มิลาน, อิตาลี
กวินท์ ชนาธิปและเตชิต เดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิบินตรงไปยังกรุงโรมด้วยสายการบินไซน่า แอร์ไลน์ส เมื่อถึงสนามบินที่กรุงโรม หลังจากนั้นพวกเขาทั้งสามก็เดินทางจากโรมไปที่มิลานทันทีด้วยรถไฟสะดวกที่สุด ใช้เวลาประมาณสามชั่วโมงครึ่งก่อนจะต่อรถไปยังโรงแรมชื่อดังในกลางเมืองมิลาน
ชนาธิปลงจากรถแท็กซี่เป็นคนแรก ตามมาด้วยกวินท์แล้วเตชิต ชายหนุ่มจ่ายเงินค่าแท็กซี่ ก่อนหันมามองตึกสูงตระหง่านตรงหน้า หลังจากนั้นเขาก็หันไปมองสองเพื่อนรักที่หันมามองเขาเช่นกัน ก่อนจะพยักหน้าแล้วก็เดินเข้าไปภายในโรงแรมทีละคน
“แล้วนี่ไอ้โรมมันอยู่ที่ไหนวะ”
“ฉันว่าแกอยู่เฉยๆ บ้างได้ไหมวะไอ้ใหญ่ เดี๋ยวไอ้โรมมันก็ลงมาเองแหละ ตอนนี้พวกเราก็มาถึงมิลานแล้ว ฉันว่าแกใจเย็นก่อนดีกว่า”
กวินท์เอ่ยขึ้นเมื่อเห็นท่าทางร้อนรนของเพื่อนรัก ชายหนุ่มไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าทำไมชนาธิปต้องดูกระวนกระวายถึงขนาดนี้ ตอนนี้พวกเขาก็มาอยู่ที่มิลานแล้ว อีกไม่นานเพื่อนของเขาก็จะได้พบกับอติกานต์แล้ว ไม่เห็นจะร้องโวยวายหงุดหงิดให้อารมณ์เสียเลย
“ขอโทษที่ลงมารับช้าว่ะ” สามหนุ่มหันไปมองเจ้าของเสียงด้วยความตกใจ อึ้งไปนิดหนึ่ง ก่อนเปิดยิ้มกว้างเมื่อเห็นชายหนุ่มร่างสูงใหญ่กำลังเดินตรงมาหาพวกเขาด้วยรอยยิ้มเก๋“คิดยังไงมามิลานกันวะ”
“แล้วแกล่ะมาทำไมที่มิลาน” ชนาธิปเอ่ยถามเตชินท์อย่างหัวเสีย ชายหนุ่มหันมามองกวินท์และเตชิตจากนั้นเขาก็เดินตามเตชินท์เข้าไปในลิฟต์ ตามด้วยเตชิตกับกวินท์ “ว่าไงไอ้โรม แกมามิลานทำไม”
“ฉันมาทำธุระ มีอะไรหรือวะไอ้ใหญ่” เตชินท์ถามชนาธิปอย่างขบขัน ดูท่าเพื่อนรักคนนี้ของเขากำลังคิดไม่ดีอยู่กับเขาแน่ๆ หรืออาจเป็นเพราะเขาอยู่กับรมิดา พลอยไพลิน มนัญชยา แล้วก็อติกานต์หรือเปล่า ชนาธิปเลยสงสัยการมามิลานของเขา ถ้าเขาไม่รับเสียอย่างใครจะทำไม อีกอย่างก็ไม่มีใครรู้ด้วยว่าเขามามิลานเพราะสาวน้อยที่เขาแอบหลงรักอยู่
ชนาธิปหันหน้ามามองเตชินท์อย่างไม่ค่อยจะสบอารมณ์ซักเท่าไรนัก เขารู้ดีว่าเพื่อนรักคนนี้ต้องมีอะไรแอบแฝงสักอย่าง เพียงแต่เขาไม่รู้เท่านั้นว่ามันคืออะไร และไม่ว่าอะไรเขาก็ต้องรู้ให้ได้ ถึงตอนนี้เขาจะไม่รู้ก็เถอะ แต่ไม่นานนี่แหละที่เขาต้องรู้ให้ได้
