บทที่1) พ่อค้าพิภู
อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช
ตลาดนัดหงษ์สาศิโรคุณ
"ภู ช่วยพ่อจัดราวเสื้อตรงนี้หน่อยลูก" พัชรพลเอ่ยเรียกบุตรชายคนโตเสียงนุ่ม ขณะที่สองมือและสองตาก็กำลังจัดเสื้อผ้ามือสองตรงหน้าให้ไล่ไปตามเฉดสี
"ครับคุณพ่อ"
'พีรพัฒน์ อหิงสาณิคุณ หรือ พิภู' เด็กหนุ่มวัยยี่สิบแปดปีขานรับผู้เป็นพ่อด้วยน้ำเสียงสดใส ก่อนจะรีบก้าวขาแกร่งมาช่วยผู้เป็นพ่อทำงานอย่างไม่มีท่าทีว่าจะอิดออด
และท่าทางขยันขันแข็งนั้นก็ทำให้ผู้เป็นพ่ออย่างพัชรพลนั้นหัวใจพองโตด้วยความภูมิใจในตัวลูกชายอย่างไม่ต้องสงสัย
"เพิร์ลช่วยค่ะ"
'พีชญา อหิงสาณิคุณ หรือพิ้งค์เพิร์ล' น้องสาวของพิภูว่าอย่างอาสาตัวเองและเดินเข้ามาช่วยพี่ชายกับคุณพ่อจัดราวเสื้อผ้ามือสองอีกแรง
"ขอบคุณนะลูก แค่กๆ" พนิดา ซึ่งเป็นแม่ของหนุ่มสาวทั้งสองค่อยๆเลื่อนวีลแชร์เข้ามาหาสามพ่อลูกที่กำลังขมักเขม้นอยู่กับเสื้อผ้าหลากสีที่พึ่งทำการสั่งออนไลน์มาลงขายตรงหน้าร้าน
"คุณแม่ ออกมาทำไมครับ" พิภูรีบวิ่งเข้าไปช่วยเข็นวีลแชร์ให้กับผู้เป็นแม่อย่างเป็นห่วง ด้วยว่าพนิดามีโรคประจำตัวเป็นโรคหอบหืดและไม่สามารถที่จะทำงานหนักได้เนื่องจากจะทำให้เหนื่อยง่ายและหมดสติไปนั่นเอง
"แม่ไม่เป็นไร" แม้จะพูดอย่างนั้นแต่แท้จริงแล้วพนิดากำลังรู้สึกถึงลมหายใจหอบหนักที่กำลังจะกำเริบอาการของโรคหอบขึ้นมาทุกที แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็พยายามเข้มแข็งเพราะไม่อยากที่จะให้ลูกและสามีต้องมาคอยเป็นห่วงนั่นเอง
"เพลง!" พัชรพลที่สังเกตเห็นใบหน้าไปไม่ค่อยสู้ดีของพนิดามาได้สักพักร้องเรียกภรรยาเสียงหลง ก่อนจะรีบวิ่งไปหยิบยาพ่นฉุกเฉินบรรเทาอาการ (Relievers) มาจ่อพ่นปากกระจับเล็กของภรรยาสาวในทันที
"ขอบคุณ..ค่ะ" มือซีดเซียวยกขึ้นมากอบกุมหน้าอกของตัวเองด้วยความรู้สึกที่อาการดีขึ้นตามลำดับ
"แม่ไม่ดื้อได้ไหมครับ" พิภูกล่าวว่าอย่างดุๆระคนเป็นห่วงแม่ของตัวเอง "ภูเป็นห่วง"
