8.หวั่นไหว

1373 Words
หนิงหลงลืมตาขึ้นมาพร้อมกับเย่วเล่อที่ยังคงนอนหลับอยู่... แม้แต่ยามที่นางหลับเช่นนี้ก็ยังคงน่าหลงใหล เมื่อคืนกว่าเราจะได้นอนกันก็เกือบรุ่งสาง แน่นอนว่ามันคือการนอนเฉยๆไม่มีอะไรเกินเลยไปมากกว่าการจุมพิตนับร้อยครั้งเห็นจะได้ ความหวั่นไหวก่อตัวขึ้นมาในใจ ท่ามกลางเสียงที่เด่นชัดของสายลมและเสียงฝีเท้าที่กำลังก้าวเดินมา... ประตูถูกเปิดออกพร้อมกับอาเหยาที่นำเสื้อผ้าของแม่ทัพหนิงมาให้ "จะรับอาหารเช้าเลยไหมขอรับท่านแม่ทัพหนิง" หนิงหลงมองที่อาเหยาด้วยแววตาที่แปลกไปเล็กน้อย เพราะว่าเขามองเห็น..ดวงตาที่ราวกับไม่ใช่มนุษย์ของอาเหยา หมายความว่าชายผู้นี้เป็นปีศาจอย่างนั้นหรือ? อาเหยาชะงักเล็กน้อยเพราะรอบๆตัวของแม่ทัพกลับมีพลังปราณเซียนล้อมรอบเอาไว้ และมันคือพลังปราณที่คุ้นเคยอย่างพลังของเถ้าแก่เนี้ย "อืม ข้าจะทานที่นี่เลย" "เช่นนั้นท่านแม่ทัพโปรดรอสักครู่" เย่วเล่อลืมตาขึ้นมาเพราะเธอได้ยินเสียงพูดคุยในห้อง อาเหยาคงเข้ามาแล้วเป็นแน่ เจ้างูขี้บ่นตัวนั้นคงจะล่วงรู้แล้วว่าเธอสูญเสียพลังปราณในตัวให้หนิงหลงแล้ว "ตื่นแล้วหรือ?" เธอยกมือขึ้นมาบีบแก้มของเขาแรงๆก่อนจะลุกขึ้น เย่วเล่อโน้มใบหน้าของเขาลงมาก่อนที่เธอจะจุมพิตอย่างแผ่วเบากับเขาอีกครั้ง มือของหนิงหลงโอบรอบเอวของเธอเอาไว้ ราวกับว่าเขากำลังประคองร่างกายที่อ่อนแอของเย่วเล่อไว้อยู่ ถึงแม้จะล่วงรู้ว่าที่นางทำเช่นนี้เป็นเพราะว่านางต้องการปราณเซียนคืนแต่ทว่าการกระทำที่ลึกซึ้งเช่นนี้ใช่จะทำใจให้ชินได้โดยง่าย.. อาเหยาเป็นประตูเข้ามาอีกครั้ง เขาก้มหน้าลงเล็กน้อยก่อนจะเดินออกไป.. "ยกเข้ามาเลยอาเหยาข้าหิวจะตายอยู่แล้ว!" เย่วเล่อผลักหนิงหลงออกช้าๆ เธอเดินไปที่โต๊ะทานข้าวก่อนจะเริ่มลงมือคีบอาหารพวกนั้นใส่ปาก... ตรงกันข้ามกับหนิงหลงที่เขายังคงยืนอึ้งอยู่ "บางเรื่องอาจจะต้องใช้เวลา..." เย่วเล่อถอนหายใจ นางโบกมือไปมาเพื่อให้อาเหยาออกจากห้องนี้ไป เธอยังไม่อยากจะถูกเจ้างูตัวนั้นบ่นในตอนนี้ เพียงแค่เท่านี้ก็คิดมาจะแย่อยู่แล้ว "ช่วงนี้ท่านมาอยู่กับข้าก่อนก็แล้วกัน" หนิงหลงนั่งลง เขาลอบมองใบหน้าที่หงุดหงิดของเย่วเล่อก่อนจะเริ่มลงมือทาน "...