น่าแปลกที่วันนี้ฝนไม่ตก ทั้งที่เมื่อวานตกหนักมากมายขนาดนั้น เย่วเล่อถือพัดลายดอกมู่ตานสีชมพูเอาไว้ในมือ ริมฝีปากบางหยักยิ้มขึ้นมาส่งให้จุนเฟิงที่นั่งอยู่บนรถม้าร่วมกันกับเธอ
เขายิ้มน้อยยิ้มใหญ่พร้อมกับทำท่าทีเขินอายมาสักพักแล้ว ราวกับว่าเขาคิดว่าเธอและหนิงหลงมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งต่อกัน
"อันที่จริง วันนี้ข้ามีธุระกับท่านแม่ทัพนิดหน่อยเท่านั้นเอง...การมาพบกันครั้งนี้มิได้..มีเรื่องที่เกินเลย.."
"สายตาของข้ามิได้มองเถ้าแก่เนี้ยเช่นนั้นเลยขอรับ ข้าน้อยเพียงยินดีที่ท่านแม่ทัพหนิงยอมเปิดใจรับสตรีสักนางเข้ามาในหัวใจอันบอบช้ำของท่าน..."
หมายความว่ายังไงกันนะ หนิงหลงพึ่งถูกทิ้งมาอย่างนั้นหรือ?
"อ่า..เรื่องนั้น.."
"ท่านแม่ทัพหนิงพึ่งถูกทิ้งมาขอรับ น่าเห็นใจมากนะ ทั้งที่ตระกูลหนิงส่งของหมั้นไปแล้วแท้ๆแต่กลับยกเลิกงานมงคลในระหว่างที่ท่านแม่ทัพมาออกรบ เพราะฉะนั้นข้าน้อยยินดีมากขอรับ ที่สตรีคนใหม่ของท่านแม่ทัพจะเป็นเถ้าแก่เนี้ยคนงาม"
เย่วเล่อมิได้กล่าวคำใด เธอมองออกไปนอกหน้าต่างรถม้า พร้อมกับหัวใจที่มีอาการหน่วงเล็กน้อย.. นี่คงจะเป็นเหตุผลที่เสน่ห์อันล้ำเลิศของเธอไม่สามารถทลายกำแพงที่สูงชันในใจของเขาเข้าไปได้สินะ
เพราะว่าเขายังปักใจกับความรักครั้งเก่าอยู่
สตรีโชคดีผู้นั้นเป็นใครกันนะ แถมนางยังกล้าทิ้งชายที่แสนดีอย่างหนิงหลงได้ลงคอ!
รถม้าจอดที่หน้าค่ายทหาร เย่วเล่อหยิบผ้าขึ้นมาคลุมศีรษะของเธอเอาไว้ อันที่จริงมิต้องปกปิดก็ได้แต่เธอเป็นห่วงชื่อเสียงของหนิงหลง จึงเลือกที่จะปกปิดเอาไว้ว่าสตรีที่มาหาเขาคือหญิงหม้ายเช่นเธอ
ในมือของจุนเฟิงคืออาหารเลิศรสของโรงเตี๊ยมซูฮวา เย่วเล่อคิดเอาไว้ว่าเขาจะต้องยังไม่ได้ทานมื้อเย็นอย่างแน่นอนเธอจึงนำอาหารพวกนี้ติดมือมาด้วย
เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็พบเจอห้องที่ว่างเปล่าไร้เงาของหนิงหลง
"ท่าทางท่านแม่ทัพจะยังคุยงานไม่เสร็จ เถ้าแก่เนี้ยรออยู่ที่นี่ได้เลยนะขอรับ"
เธอพยักหน้าพร้อมกับส่งยิ้มจางๆให้กับจุนเฟิ่ง
ในห้องที่เต็มไปด้วยกลิ่นไผ่ในวันฝนตก มันคือกลิ่นที่พอได้ดมแล้วรู้สึกสบายใจ ถึงแม้ว่าในยามนี้เธอจะไม่มีสัมผัสจิ้งจอกแล้วแต่ทว่าเธอก็สามารถได้กลิ่นพวกนี้ได้อย่างชัดเจน
พอได้สังเกตดีๆห้องของหนิงหลงนั้นเรียบง่ายมากกว่าที่คิด เย่วเล่อเดินไปที่โต๊ะทำงานของเขา มีม้วนตำราและแผนที่มากมายวางอยู่ เธอยกม้วนตำราพวกนั้นขึ้นมาอ่าน แน่นอนว่ามันคือกลยุทธ์ในการออกรบ
"หนิงหลง..ข้าจะกลับแล้วนะ มีอะไรฝากไปให้..."
ประตูถูกเปิดออกพร้อมกับชายผู้หนึ่งที่กล่าวทักทายอย่างสนิทสนมกับเจ้าของห้อง เพียงแต่ว่าในยามนี้หนิงหลงไม่อยู่ มีเพียงแต่เย่วเล่อเท่านั้นที่นั่งอยู่บนโต๊ะทำงานของเขา
แววตาของเธอมิได้แสดงท่าทีที่ตกใจ เธอส่งยิ้มให้ชายแปลกหน้าพร้อมกับลุกขึ้นเดินเข้ามาหาเขา
"ท่านแม่ทัพไม่อยู่เจ้าค่ะ หากต้องการพบท่านแม่ทัพคุณชายกรุณารอสักครู่..."
กว่าจิ่วเฉินจะหาเสียงตัวเองเจอก็ใช้เวลาสักครู่ ความงดงามที่อยู่เบื้องหน้ามันไม่ปกติสักนิด เขาท่องยุทธภพมาทั่วหล้ายังมิเคยพบเจอกับความงดงามที่สามารถสะกดสายตาของเขาได้ถึงเพียงนี้เลย อีกทั้งน้ำเสียงที่กล่าวออกมาก็ก้องกังวาน...
