เพราะบิดามารดาของหล่อนเชื่อใจว่าบุรินทร์เป็นสุภาพบุรุษและเธอมีฐานะเป็นคู่หมั้นของน้องเขา เลยไว้ใจ ศรุตากลั้นใจลุกขึ้นแล้วเดินกลับห้อง พยายามข่มความมึน แม้แทบจะเดินเป๋แต่เธอพยายามประคองตัวเพื่อไม่ให้เขาต้องมาวุ่นวาย
น่าอัศจรรย์ที่ความพยายามบังคับตัวเองของเธอสำเร็จ หญิงสาวเดินไปถึงหน้าห้องพักโดยที่คนตัวสูงทำได้เพียงเดินตามมาห่างๆ เขากอดอกยืนมองตอนเธอพยายามไขกุญแจเข้าห้อง
เสียบยังไงก็ไม่เข้า เธอว่าเธอเล็งดีแล้วนะ!
“เอามานี่” เขาคว้ากุญแจจากมือของเธอแล้วไขให้เอาบุญ ไม่แปลกใจเมื่อประตูเปิดแล้วเธอไม่ขอบคุณเขาสักคำ นั่นเป็นการพยายามดื้อในแบบของเธอที่เธอต้องตั้งใจทำที่สุดแล้วกระมัง เขายิ้มมุมปากเมื่อเธอมีสายตาระแวง แต่เขาก็ไม่ได้เดินตามเข้าไป
“ผมไม่ได้คิดจะทำอะไรคุณอีกหรอก เราคุยกันรู้เรื่องได้ข้อตกลงแล้วนี่”
“...” หญิงสาวไม่กล้าพูดว่าจะไม่ทำตามข้อตกลงของเขา
เขาทันเห็นว่าเธอหลบตาเขาวูบหนึ่ง
“พูดเรื่องนี้กับแม่ผมหรือยัง”
“ยังค่ะ ไม่มีเวลา”
“ให้เวลาพรุ่งนี้อีกหนึ่งวัน ไปวันเดย์ทริปผมจะไม่ไปด้วย คุณเจรจากับแม่ผมให้เรียบร้อย เพราะไม่อย่างนั้น”
สายตาคมกริบของเขาทอดมองเธอหัวจรดเท้า จนเธอเอื้อมมือไปคว้าประตูจะปิดหนี
เขาไม่ได้ขัดขวางการหนีของเธอ แต่ฝากคำพูดขู่เข็ญเอาไว้หนึ่งประโยคที่ทำเอาหนาวไปทั้งไขสันหลัง
“บอกแม่ผมให้ตัดสินใจเด็ดขาดภายในพรุ่งนี้ ไม่อย่างนั้นคุณจะได้แต่งกับผมแน่ทราย”
หญิงสาวปิดประตู ได้ยินเสียงเขาเดินไป เธอค้นพบแล้วว่ามีทางออกทางเดียวคือต้องทำตามอย่างที่เขาบอกเท่านั้น เธอถึงจะรอด ดูสายตาแล้วก็รู้ เขาไม่ปล่อยเธอไปแน่...
เวรกรรมอะไรของเธอกันต้องรับใบสั่งเรื่องแต่งงานจากครอบครัวแบบปฏิเสธไม่ได้ แล้วยังต้องมารับใบสั่งจากบุรินทร์เข้ามาอีกแล้วที่น่ากลัวคือแค่คิดว่าจะปฏิเสธคำสั่งเขาเธอก็สัมผัสได้ถึงอันตรายจนขนหัวลุกแล้ว!
“อย่าได้คิดจะบอกว่าไม่แต่งงานเชียวยายทราย โดนเรียกเงินอานแน่ รู้ไหมว่าน้าบริพัฒน์กับน้าวีณาไม่เคยทวงเงินที่ส่งให้ช่วยเหลือบ้านเราเลยสักบาท เขาขอแค่ให้ลูกแต่งงานกับลูกของน้าวีณาแล้วท่านจะดูแลลูกอย่างดี แต่ถ้าเกิดว่าเรายกเลิกขึ้นมาทางเค้าขอเงินคืน เรานี่ยิ่งกว่าคำว่าหมดตัวนะลูก”
มารดาบอกอีกครั้งหลังจากที่ตอนเช้าเธอไปจูงแขนท่านมาปรึกษา ท่านยังยืนยันคำเดิม
“เราะเคยตกลงกันแล้วใช่ไหมว่าระหว่างแต่งงาน กับครอบครัวล้มละลาย ทรายจะยอมแต่งงาน” ไม่ใช่ว่าสรีเห็นแก่เงินโดยไม่สนความสุขของลูก เพราะตอนนั้นนางก็ปรึกษากันภายในบ้านแล้วว่าจะเอาอย่างไรดี
ตอนนั้นศรุตายืนยันเป็นมั่นเหมาะว่าจะยอมแต่งงานโดยไม่มีข้อแม้ ตอนนี้เรื่องหมั้นเรื่องแต่งงานเลยดูจริงจังขึ้น วีณาป่าวประกาศกับผู้คน โอนที่ให้ศรุตาเป็นสินสอด เตรียมของหมั้น และเตรียมถานที่เรียบร้อยแล้ว ลูกจะเปลี่ยนใจนางเลยคัดค้าน
ศรุตาได้แต่โอดครวญในใจ ตอนนั้นเธอเองยังไม่เคยรู้จักลูกชายน้าวีณาอย่างจริงจัง รู้จักแต่ชื่อว่าเป็นดารา เธอไม่ได้ดูละคร ไม่ได้ดูโทรทัศน์ แต่เคยเห็นคนแชร์รูปเขามาบ้างก็เลยตกปากรับคำไม่คิดว่าจะมีอุปสรรคอย่างที่เป็นตอนนี้
“ยายทรายเมาค้างเหรอ หน้าตาดูไม่ดีเลย” วีณาเดินเข้ามาถามในตอนที่เรือนำเที่ยววันเดย์ทริปจากรีสอร์ทไปแวะจอดที่อ่าวแห่งหนึ่งแล้วพวกเธอได้มีโอกาสนั่งชมธรรมชาติอันงดงามของหมู่เกาะที่ไม่ห่างจากแผ่นดินใหญ่มากนัก
เพราะหน้าตาครุ่นเครียดของเธอทำให้วีณาเดินเข้ามาถาม
“ทรายโอเคค่ะ แค่ร้อนนิดหน่อยเท่านั้นเอง...”
