สมรศรียืนมองตามแผ่นหลังกว้างของกล้าตะวันที่กำลังเดินจากไปด้วยสายตาชื่นชม
“เทพบุตรขี่ม้าขาวของนังฟาง หล่อจริงๆ เลย”
สาวสองยืนพึมพำด้วยความปลาบปลื้มใจ ก่อนจะรีบพุ่งตัวเข้าไปในห้องฉุกเฉิน เมื่อนางพยาบาลออกมาตามรอบสอง
“ญาติของคุณฟางข้าวค่ะ”
“มาแล้วค่ะ มาแล้ว...”
สมรศรีเข้าไปภายในห้องฉุกเฉิน เดินตามพยาบาลมาหยุดที่ข้างเตียงที่ฟางข้าวกำลังนอนหลับลึกอยู่
“เพื่อนฉันเป็นยังไงบ้างคะ”
“ในร่างกายของเพื่อนคุณมียานอนหลับอยู่ปริมาณมากค่ะ”
“แล้วนังฟางมันจะฟื้นไหมคะ” สมรศรีละล่ำละลักถาม
“ฟื้นค่ะ แต่อาจจะเป็นพรุ่งนี้เช้าเลย”
คนฟังผ่อนลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก
อย่างน้อยๆ ฟางข้าวก็ไม่ถึงกับตาย สมรศรีคิดในใจ
“ขอบคุณมากค่ะ งั้นคืนนี้คงต้องให้เพื่อนฉันแอดมิทที่โรงพยาบาลสักคืนน่ะค่ะ”
“ได้ค่ะ งั้นเชิญคุณมาทำเรื่องนอนโรงพยาบาลกับเจ้าหน้าที่เคาน์เตอร์ด้านนอกได้เลยค่ะ”
สมรศรีจับมือของฟางข้าวที่ยังคงนอนหลับอยู่เบาๆ ก่อนจะเดินตามร่างของนางพยาบาลออกไปนอกห้องฉุกเฉิน
ณ ลานหน้าโรงแรมหรู สองหนุ่มตัวสูงสง่าที่ความหล่อเกินกันไม่ลง กำลังนั่งดื่มกาแฟดำกัน และสนทนากันอย่างสนิทสนม
“เรื่องเมื่อคืนขอโทษทีนะไอ้ขุน”
“ไม่เป็นไรหรอก มันเหตุสุดวิสัยน่ะ”
ขุนเขายกแก้วกาแฟอเมริกาโน่ขึ้นจิบ ดวงตาสีดำขลับจ้องมองเพื่อนสนิท
“แล้วทุกอย่างโอเคใช่ไหม”
“อืม โอเคแล้วล่ะ กูพาไปโรงพยาบาล แล้วก็โทรตามเพื่อนของเธอให้มาดูแลต่อ”
ขุนเขาผงกศีรษะทุยสวยขึ้นลงเป็นคำตอบว่าเข้าใจ แต่สีหน้าของเขาค่อนข้างเครียด ทำให้กล้าตะวันอดถามไม่ได้
“ว่าแต่มึงเถอะ ทำไมหน้าตาดูหงุดหงิดแต่เช้า หรือว่ามีเรื่องอะไรที่ไร่กาแฟ”
“ก็คงงั้นแหละ”
ความจริงเรื่องไร่กาแฟไม่มีอะไรเลย แต่เขาหงุดหงิดเรื่องเมื่อคืนนี้มากกว่า เพราะตอนนี้ เขายังสลัดภาพของผู้หญิงไม่ดีคนนั้นออกไปจากหัวไม่ได้เลย
มันบ้ามาก...
มันบ้ามากที่เขาต้องมาวุ่นวายใจกับผู้หญิงขายตัวคนนั้นแบบนี้
“มีอะไรให้กูช่วยก็บอกนะไอ้ขุน”
“ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไรหรอกว่ะ กูแก้เองได้” ขุนเขายกแก้วกาแฟขึ้นจิบอีกครั้ง
“แล้วนี่มึงบินกี่โมงไอ้ขุน”
“ไฟล์ทบ่ายน่ะ”
กล้าตะวันผงกศีรษะขึ้นลง ก่อนจะพูดขึ้น “งั้นกูจะเลี้ยงข้าวเที่ยงเป็นการขอโทษมึงเรื่องเมื่อคืนก็แล้วกัน”
“ไม่ต้องเลี้ยงข้าวหรอกไอ้ตะวัน กูไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อย แต่ถ้ามึงอยากกินข้าวเที่ยงกับกูอีกสักมื้อกูก็ไม่มีปัญหา”
“แน่นอนเพื่อน มึงเลือกเลยว่าอยากกินอะไรเที่ยงนี้”
กล้าตะวันหัวเราะ ก่อนจะล้วงมือหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูหน้าจอ
“ทำไมไม่รับสายวะไอ้ตะวัน”
ขุนเขาถามขึ้น เมื่อเห็นเพื่อนไม่สนใจจะรับโทรศัพท์ที่ดังขึ้น
