่าครับ" เห็นอาการของลูกชายแล้วเธอคิดว่าไม่ได้การแล้วเธอต้องรีบหาโอกาสให้ลูกชายได้ใกล้ชิดกับหนูฟองดูว์มากขึ้นแล้ว เธอเชื่อว่าคนที่สดใสร่าเริงอย่างฟองดูว์จะสามารถทำให้คนรอบกายของหญิงสาวมีความสุขตามไปด้วย
อีกด้านหญิงสาวกำลังสงสัยว่าทำไมวันนี้คนเป็นแม่ถึงตัดสินใจให้เธอไปออกงานทั้งๆที่ไม่มีใครไปกับเธอได้ เธอต้องไปร่วมงานคนเดียวแบบนี้เธอก็จะอยู่ในงานคนเดียวเหงาๆน่ะสิ
"คุณแม่ขาทำไมวันนี้ให้ฟองดูว์ไปออกงานแทนละคะ พี่ฟอสก็ไม่ว่างแล้วอย่างนี้ฟองดูว์จะควงใครไปงานละคะ ถ้าให้ไปคนเดียวฟองดูว์เหงาตายแน่เลย ไม่ไปไม่ได้หรอคะ นะคะๆ" หญิงสาวถามออกไปด้วยความกังวล เธอไม่ชอบงานสังคมแถมงานนี้ดูท่าแล้วยังต้องไปคนเดียว
"ตาโภคินไงลูก โภคินเขาจะไปร่วมงานกับลูกในวันนี้"
"จะ จริงเหรอคะ" หญิงสาวถามกลับตาโต ถ้าได้ออกงานกับเขาต้องมีสาวๆอิจฉาเธอแน่นอนแค่คิดก็ทำให้เธอยิ้มได้แล้ว
"จริงสิจ๊ะ รีบแต่งหน้าแต่งตัวให้สวยที่สุดเลยนะลูก แม่น่ะอยากให้ตาโภคินเขาประทับใจในตัวลูก"
"ค่ะคุณแม่ ฟองดูว์จะไม่ทำให้คุณแม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ" หญิงสาวเมื่อรู้ว่าจะได้ออกงานคู่กับโภคินก็รู้สึกว่าตัวเองโชคดีกว่าสาวๆคนอื่นเยอะเลย เพราะเธอรู้ว่ามีลูกสาวบ้านอื่นจ้องจะจับเขาแถวยาวเลย เธอจะไม่ยอมให้เป็นแบบนั้นแน่