ตลาดหงษ์สาศิโรคุณ
"คุณหนูมาแล้วครับนาย" เต็งหนึ่งที่ซุ่มอยู่ใต้แผงขายชุดชั้นในผู้หญิงเอ่ยกระซิบให้ผู้เป็นนายที่กำลังทำท่าทีเหมือนกับลูกค้ากำลังเลือกซื้อเสื้อผ้าได้รับรู้
"ไอ้เด็กเมื่อวานซืนนั้นมันกล้าโกหกกู" ชยพัทธ์ตวัดหางตาคมกริบไปยังหลังคาร้านที่เห็นอยู่ไกลๆ อย่างรู้สึกโมโหที่เด็กหนุ่มอย่างพิภูนั้นกล้าที่จะเข้ามากระตุกหนวดเสืออย่างเขา
"มันรู้จักกูน้อยไป" จ้าวฮั่นถ่มน้ำลายลงดินอย่างระบายอารมณ์
"แต่ตอนนี้กูคงต้องจัดการไอ้ตัวสมรู้ร่วมคิดก่อน เต็งหนึ่ง"
"ครับนาย"
เพราะคอยเคียงบ่าเคียงไหล่กับผู้เป็นนายมานาน เต็งหนึ่งจึงเข้าใจในสิ่งที่ชยพัทธ์กำลังจะเอ่ยได้เป็นอย่างดี ก่อนจะรีบปรี่เข้าไปล็อกตัวคนขับรถของบังอรจากทางด้านหลังในตอนที่เขาไม่ทันได้ตั้งตัว
"ไอ้เต็งหนึ่ง!" นาวา ซึ่งเป็นพลขับส่วนตัวของบังอรถึงกับตาเบิกโพลงด้วยความตกใจเมื่อเอี้ยวตัวกลับไปแล้วพบว่าคนที่กำลังล็อกแขนของตัวเองอยู่คือเต็งหนึ่ง
"เออ กูเอง" เต็งหนึ่งครางรับสั้นๆ ก่อนจะออกแรงฉุดกระชากลากถูนาวามาตามทางเพื่อรับบทลงโทษจากผู้เป็นนายของพวกเขาทั้งสอง
"อย่าทำอะไรกูเลยเต็งหนึ่ง มึงกับกูก็อยู่กันมาตั้งนานแล้วนี่วะ เราเป็นเพื่อนกันไม่ใช่รึไง"
นาวาดิ้นขลุกขลักอยู่ในวงแขนของเต็งหนึ่งอย่างหาทางหนีทีรอด แต่เพราะขนาดลำตัวของเต็งหนึ่งที่ใหญ่กว่าตนอยู่หลายเท่าตัว จึงทำให้นาวาไม่สามารถที่จะต่อต้านอะไรเต็งหนึ่งได้เลย
"กูไม่ทำ แต่นายไม่แน่"
"นาย นายอยู่ที่นี่อย่างนั้นนะเหรอวะไอ้เต็งหนึ่ง"
น้ำเสียงนั้นเริ่มสั่นระริกด้วยความหวาดผวา มาถึงตอนนี้นาวาอยากที่จะสับขาวิ่งหนีเตลิดออกไปใจจะขาด แต่เพราะเต็งหนึ่งที่ยังคงกอดรัดรอบตัวเอาไว้แน่นจึงทำให้นาวาไม่สามารถที่จะทำตามที่หัวใจของตัวเองปรารถนาได้เลย...