"แม่แค่ไม่อยากเป็นภาระของทุกคน" แค่การที่ล้มป่วยหนักจนต้องใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่บนซีลแชร์เธอก็กระดากจะแย่อยู่แล้ว
เธอไม่อยากใช้ชีวิตบั้นปลายให้กลายเป็นคนไร้ประโยชน์ เธออยากให้ลูกกับสามีรักเธอและอยู่กับเธอด้วยความสบายใจไม่ใช่ต้องมาคอยนั่งดูแลเธอตามหน้าที่
"พัชรักเพลง พัชเต็มใจที่จะดูแลเพลง ภูกับเพิร์ลก็เหมือนกัน" พัชรพลเอ่ยขึ้นอย่างพอจะรับรู้ถึงความกังวลของพนิดา
"ภูกับพ่อและเพิร์ลจะไม่มีวันทิ้งหายแม่ไปไหน เราจะดูแลแม่อย่างดี" พิภูนวดไหล่เล็กของมารดาที่ซูบผอมลงอย่างเห็นได้ชัดด้วยความรักและสงสารแม่
หากเลือกได้เขาก็อยากที่จะเป็นคนเจ็บปวดแทน แต่แน่นอนว่าในความเป็นจริงนั้นไม่มีผู้ใดที่จะรู้สึกเจ็บปวดแทนใครได้ สิ่งที่เขาและครอบครัวพอจะทำได้จึงมีแค่เพียงดูแลแม่คนนี้ให้ดีที่สุด
"ตัวนี้เท่าไหร่คะ"
"สักครู่ครับ" พิภูส่งสัญญานให้น้องสาวมารับช่วงดูแลแม่ก่อนตัวเองจะเดินออกไปต้อนรับลูกค้าคนแรกของวันนี้
"ราวนี้ห้าสิบบาททุกตัวครับถ้าหากซื้อสองตัวแปดสิบบาทครับ"
พิภูว่าพลางเผยยิ้มหวานตาสไตล์ของตัวเองและสิ่งนั้นมันก็ทำให้เด็กสาวแรกรุ่นที่อยากจะสานสัมพันธ์อันดีกับชายหนุ่มถึงกับคิดเอาไกลว่าบางทีพิภูนั้นอาจจะมีใจให้ตนเช่นเดียวกัน
"พ่อค้ามีแฟนหรือยังคะ?" เด็กสาวมัธยมปลายบิดตัวไปมาอย่างรู้สึกเขินอาย เธอรวบรวมความกล้าอยู่นานนับสัปดาห์เลยทีเดียวถึงจะเอ่ยถามประโยคนี้กับชายหนุ่มออกไปได้
"พิภูยังไม่มีแฟนครับ" พิภูตอบอย่างใสซื่อเพราะเขาเป็นคนที่ไม่ชอบพูดโกหก
"ว่าแต่ลูกค้าสนใจจะรับเสื้อตัวไหนจากร้านของเราดีครับ"
"เอ่อ.." ประโยคที่ว่าพ่อค้ายังไม่มีแฟนเรียกรอยยิ้มจากใบหน้าจิ้มลิ้มของเด็กสาวได้อย่างไม่ต้องสงสัย หากแต่สุดท้ายรอยยิ้มนั้นก็ค่อยๆจางหายไปเมื่อพิภูกล่าวถามเธอในประโยคถัดมา
พิภูไม่ได้มีใจให้เธออย่างที่เธอคิดเอาไปเอง เขาแค่ตอบในคำถามที่เธออยากรู้ก็เท่านั้น...
"ฉันเอาสองตัวนี้จ้ะพ่อค้า" มือเล็กๆเลือกหยิบเสื้อสองตัวส่งให้กับพิภูก่อนจะยื่นธนบัตรสีแดงให้กับพ่อค้ารูปหล่อ ดวงตากลมสวยกำลังจะปลดปล่อยหยดน้ำแห่งความผิดหวังอยู่ร่อมร่อแต่ถึงอย่างนั้นก็ยังคงพยายามอย่างหนักในการหักห้ามน้ำตาไม่ให้รินไหลออกมาต่อหน้าชายที่ตนหลงรัก
"น้องเป็นลูกค้าคนแรกของวันนี้พิภูคิดแค่เจ็ดสิบบาทพอนะครับ" พิภูล้วงมือลงในตะกร้าใส่เงินก่อนจะหยิบธนบัตรสีเขียวขึ้นมาหนึ่งใบและเหรียญสิบขึ้นมาหนึ่งเหรียญ
"เงินทอนครับ ขอบคุณนะคะ... อ้าว! อะไรของเขา" พิภูลูบฝ่ามือตัวเองที่เกิดเป็นรอยข่วนจากการโดนเล็บของหญิงสาวจิกเข้าใส่ในตอนที่เธอกระชากเงินทอนกลับไป
"คิกๆ" พิ้งค์เพิร์ลที่แอบดูเหตุการณ์ทั้งหมดมาตั้งแต่ต้นหัวเราะออกมาอย่างชอบอกชอบใจหลังจากที่เด็กหญิงคนนั้นเดินไกลออกไปพอสมควรแล้ว
"หัวเราะอะไรเพิร์ล"
"หัวเราะพี่ภูนั่นแหละ นี่ก็ซื่อเกิน" พิ้งค์เพิร์ลว่าและเลื่อนกล่องปฐมพยาบาลมาทำแผลบนฝ่ามือให้กับพี่ชาย
"ซื่อ? ใครซื่อ?" พิภูหันซ้ายขวาอย่างอยากรู้ว่าน้องสาวนั้นกำลังหมายถึงใคร "ไม่เห็นมีใครเลยนี่เพิร์ล"
"คิกๆ โอ๊ยพี่ภู! เพิร์ลอยากจะบ้าตาย" เธอก็พอจะรู้อยู่บ้างหรอกว่าพี่ชายของตัวเองนั้นใสซื่อ แต่เธอก็ไม่คิดว่าจะซื่อจนเซ่อขนาดที่ว่าไม่รู้ตัวว่าเด็กหญิงคนก่อนหน้านั้นหมายจะขายขนมจีบให้กับตน
"เด็กคนนั้นเขาจีบพี่ภูนะ" เมื่อเห็นว่าพี่ชายยังคงมมึนงงกับสิ่งที่เธอพูดพิ้งค์เพิร์ลจึงจำต้องอธิบายให้พี่ชายได้เข้าใจ
"จีบที่ไหน เขาแค่ถามว่าพี่มีแฟนหรือยัง"
"ก็นั่นแหละคือเขาจะจีบ ถ้าสำหรับพี่แบบนั้นไม่เรียกว่าจีบ แล้วต้องเป็นแบบไหนฮะพี่ภูถึงจะเรียกว่าจีบ" พิ้งค์เพิร์ลว่าและกลอกลูกกะตาไปมาให้กับความซื่อบื้อของผู้เป็นพี่ชาย
"เขาก็ต้องถามพี่ว่าเป็นแฟนกันไหมสิถึงจะเรียกว่าจีบ" เมื่อได้ยินดังนั้นพิ้งค์เพิร์ลก็แทบจะหงายหลังจนตกไปจากเก้าอี้สีแดงสดที่กำลังนั่งอยู่ ก่อนจะปล่อยเสียงหัวเราะออกมาจนพิภูนั้นไม่เข้าใจว่าน้องสาวของเขานั้นเป็นบ้าอะไรไป
"เพิร์ลคนบ้า พี่ไม่คุยด้วยแล้ว" พิภูเมินน้องสาวที่ยังคงหัวเราะออกมาอย่างไม่มีท่าทีว่าจะหยุดหย่อนก่อนจะหันไปจัดราวแขวนเสื้อผ้าเพื่อรอลูกค้าที่กำลังจะก้าวเท้าเข้ามาดูสินค้าภายในร้านของเขา
เออ คนจะจีบกันมันก็ต้องขอเป็นแฟนสิยัยเพิร์ล🤣