“แล้วนี่พวกสาวๆ ไปไหนกันหมดวะไอ้โรม” กวินท์เอ่ยถามเมื่อประตูลิฟต์เปิดออก ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ก็เริ่มออกกันมาทีละคน จนคนสุดท้ายเดินออกมาจากลิฟต์แล้วเอ่ยขึ้นว่า “น่าจะออกไปเที่ยวกันนั่นแหละ ฉันไม่ได้มาเที่ยวกับพวกเขานี่หว่า ถึงจะได้ไปไหนมาไหนด้วยกันกับพวกเขา อีกอย่างยัยน้ำเขาก็ไม่ชอบให้ผู้ชายไปเดินเที่ยวกับกลุ่มของเขาด้วยสิ” แม้ว่าเขาจะพูดเกินจริงไปเสียหน่อย แต่มันก็มีส่วนอยู่นิดหนึ่งล่ะ นั่นก็คือรมิดาไม่ชอบให้เขาไปเดินเที่ยวด้วย เพราะหญิงสาวรู้ดีว่าเขาติดธุระต้องรอคุยกับเพื่อนที่อยู่มิลาน แต่ลึกลงไปกว่านั้นที่เธอไม่รู้ก็คือเขาโกหกเรื่องที่มาหาเพื่อนที่มิลาน
“แล้วแกรู้หรือเปล่าว่าสี่คนนั่นไปเที่ยวที่ไหนกัน”
“ไม่รู้” เตชินท์ตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ชายหนุ่มไม่สนใจสีหน้าหงุดหงิดของชนาธิป เพราะตอนนี้เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าสี่สาวหายไปเที่ยวที่ไหนกัน เขาตื่นอีกทีก็ไม่เจอพวกเธอทั้งสี่ ดังนั้นจะให้เขาตอบว่าพวกเธออยู่ไหนเขาก็คงตอบไม่ได้หรอก
“อะไรกันวะ พักอยู่โรงแรมเดียวกันทั้งที แกไม่รู้เหรอว่าพวกสี่สาวนั่นไปไหน”
“ฉันมาทำธุระนะไอ้เอก ไม่ได้มาเที่ยวกับสี่คนนั่น ให้ตายสิ ไม่ใช่ว่าฉันไม่อยากไปเที่ยวกับพวกเขา แต่สี่คนนั่นไม่ยอมให้ฉันไปต่างหาก”
“มันจะอะไรนักหนาวะ” ชนาธิปสบถอย่างหัวเสีย แทนที่เขาจะได้เจอกับน้องสาวทันทีที่มาถึงมิลาน กลับกลายเป็นว่าเขาได้เจอแต่เตชินท์ ส่วนอีกสี่สาวดันออกไปเที่ยว ที่สำคัญไปเที่ยวที่ไหนเขาก็ไม่รู้เสียด้วย เขาเดินตามเพื่อนรักไปยังห้องพักด้วยความหงุดหงิด แล้วนี่เขาจะเจออติกานต์ตอนไหนกัน
“ฉันอยากอาบน้ำเหลือเกิน รู้สึกเหนียวตัวยังไงไม่รู้”
“อย่าว่าแต่แกเลยฉันก็อยากอาบน้ำเหมือนกันแหละไอ้โฬม” กวินท์เอ่ยขึ้น เขาเริ่มรู้สึกว่าตัวเองค่อนข้างจะเหนื่อยล้า เหนียวตัว อึดอัด อยากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าจะแย่อยู่แล้ว
“จะบ่นอะไรกันนักหนาวะพวกแก ฉันนะเดินตามยัยน้ำ ยัยหวาน ยัยลิน แล้วก็ยัยเล็กมาทั้งวัน เจอปัญหาหนักกว่าพวกแกตั้งเยอะฉันยังไม่บ่นเลย ฉันว่าพวกแกเลิกบ่นแล้วก็เดินไปยังห้องพักของตัวเองได้แล้ว ฉันจองห้องเอาไว้ให้พวกแกคนล่ะห้อง” เตชินท์ตัดบทก่อนจะยื่นคีย์การ์ดส่งให้ชนาธิป กวินท์ แล้วก็แฝดผู้น้อง
ทั้งสามรับคีย์การ์ดมาจากมือของเตชินท์ก่อนจะก้มลงมองหมายเลขห้อง ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาพักอยู่ชั้นเดียวกันหมด ที่สำคัญห้องติดๆ กันด้วย