นี่คือภรรยาของหนิงหลงอย่างนั้นหรือ? ชักจะอยากรู้จักแล้วล่ะสิ
"เช่นนั้นข้าขอนั่งรอแม่ทัพหนิงอยู่ที่นี่ก็แล้วกัน"
เยว่เล่อเดินมายังโต๊ะทานข้าว นางหยิบกาน้ำชาที่เตรียมมาเทใส่ถ้วยก่อนจะวางเอาไว้เบื้องหน้าของชายแปลกหน้า
"ไม่รู้มาก่อนเลยว่าหนิงหลงมีฮูหยินที่งดงามเช่นนี้"
"อ่า..ข้ากับท่านแม่ทัพนั้นเป็นเพียงสหายเจ้าค่ะ ฮูหยินท่านแม่ทัพจะต้องดีพร้อมและงดงามมากกว่าข้าอย่างแน่นอน"
จะหาสตรีที่งดงามมากกว่านี้ได้ที่ไหนกัน? ต่อให้พลิกแผ่นดินหาก็ไม่อาจหาพบได้
หนิงหลงเปิดประตูเข้ามาด้วยท่าทีที่เร่งรีบ เพราะเขาได้รับรายงานจากจุงเฟิงว่าเย่วเล่อมาถึงแล้วแต่ทว่าเขาไม่คิดว่าจิ่วเฉินจะมานั่งเสนอหน้าอยู่ที่นี่ด้วย
ภาพที่ทั้งสองนั่งคุยกันพร้อมกับรอยยิ้มนั่นทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดพิลึก..
"หนิงหลงมาพอดีเลย ข้าจะกลับไปที่เมืองหลวงแล้ว เจ้าจะฝากสิ่งใดไปให้ฟางหรงรึเปล่า?"
หนิงหลงมองหน้าของเย่วเล่อ ก่อนที่เขาจะเดินไปหยิบห่อผ้าพร้อมกับจดหมายส่งให้สหาย
"ฝากสิ่งนี้ให้ฟางหรงด้วย บอกว่าข้าจะกลับไปที่เมืองหลวง..ไปเยี่ยมเยียนนางในวันที่ให้กำเนิดหลานคนที่สี่อย่างแน่นอน"
"ได้เลย เอาไว้พบกันที่เมืองหลวงนะหนิงหลง"
ถึงแม้จิ่วเฉินจะเอ่ยคำลา แต่ทว่าเขากลับมิได้ออกไปแต่อย่างใด สายตาของสหายนั้นชัดเจนมากพอว่าเขากำลังสนใจเย่วเล่ออยู่
"คงจะดีหากว่าข้าจะขอทราบชื่อของแม่นางเอาไว้ เมื่อท่านเป็นสหายของหนิงหลง ย่อมถือเป็นสหายของข้าด้วย"
เย่วเล่อส่งยิ้มให้กับจิ่วเฉินก่อนที่เธอจะส่งสายตาขอความช่วยเหลือให้กับหนิงหลง
"ไปได้แล้วจิ่วเฉิน ข้ากับนางมีเรื่องที่จะต้องคุยกัน..เป็นการส่วนตัว"
จิ่วเฉินหรี่ตามองหนิงหลง
"เห็นแก่ที่เจ้าเป็นสหายร่วมรบมาอย่างยาวนาน ครั้งนี้ข้าจะยอมเจ้าก็แล้วกัน"
จิ่วเฉินส่งยิ้มให้กับเย่วเล่อก่อนที่เขาจะลุกออกไป
"เหตุใดถึงบอกกล่าวกับเขาว่าเป็นสหายของข้า?"
เธอหยิบอาหารออกมาจัดวางบนโต๊ะ
"แล้วจะให้บอกกล่าวกับสหายของท่านว่าข้าเป็นฮูหนิงของท่านหรืออย่างไร?"
หนิงหลงนั่งลงตรงข้ามเย่วเล่อ
"ใช่...การบอกว่าเป็นฮูหยินของข้า น่าจะดีต่อเจ้าที่สุดในยามนี้"
เพราะว่านี่คือยามวิกาล มิมีสตรีที่ไหนออกจากบ้านในยามนี้ จะมีก็แต่นางคณิกาเท่านั้น การที่นางบอกว่าเป็นเพื่อนกับเขาถ้าเป็นคนอื่นน่าจะมองนางด้วยสายตาที่ดูถูกดูแคลนไปแล้ว แต่โชคดีที่เป็นจิ่วเฉินเพราะเจ้านั่นมองว่าทุกคนนั้นเท่าเทียมกัน
เย่วเล่อเงยหน้าขึ้นมามองหน้าของหนิงหลงด้วยสายตาที่เจือปนไปด้วยความตกใจ
"แล้วถ้าหากว่าสหายของท่านเป็นคนที่นี่เล่า..คราวนี้ไม่ใช่เพียงแค่ข้าเท่านั้นแต่ท่านเองก็จะเดือดร้อนไปด้วยอยากแต่งงานกับข้าจริงๆรึไง.."
ถ้าหากว่านั่นคือการช่วยเหลือนาง เขาก็ยินดีที่จะทำ
เพราะการที่พลังเซียนของนางอยู่ที่เขา นางจะต้องใช้ชีวิตอย่างลำบากมากทีเดียว
"เอาเช่นนั้นก็ได้ เราน่ะมาแต่งงานกันเถอะ"