ในใจนั้นบอกตัวเองให้พูดเรื่องที่ต้องการพูด หากแต่เธอก็ไม่กล้าเอ่ยปากได้เต็มที่ บุรินทร์บอกว่ามารดาเขาเอ็นดูเธอมากเธอพูดอะไรท่านต้องรับฟัง
“น้าวีณาคะ”
“จ้ะ มีอะไรหรือ”
“ทำไมถึงเลือกทรายเป็นสะใภ้หรือคะ”
“ก็รู้จักหนูมาแต่อ้อนแต่ออก รู้ดีว่าคนที่ดีพร้อมและก็เป็นแม่บ้านแม่เรือนจะเอาลูกชายน้าอยู่น่ะสิ น้าคาดหวังกับการแต่งงานครั้งนี้มากเลย น้าดูแล้วทรายกับตาไวท์น่าจะเข้ากันได้ดี ที่สำคัญน้าจะคอยซัพพอร์ทนะ”
หญิงสาวได้แต่ยิ้มแหยๆ ต่อจากประโยคนี้เธอจะกล้าบอกท่านได้อย่างไรกันเล่า
“สองคนนั้นมาเข้ากล้องเร็วเข้า จะถ่ายรูปหมู่แล้วนะ” เสียงสรีที่เรียกมาแต่ไกลทำให้ทั้งสองเดินไปหา ตอนแรก บริพัฒน์ในฐานะเจ้าบ้านและเป็นอดีตตากล้องมืออาชีพถ่ายรูปคู่ให้ชัชชัยกับสรีอยู่ พอจะถ่ายรูปรวมเลยเรียกคนที่ออกไปคุยกันสองคนให้เข้ามาถ่ายรูปด้วยกัน
ศรุตาเลยหมดโอกาสที่จะได้พูด...
ตอนที่นั่งเรือกลับรีสอร์ต หญิงสาวแทบจะนั่งไม่ติด ในหัวคิดหาทางออก จนตอนที่วีณาบอกเธอไปนั่งอยู่จุดหนึ่งของเรือแล้วโพสท์ท่าถ่ายรูปสวยๆ แล้วก็ถ่ายภาพบอกว่าจะส่งให้ วฤทธิ์ดูเพราะเขาอยู่ไกลไม่ได้มาด้วย แต่ท่านจะไม่ทำให้เขาไม่พลาดโอกาส
หนีไปแล้วบอกว่ามีงานด่วนเหมือนที่วฤทธิ์ทำได้ไหมนะ ศรุตาคิดในใจ กลัวว่ากลับไปถึงแล้วจะมีคนรอเอาคำตอบจากเธอแล้วเธอยังไม่มีคำตอบให้เขาแล้ว เขาจะทำตามที่ขู่ไว้
ทำไมเขาต้องเข้ามาวุ่นวายกับเธอถึงเนื้อถึงตัวขนาดนี้ เขารู้ดีว่าเธอไม่ได้ยินยอม เขาไม่จำเป็นต้องบังคับขู่เข็ญ เชื่อว่าคนระดับเขาย่อมต้องหาคนยินยอมพร้อมพลีกายให้ไม่ยากเย็น
หรือเขารู้ว่าการขู่แบบนั้นมันน่ากลัวที่สุดสำหรับคนที่ไม่ประสีประสาอย่างเธอ เวรกรรมอะไรของศรุตาที่ต้องมาเผชิญเหตุการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกขนาดนี้นะ
หญิงสาวตัดพ้อแม้ต้องพยายามทำสีหน้าสบายอกสบายใจต่อหน้าผู้ใหญ่ตลอดทั้งวัน