ข้าไม่อาจเดินทางออกจากค่ายทหารได้บ่อยขนาดนั้น" "เช่นนั้นข้าจะไปหาท่านเอง ได้แต่หวังว่าท่านคงจะไม่..นอนกับสตรีใดในช่วงนี้" "นี่ท่านเห็นข้าเป็นบุรุษเช่นไรกัน?" เธอช้อนสายตามองหน้าเขา ริมฝีปากของหนิงหลงนั้นบวมแดงเล็กน้อย มันคงจะมาจากการจุมพิตอย่างบ้าระห่ำของเธอเมื่อคืนเป็นแน่ ทั้งที่ความปรารถนาของเขา...ลุกโชนขึ้นมาแล้ว แต่ทว่าเขาก็ไม่แตะต้องเธอเลยแม้แต่น้อย เขายินยอมให้เธอจุมพิต โดยที่ไม่กระทำการอันใดที่เกินเลยมากกว่านั้น ชายผู้นี้คือบุรุษที่ดีผู้หนึ่งเลยก็ว่าได้ ยังไม่รวมที่เขาช่วยเหลือเธอเอาไว้ในครั้งนั้นด้วย "เอาตามนั้นก็แล้วกัน คืนนี้ข้าจะไปหาท่าน" "การเดินทางตอนกลางคืนอันตรายยิ่ง เอาเป็นว่าข้าจะส่งคนมารับเจ้าเอง..." เย่วเล่อพยักหน้า หัวใจพลันเต้นแรงขึ้นมาราวกับมีขนนกปัดผ่านที่หัวใจ เธอมองหน้าเขาที่กำลังทานอาหารตรงหน้าอย่างเอร็ดอร่อย หนิงหลงคือชายรูปงามผู้หนึ่ง เขาเคร่งขรึมแต่ทว่ากลับอ่อนโยนอย่างไม่น่าเชื่อ เขาดูเป็นแม่ทัพที่เก่งกาจและโหดเหี้ยมในขณะเดียวกันเขาก็เป็นคนที่คอยเอาใจใส่ผู้อื่น ไม่บ่อยนักที่จะพบเจอชายแสนดีเช่นนี้ และไม่บ่อยนักที่เหตุการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นมา ด้วยวิสัยของเทพจิ้งจอก ไม่ใช่เรื่องง่ายที่สัตว์เช่นเธอจะสามารถบำเพ็ญเพียรเป็นเซียนได้ ทุกอย่างต้องใช้เวลาและการช่วยเหลือจากท่านอาจารย์ มือน้อยๆของท่านเทพบรรพกาลบรรจงอุ้มจิ้งจอกหิมะตัวน้อยขึ้นมา เขาลูบขนสีขาวที่นุ่มลื่นของเธอเบาๆ เลี้ยงดูด้วยความทะนุถนอม เย่วเล่อถือเป็นศิษย์รักเลยก็ว่าได้ นั่นเพราะเธอนั่นช่างพูดและช่างเจรจา เพราะความเอาใจใส่ของท่านอาจารย์ทำให้เย่วเล่อสามารถเป็นเทพเซียนได้ไวกว่ากำหนดหลายร้อยปี การไม่มีปราณเซียนนั่นหมายความว่าเธอในยามนี้เป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาที่สามารถแปลงร่างเป็นจิ้งจอกได้ มิได้มีพลังอะไรเลย "เอาแบบนั้นก็ได้" สายตาของหนิงหลง เขาเป็นห่วงเย่วเล่อมากทีเดียว ดวงตายามที่มันรื้นไปด้วยน้ำตาของเธอยังคงตราตรึงอยู่ในหัวใจ เขาไม่อยากให้ใบหน้าที่งดล้ำนั้นจะต้องร้องไห้ เพราะหยาดน้ำตาไม่เหมาะกับนางเลย เมื่อหนิงหลงเดินออกมาเขาก็พบเจอกับอาเหยาที่ยืนรออยู่หน้าห้อง "หากไม่เป็นการรบกวน ให้ข้าน้อยได้เดินไปส่งท่านแม่ทัพนะขอรับ" ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเจ้าปีศาจตนนี้ คงจะมีเรื่องพูดกับเขาเป็นแน่ "ได้สิ หากเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพลังปราณ เจ้าสามารถบอกกล่าว..