กล้าตะวันถอนใจออกมาแรงๆ สีหน้าเต็มไปด้วยความเบื่อหน่าย
“กูไม่อยากคุยกับเด็กประสาทว่ะ”
“เด็กประสาท? อย่าบอกนะว่าน้องหวันคนดีของมึงโทรมา”
“ก็เออน่ะสิ”
กล้าตะวันแสดงสีหน้าสยองขวัญ ก่อนจะส่ายหัวดิก
“เมื่อไหร่เด็กบ้านี่จะเลิกจองเวรจองกรรมกูสักทีก็ไม่รู้”
เพราะเป็นเพื่อนสนิทกันมาก ทำให้ขุนเขาพอจะรู้เรื่องของหวันยิหวาพอสมควร
“มึงก็ทำให้ความตั้งใจของน้องหวันสำเร็จสิวะ แล้วเวรกรรมของมึงก็คงจะหมดแหละ” ขุนเขาอดขบขันไม่ได้
“มึงอย่าทำมาหัวเราะเยาะกูเลย เดี๋ยวมึงเจอกับตัวแล้วมึงจะซาบซึ้งใจ”
“แต่น้องหวันเขารักเขาชอบมึงจริงๆ นี่นา ทำไมมึงถึงไม่รักตอบล่ะวะ”
“ไอ้ขุน มึงเอาไหมล่ะ กูยกให้”
“กูจะเอาได้ยังไง น้องหวันเขารักมึงคนเดียว เขาไม่มองใครเลยนี่หว่า”
ขุนเขาขบขัน แต่กล้าตะวันกลับหงุดหงิดเบื่อหน่ายเหลือเกิน ยิ่งเขาไม่รับสาย หวันยิหวาก็ยิ่งโทรขยี้ไม่ยอมหยุด
“กูว่าเด็กนี่ไม่ได้รักกูจริงๆ หรอก คงแค่ต้องการเอาชนะกูเฉยๆ แหละ” กล้าตะวันพูดขึ้นอย่างปวดประสาท
“ยิ่งมึงไม่รับสาย น้องหวันก็ยิ่งไม่หยุดโทร รับๆ ไปเถอะมึง เชื่อกู”
กล้าตะวันถอนใจเฮือกๆ อย่างเบื่อหน่าย แต่ก็ทำตามคำแนะนำของเพื่อน
“พี่ไม่รับก็คือไม่ว่าง ทำไมไม่รู้จักมารยาทบ้างเลยฮึ หวันยิหวา!”
ทันทีที่กดรับเขาก็ตะคอกไปตามสายอย่างหมดความอดทน
“ก็หวันคิดถึงพี่ตะวันนี่คะ ไปหาที่บ้านไม่เจอก็เลยโทรหา”
“จะคิดถึงทำไม เราไม่ได้เป็นอะไรกัน อย่าหน้าด้านหน้าทนนักเลย”
“อีกเดี๋ยวก็เป็นค่ะพี่ตะวัน”
กล้าตะวันกำมือแน่นอย่างหมั่นไส้กับความกวนบาทาของเด็กสาวปลายสาย
พูดดีก็แล้ว พูดหยาบคายด้วยก็แล้ว แต่ไม่มีวี่แววว่าจะสลัดเด็กประสาทคนนี้ออกไปจากชีวิตได้เลย แถมครอบครัวของเขาก็ยังเอ็นดูเจ้าหล่อนราวกับถูกมนต์ดำอีก
“ฝันไปเถอะ”
“ฝันจะเป็นจริงในไม่ช้าค่ะพี่ตะวัน” เด็กสาวหัวเราะคิกคักสนุกสนาน
“เด็กประสาท!”
กล้าตะวันสบถออกมาอย่างโมโห ก่อนจะวางสายสนทนาทันที
ขุนเขามองใบหน้าหล่อเหลาของกล้าตะวันที่ตอนนี้กำลังแดงก่ำเพราะฤทธิ์โมโหอย่างอดขบขันไม่ได้
“กูว่ามึงหนีน้องหวันไม่รอดแล้วล่ะว่ะ ยอมๆ เสียตัวไปเถอะไอ้ตะวัน”
“ไม่มีทาง กูไม่อยากประสาทแดกตายก่อนแก่ว่ะ”
“แต่กูดูทรงแล้ว มึงกับน้องหวันน่าจะเนื้อคู่กัน”
“ไอ้ขุน มึงหุบปากเลย” กล้าตะวันโกรธจริงจัง ขุนเขาหัวเราะ
“เออๆ กูล้อเล่น มึงก็ของขึ้นง่ายเสมอเลยนะ เวลากูแซวเรื่องน้องหวันน่ะ”
“นั่นเพราะกูเกลียดขี้หน้าเด็กคนนี้ยังไงล่ะ ทั้งเกลียดทั้งหมั่นไส้”
กล้าตะวันยกแก้วกาแฟขึ้นดื่ม ใบหน้าหล่อเหลาหงิกงอ เพราะความกวนบาทาของหวันยิกวายังคงก่อกวนหัวใจ
“เดี๋ยวน้องหวันโตกว่านี้ คงจะเลิกคลั่งรักมึงไปคลั่งผู้ชายอื่นแทน มึงก็ใจร่มๆ เถอะ”
“สาธุ ขอให้วันนั้นมาถึงเร็วๆ เถอะ นี่กูจะประสาทแดกตายอยู่แล้ว”