"กูเคยห่างจากตัวนายเกินสิบก้าวหรือเปล่าไอ้นาวา ถ้าคำตอบมันคือไม่ก็แสดงว่าสิ่งที่มึงกำลังคิดถูกต้องทุกประการ"
"ไฮ"
ชยพัทธ์ก้าวเท้าออกมาจากมุมอับช้าๆ พร้อมด้วยรอยยิ้มเพชฌฆาตที่ส่งตรงมายังนาวาที่กำลังทรุดตัวลงนั่งอย่างยอมรับในชะตากรรมของตัวเอง
"นายครับ ผมขอโทษครับ ผม... ผมผิดไปแล้ว ได้โปรดไว้ชีวิตของผมด้วยครับนาย"
"ถ้าไม่ใช่เพราะมึงเป็นคนโปรดของบังอร กูฆ่ามึงทิ้งไปนานแล้วไอ้นาวา"
ชยพัทธ์หักคอตัวเองไปมาก่อนจะกระโดดเข้าถีบยอดหน้าของนาวาเสียจนเต็มแรง
"ถ้ามึงยังกล้าที่จะปกปิดกูอีกแม้แต่ครั้งเดียว มึงตาย" พูดเพียงเท่านั้นก็รีบสาวเท้าออกไปยังร้านขายเสื้อผ้าหลังคาสีชมพูอย่างรีบร้อนในทันที
"เต็งหนึ่ง พามันกลับ ส่วนลูกสาวกู กูจะพาเธอกลับเอง" ก่อนจะชะงักเท้านิ่งอยู่ครู่หนึ่งและหันมาสังการณ์เต็งหนึ่งที่ยังคงยืนควบคุมตัวนาวาอยู่ที่เดิม
"ครับนาย"
ร้านขายเสื้อผ้าของพิภู
คราแรกจ้าวฮั่นตั้งใจว่าจะมุ่งเข้าไปกระชากตัวลูกสาวและฉุดตัวเธอกลับบ้านไปทันที แต่สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจที่จะแอบลอบมองอยู่บริเวณข้างๆ ร้านนั้นก่อน
"บังอร มาแล้วเหรอครับ" ภาพที่ไอ้เด็กเมื่อวานซืนโผเข้ากอดลูกสาวของตัวเองนั้นทำเอาหัวใจของคนเป็นพ่อเต้นไม่ตรงจังหวะ
เขาก็อยากที่จะเข้าใจอยู่หรอกว่าเด็กมันรักกัน และลูกสาวของเขาในปีนี้ก็อายุครบยี่สิบห้าปีแล้วด้วย แต่...เขาในฐานะคนเป็นพ่อ ไม่มีสิทธิ์ที่จะอยากให้ลูกเจอผู้ชายที่ดีจริงๆ อย่างนั้นนะหรือ...
"ค่ะ บังอรแอบพ่อมา พ่อไม่รู้หรอก" ประโยคถัดมาจ้าวฮั่นก็ถึงกับต้องยกมือขึ้นมากอบกุมอกที่เจ็บแปลบๆ อยู่ด้านใน
"อย่าทำแบบนี้อีกนะครับบังอร เราค่อยเจอกันวันอื่นที่บังอรลงมาเก็บค่าเช่าแผงก็ยังได้ อย่าโกหกพ่อเลยครับบังอร พี่ภูว่ามันดูไม่ค่อยดีนะครับ"
คำพูดที่ออกมาจากปากพิภูในครั้งนี้ทำเอาจ้าวฮั่นถึงกับใจอ่อนยวบลงถึงยี่สิบเปอร์เซ็นต์ ตอนแรกยอมรับว่าเขาไม่เชื่อในสิ่งที่เต็งหนึ่งบอกว่าพิภูเป็นผู้ชายใสซื่อ แต่ตอนนี้เขาได้พิสูจน์มันด้วยสองหูของตัวเองแล้วว่า พิภู...ช่างใสซื่อเอาเสียจริงๆ...
"นี่มันใช่เวลามาเพิ่มคะแนนให้กับลูกเขยที่มึงไม่อยากจะยอมรับไหมไอ้ฮั่น!" จ้าวฮั่นสบถออกมาอย่างรู้สึกโมโหตัวเองที่เผลอไผลเทใจให้กับความใสซื่อของพิภู
"อื้อ บังอรไม่อยากฟัง...
"บังอร!" ที่สุดแล้วคนเป็นพ่อก็ไม่อาจที่จะทานทนได้อีกต่อไปเมื่อได้เห็นตำตาว่าลูกสาวสุดที่รักบุกเข้าไปจูบปากผู้ชายก่อน
"คุณพ่อ..." บังอรเองก็ถึงกับใบหน้าซีดเผือดด้วยความตกตะลึง เธอคิดไม่ถึงด้วยซ้ำว่าตัวเองจะถูกคนเป็นพ่อตลบหลัง ด้วยเพราะว่าผู้เป็นพ่อนั้นมักจะเชื่อใจในคำพูดของตัวเองตลอดมานั่นเอง...
"กลับบ้าน"
เสียงเข้มเอ่ยสั่งสั้นๆ สายตาคู่นั้นไม่แม้จะกล้าเหลือบไปสบตากับพิภูเลยแม้แต่หางตาเพราะรู้สึกอับอาย คราแรกเขาคิดว่าจะมุ่งเข้ามาจัดการเด็กชายที่มันบังอาจมาหลอก
ให้ลูกสาวของตัวเองมาหา แต่มันกลับกลายเป็นว่าลูกสาวของเขาเองต่างหากที่เข้าหาเด็กผู้ชายคนนี้เองอย่างจงใจ
"พ่อผิดหวังในตัวลูกมากนะบังอร"
น่าสงสารพ่อๆ นะ สมัยที่พ่อๆ ยังหนุ่ม พ่อๆ รักและเทิดทูลพ่อแม่เหนือสิ่งอื่นใดเลยนะ แต่ทำไม🥹🥹🥹