“ฉันลืมบอกพวกแกไป ห้องยัยน้ำ ยัยเล็ก อยู่ตรงข้ามกับห้องของแกวะไอ้ใหญ่ ห้องยัยหวาน ยัยลิน อยู่ตรงข้ามห้องของพวกแกสองคน พวกแกอย่าได้แอบเข้าห้องของสาวๆ เด็ดขาด จำเอาไว้ ทำตัวเป็นพี่ที่ดีนะโว้ย”
เขายังจำเรื่องเมื่อห้าปีก่อนได้ ตอนที่พวกเขาไปเที่ยวกันที่ญี่ปุ่น ไอ้พวกเพื่อนบ้าของเขาสองคนรวมทั้งน้องชายฝาแฝดของเขาด้วย แอบเข้าไปในห้องของน้องสาวทั้งสามของพวกเขา ที่ร้ายไปกว่านั้นหนึ่งในสามคนนี้เกือบสิ้นชีพเพราะความตกใจของสาวๆ และไม่ต้องบอกนะว่าผู้ชายคนนั้นคือใคร ก็คู่ที่กลายมาเป็นอริกันตั้งแต่เรื่องในครั้งนั้นจนถึงปัจจุบันนี่แหละ
ชนาธิปหันมามองเตชินท์อย่างไม่พอใจ เพราะเขารู้ดีว่าเพื่อนรักพูดพาดพิงถึงเขาอย่างแน่นอน หลายปีก่อนเขานี่แหละที่มีเรื่องกับรมิดา ก็ตอนนั้นเขาไม่ได้คิดอะไรนี่นา แค่อยากแกล้งพวกสาวๆ นิดหน่อยก็เท่านั้น แต่เขาไม่คิดว่าคนอยู่ในห้องจะมีเพียงรมิดาคนเดียว ที่สำคัญยัยเด็กบ้านั่นเพิ่งอาบน้ำเสร็จ แล้วก็เดินออกมาจากห้องน้ำ ขณะที่เขาดันแอบอยู่ในห้อง พร้อมทั้งปิดไฟเอาไว้แล้วทำเป็นผีมาหลอก ทันทีที่เขากระโดดใส่ร่างระหงที่ยืนอยู่ตรงหน้าตู้เสื้อผ้า เสียงกรี๊ดก็ดังขึ้นพร้อมกับผ้าเช็ดตัวผืนใหญ่ที่พันอยู่บนร่างระหงก็ร่วงลงมากองอยู่กับพื้น ด้วยความที่เขาตกใจก็เลยกระโดดเข้าไปกอดรมิดาที่ยืนร้องกรี๊ดด้วยความตกใจ จนไม่ทันสังเกตว่าบนร่างกายของเธอไม่ได้มีผ้าเช็ดตัวพันเอาไว้เหมือนกัน ที่ร้ายไปกว่านั้นก็คือรมิดาไม่ยอมหยุดร้องกรี๊ดแล้วก็โวยวาย เขาก็เลยตัดสินใจปิดเสียงร้องด้วยปากของเขา จากนั้นเป็นต้นมาเรื่องระหว่างเขากับรมิดาก็กลายมาเป็นศัตรูกันไปโดยปริยาย เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมยัยเด็กบ้านั่น ถึงต้องโมโหเขา แค่โดนเขาจูบ...เด็กบ้านั่นก็ตบเขาซะหน้าชา หลังจากนั้นเขาก็โดนแกล้งสารพัดจนเขาแทบสติแตกอยู่บ่อยๆ
“เอาล่ะ พวกนายไปพักก่อนจะดีกว่า ตอนเย็นก็ค่อยมาเจอกัน” เตชินท์พูดขึ้นก่อนใช้คีย์การ์ดเปิดประตูห้องพักของตัวเอง ตอนนี้เขาก็อยากพักผ่อนเหมือนกัน อีกสองวัน เขากับสี่สาวก็จะกลับเมืองไทยแล้ว เขามองอีกสามหนุ่มที่เดินไปยังห้องพักของตัวเองด้วยความขบขัน หากไม่เพราะเขารู้เรื่องมาจากรมิดามาบ้างเขาก็คงคิดว่าชนาธิปมาเที่ยวพักผ่อน แต่พอฟังเรื่องที่หญิงสาวเล่าเขาก็เลยรู้ว่าการที่เพื่อนคนนี้บินมามิลานก็เพราะมาคอยขัดขวางรมิดากับอติกานต์นั่นเอง
////////
...โปรดติดตามตอนต่อไป...