กับข้าได้เลย" อาเหยาก้มหน้าเล็กน้อยพร้อมกับแย้มยิ้ม บุรุษข้างกายนี้มิได้เป็นคนโง่ อีกทั้งยังเป็นคนที่เดาใจได้ยากมากทีเดียว "ข้าน้อยติดตามเถ้าแก่เนี้ยมาสามร้อยปีเห็นจะได้ ตั้งแต่สร้างโรงเตี๊ยมแห่งนี้ขึ้นมาใหม่ๆ มีแขกมากหน้าหลายตาผ่านมาแล้วก็ผ่านไป คนแล้วคนเล่าที่เถ้าแก่เนี้ยคนงามแต่งงานด้วย แต่ทว่าเรื่องการส่งมอบปราณเซียนเรื่องเช่นนี้มิเคยเกิดขึ้นมาก่อนเลยขอรับ" รู้สึก..ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ที่เจ้างูนี่กล่าวว่าเย่วเล่อแต่งงานหลายครั้ง "มันเป็นเรื่องที่เย่วเล่อมิได้ตั้งใจ.." อาเหยาเลิกคิ้วมองแม่ทัพหนิง เถ้าแก่เนี้ยไม่ชื่นชอบชื่อของตัวเองสักเท่าไหร่ จึงมักจะใช้ชื่ออื่นตลอด แต่ทว่ากับชายผู้นี้กลับบอกกล่าวชื่อที่แท้จริงอย่างนั้นหรือ? นี่ถือเป็นเรื่องแปลกใหม่ในรอบหลายร้อยปีเลยก็ว่าได้ "เถ้าแก่เนี้ยนั้นแตกต่างจากเทพจิ้งจอกตนอื่นที่ข้าพบเจอมา เพราะนิสัยส่วนใหญ่ของเทพจิ้งจอกมักจะเจ้าเล่ห์ แต่ทว่าเถ้าแก่เนี้ยมิได้..เป็นเช่นนั้น นางมักจะชื่นชอบการอยู่คนเดียวหรือไม่ก็การมองดูผู้คนมากมายผ่านทางหน้าต่างมากกว่าจะลงมาที่ชั้นล่างของโรงเตี๊ยม ตั้งแต่ข้าน้อยติดตามเถ้าแก่เนี้ยมายังไม่เคยเห็นนางใช้พลังเลยสักครั้งเดียว...แต่ทว่าไม่ใช้มิได้หมายความว่าไม่สำคัญ" หนิงหลงหยุดฝีเท้าที่กำลังก้าวเดินเมื่อเสียงของอาเหยานั้นต่ำลง "ร่างกายของนางจะอ่อนแอลงเพราะอายุที่ยาวนานนับนิรันดร์กำลังจะสิ้นสุดลง ยังไม่รวมกับประสาทสัมผัสที่เฉียบแหลมนั่นจะจางหายไปเพราะมันไปอยู่กับท่านแม่ทัพ ทางที่ดีท่านแม่ทัพควรจะส่งคืนพลังให้แก่เถ้าแก่เนี้ยโดยไวนะขอรับ" "ตัวข้ามิได้คิดที่จะฉวยโอกาสเอาพลังนี้เป็นของตน ข้าและเย่วเล่อกำลังหาทางส่งคืนพลังนี้อยู่..." อาเหยาก้มหน้าลงอีกครั้ง "เช่นนั้นข้าก็ขอขอบคุณท่านแม่ทัพ อาเหยาคงจะขอส่งท่านแม่ทัพหนิงเพียงเท่านี้เพราะที่โรงเตี๊ยมมีงานมากมายที่จะต้องจัดการ"
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD