"กับไอ้เสือที่พ่อยอมให้มันกับน้ำอบได้ตกลงปลงใจกันมันก็เพราะว่าไอ้เสือมันมีปัญญาที่จะเลี้ยงดูลูกสาวเขาได้ยังไงละบังอร แต่ไอ้เด็กคนนั้นมันไม่มีแม้กระทั่งปัญญาจะเลี้ยงลูกให้สุขสบายด้วยซ้ำบังอร พ่อรับไม่ได้ พ่อรับไม่ได้จริงๆ ลูกบังอร..."
บังอรเลือกที่จะเมินเฉยต่อคำทัดทานของพ่อบังเกิดเกล้าของตัวเอง ก่อนจะหมุนตัวกลับหลังเพื่อเดินกลับขึ้นไปพักผ่อนในห้องนอน
"บังอร! กลับมาคุยกับพ่อก่อนจะได้ไหม" ชยพัทธ์ก้มลงมองสองมือด้วยความรู้สึกที่อยากจะตัดมือคู่นี้ของตัวเองทิ้ง ตั้งแต่ลูกคลอดออกมาไม่เคยมีสักครั้งที่เขาจะกระทำการรุนแรงให้ลูกสาวต้องเจ็บปวด แต่ในวันนี้เขากลับควบคุมสติอารมณ์ของตัวเองไม่ได้จนถึงขั้นทำให้ลูกสาวร้องออกมาว่าเธอเจ็บ...
"พ่อมันแย่เองอย่างที่บังอรว่านั่นแหละ พ่อมันไม่ได้เรื่องเอง"
"นายครับ" เต็งหนึ่งยื่นผ้าเช็ดหน้าให้ผู้เป็นนายอย่างเข้าใจในหัวอกคนเป็นพ่อ
"วันนี้นายจะเข้าไปในบ่อนคุณหญิงไหมครับ ไอ้เมฆามันส่งข่าวมาบอกว่ามีคนของอีกบ่อนนึงเข้ามาก่อกวนอีกแล้วครับ"
"ไป" ดวงตาแดงก่ำนั้นเหลือบมองขึ้นชั้นบนของบ้านอย่างหวาดระแวงไปหมดว่าลูกสาวจะใช้ช่วงเวลานี้เพื่อหนีกลับไปหาพิภู แต่เรื่องที่เต็งหนึ่งพึ่งจะรายงานมาก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาจะนิ่งนอนใจได้เช่นเดียวกัน
บังอรที่ได้ยินทุกอย่างมาตั้งแต่ต้นก็เผยยิ้มออกมาอย่างรู้สึกสบายใจที่ในที่สุดวันนี้เธอกาสได้กลับไปขายเสื้อผ้าอยู่ที่ร้านของแฟนหนุ่มอีกครั้ง
รอจนแน่ใจว่ารถของผู้เป็นพ่ออกไปไกลแล้วบังอรจึงเรียกหาคนขับรถประจำตัวของตัวเองและเอ่ยปากสั่งบอดีการ์ดนับสามสิบชีวิตว่าให้ปกปิดเรื่องที่เธอกำลังจะออกจากบ้านไปในวันนี้เป็นความลับ
"ครับคุณหนูบังอร" และแน่นอนว่าข้ารับใช้นับสามสิบชีวิตก็ไม่มีใครคนไหนกล้าพอที่จะทัดทานลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของผู้เป็นนายเลยแม้แต่คนเดียว
"ดีมาก" บังอรดีดนิ้วเข้าหากันดังเป๊าะอย่างอารมณ์ดีก่อนจะกระโดดโหยงเหยงไปยังรถที่จอดรออยู่ด้วยความภิรมย์ใจ
ตลาดหงษ์สาศิโรคุณ
ร้านขายเสื้อผ้าพิภู
"คุณท่าน สวัสดีครับ" พิภูที่กำลังจัดร้านเพื่อรอรับลูกค้าในวันนี้ของตนยกมือขึ้นไหว้ชายหนุ่มรุ่นพ่ออย่างเคารพนับถือ แม้ลึกๆ แล้วจะรู้สึกเสียดายอยู่ไม่น้อยที่ในวันนี้ไม่ใช่บังอรที่มาเก็บค่าเช่าแผงเช่นทุกครั้ง แต่พิภูก็ยังสามารถที่จะปกปิดความผิดหวังของตัวเองเอาไว้ได้เป็นอย่างดี
"เลิกยุ่งกับลูกสาวฉันสักที แกก็น่าจะรู้ตัวเองดีว่าแกไม่มีปัญญาที่จะเลี้ยงดูลูกสาวของฉันได้ เพราะสำหรับฉันแล้วคำว่ากัดก้อนเกลือกินไปด้วยกันมันใช้ไม่ได้อีกแล้วในยุคสมัยนี้ ที่ฉันมาเตือนก็เพราะว่าฉันหวังดีกับแก แต่ถ้าหากพูดดีๆ แล้วแกไม่ฟัง ฉันก็จะไม่เก็บแกเอาไว้เหมือนกัน"
ดวงตาคมนั้นดุกร้าวขึ้นจนเด็กหนุ่มรุ่นลูกถึงกับใจสั่นไหวอย่างหวาดผวาชายที่ได้ชื่อว่าเป็นมาเฟียที่ยืนอยู่ตรงหน้าตนในขณะนี้
"แต่...ผมรักบังอรจริงๆ นะครับท่าน"
"คำว่ารักของแกมันกินเข้าไปไม่ได้ไอ้หนู นี่มันชีวิตจริงไม่ใช่ในหนังในละคร ทุกชีวิตมันก็ต้องดำเนินต่อไปด้วยเงินกันทั้งนั้น ไม่เชื่อก็ลองแกไปใช้ความรักที่มีต่อลูกสาวฉันไปซื้อข้าวใครกินดูสิ ใครเขาจะบ้ายกข้าวมาเสิร์ฟให้แกกิน"
"แต่ท่านครับ ท่านได้โปรดเมตตา ผมจะพิสูจน์ตัวเองให้ท่านได้เห็น...
"แต่ฉันไม่มีเวลามากพอที่จะมารอดูการพิสูจน์ตัวเองที่ไม่รู้ว่าอีกกี่ชาติฉันถึงจะมีโอกาสได้เห็นของแก ลูกสาวของฉันควรที่จะได้พบเจอกับคนที่พร้อมจะซับพอร์ตเธอในทุกๆ ทาง และแกก็คงจะรู้ตัวใช่ไหมว่าคนๆ นั้นมันไม่มีทางที่จะเป็นพ่อค้าขายเสื้อผ้ามือสองอย่างแก"
น่าเสียดายที่เขาถอดเขี้ยวถอดเล็บของตัวเองออกไปจนหมดตั้งแต่วันที่เขาได้รู้ว่าตัวเองกำลังจะมีลูกสาว ไม่อย่างนั้นแล้วก็คงไม่พ้นที่ไอ้เด็กหนุ่มตรงหน้ามันโดนเขาเจาะหัวกะโหลกเป็นแน่แท้
"ท่านครับ ผม...
"วันนี้แกนัดบังอรมาเจอรึเปล่า" ชยพัทธ์จงใจเมินในสิ่งที่พิภูกำลังจะพูดก่อนจะเอ่ยแทรกขึ้นมา
"เอาดีๆ นะไอ้หนู นัดรึไม่นัด"
"เปล่าครับท่าน เราไม่ได้นัดกัน" ทุกๆ ครั้งที่เจอกันนั้นก็เพราะเธอเดินทางมาเก็บค่าเช่าแผงก็เท่านั้น แต่พิภูยังไม่มีความกล้ามากพอที่จะนัดเจอกับบังอรแบบตรงๆ
"เรารึ?" ชยพัทธ์แค่นเสียงหัวเราะอย่างรับไม่ได้กับสิ่งที่ตนพึ่งจะได้ยิน
"แกใช้คำว่าเรากับลูกสาวของฉันได้เต็มปากเต็มคำเลยนะไอ้หนู ถามจริงเถอะนะ แกก็มีทรัพย์สมบัติอยู่แค่หยิบมือแค่เนี้ยะ แกไม่คิดบ้างหรือไงว่าใครจะมองว่าแกกำลังเป็นไอ้แมงดาตัวผู้หาเกาะผู้หญิงกิน แกไม่กระดากตัวเองบ้างเลยเหรอถามจริง? แต่จะบอกให้ก็ได้ว่าถึงแกจะบอกว่าไม่อายแต่ฉันโคตรที่จะอายแทนแกเลยว่ะไอ้หนู"
"อย่าใจร้ายกับผมนักเลย ถึงผมจะจนแต่ผมก็ไม่เคยมีความคิดที่จะทำแบบที่ท่านกำลังกล่าวหาผมเลยสักนิด" น้ำตาของชายใจซื่อเริ่มรินไหลออกมาเพราะความน้อยใจที่อีกฝ่ายกำลังพยายามที่จะกดขี่ให้เขารู้สึกด้อยค่าของตัวเองอยู่
"ถ้าแกไม่ได้เป็นแบบที่ฉันกล่าวหาออกมาจริงก็เลิกยุ่งกับเธอสิ แค่แกเลิกยุ่งกับเธอทุกอย่างก็จบ แต่ถ้าแกยังไม่เลิก ฉันก็จะขอจบเรื่องนี้ด้วยวิธีต่ำๆ ของฉันเอง ถึงเวลานั้นแล้วแกก็อย่ามางอแงว่าฉันรังแกคนจนอย่างแกก็แล้วกัน"
พูดเพียงแค่นั้นร่างใหญ่ก็หมุนตัวกลับพร้อมด้วยเต็งหนึ่งที่วิ่งตามหลังผู้เป็นนายไปติดๆ โดยไม่แม้จะหันมาให้ความสนใจกับคนที่กำลังยืนร้องไห้ด้วยความเสียใจเลยแม้แต่น้อย...
ความพ่ออะเนอะ🥹