ตอนที่ 6

1091 Words
ฟางข้าวสะดุ้งตื่นขึ้นมาในตอนสายๆ ดวงตากลมโตกวาดมองไปรอบๆ ห้อง ความแปลกตาทำให้หล่อนตกใจ และผุดลุกขึ้นนั่ง สมรศรีที่นอนหลับเหยียดยาวอยู่บนโซฟาสะดุ้งตื่นเช่นกัน “ฟื้นแล้วเหรอนังฟา”" ฟางข้าวเห็นสมรศรีก็ยิ้มออกมาอย่างดีใจ “พี่ศรี... ทำไมมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะคะ” “ฉันก็มาเฝ้าหล่อนน่ะสิยะ” “แล้ว... ที่นี่มันเหมือนกับ...” ฟางข้าวยังพูดไม่จบ สมรศรีก็แทรกขึ้นเสียก่อน “โรงพยาบาลไงล่ะ” สมรศรีลุกขึ้นจากโซฟา และเดินมาหยุดที่เตียงคนไข้ “ลองคิดดูดีๆ สิว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นบ้าง” ฟางข้าวพยายามคิดทบทวนเรื่องเมื่อคืน คิดอยู่เป็นนาที ก่อนจะยกมือขึ้นปิดปาก สีหน้าเต็มไปด้วยความตกใจ “ฟาง... ฟางดื่มน้ำเข้าไป แล้วก็... ง่วงนอนมากเลยพี่ศรี” สีหน้าของฟางข้าวเต็มไปด้วยความหวาดกลัว จนสมรศรีต้องเข้ามากอดเอาไว้ “แล้ว... ก็มีผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้มาดึงให้ฟางออกไปด้วย ฟางพยายามขัดขืน แต่ฟาง... ฟางไม่มีแรงเลยพี่ศรี...” “ไม่ต้องร้องไห้นะฟาง แกปลอดภัยดีทุกอย่าง มีคนช่วยแกเอาไว้ และพามาส่งโรงพยาบาล” สมรศรีปลอบใจด้วยเสียงอ่อนโยน “หมอบอกว่าแกถูกวางยานอนหลับปริมาณมาก โชคดีแค่ไหนแล้วที่รอดมาได้” น้ำตาของฟางข้าวไหลไม่หยุด ขอบคุณความโชคดีของตัวเอง และผู้ชายคนนั้น “ถ้าไม่ได้ผู้ชายคนนั้น... ฟางก็คง...” น้ำเสียงเจือสะอื้นของฟางข้าวขาดหายไป “ไม่เป็นไรแล้วนะ... แกรอดมาได้แล้ว ตอนนี้สิ่งที่แกต้องคิดก็คือ... ใครวางยาในน้ำของแก” ฟางข้าวนั่งนิ่ง และพยายามนึกย้อนกลับไปถึงเรื่องเมื่อคืน หล่อนกำลังทำหน้าที่เสิร์ฟเครื่องดื่มอยู่ หัวหน้าก็ยกแก้วน้ำมายื่นให้ และบอกให้ดื่ม “หัว... หัวหน้าเอาน้ำมาให้ฟางดื่มจ้ะพี่ศรี แล้วจากนั้น... ฟางก็รู้สึกง่วงมาก...” สีหน้าของฟางข้าวเต็มไปด้วยความตกใจ เพราะไม่คิดว่าหัวหน้าจะเป็นคนร้ายกาจแบบนี้ “ว่าแล้วเชียว ทำไมเมื่อคืนหัวหน้าถึงไล่ให้พี่กลับบ้านก่อน” “หัวหน้าบอกฟางว่า พี่ศรีปวดท้อง” “พี่ปวดท้องที่ไหนกันล่ะ ไอ้หัวหน้าเหี้ยนั่นมันบอกให้พี่ลาพักร้อนได้ ให้กลับบ้าน โดยไม่หักเงินด้วยนะ พี่จะอยู่บอกฟางก่อน มันก็รีบไล่ให้กลับ ที่แท้มันมีแผนชั่วๆ นี่เอง เราต้องไปแจ้งตำรวจนะฟาง” สมรศรีแค้นเคืองหัวหน้ามาก “แต่เราจะสู้เขาได้เหรอพี่ศรี แถมเรายังต้องทำงานที่นั่นต่ออีก แล้วพี่ศรีก็อาจจะต้องเดือดร้อนเพราะเรื่องนี้ไปด้วย” “พี่ไม่กลัวหรอก พวกเราไปหางานใหม่ก็ได้ แต่มันควรเข้าคุก” “ฟางคิดว่า หัวหน้าไม่มีวันยอมรับหรอกว่าทำอะไรกับฟาง...” คำพูดประโยคนี้ของฟางข้าวทำให้สมรศรีอึ้งไป ก่อนจะถอนใจออกมา “จริงด้วย มันไม่ยอมรับแน่ๆ แล้วคนในนั้นก็ไม่มีทางยอมเป็นพยานให้แกหรอก” ฟางข้าวยกมือขึ้นป้ายน้ำตาจากสองแก้ม ก่อนจะพูดอย่างตัดใจ “ครั้งนี้ฟางจะปล่อยผ่านไป แต่ถ้ามีครั้งหน้าฟางจะสู้ให้ถึงที่สุด” “ฉันกลัวว่าแกจะเสียท่าพวกมันเสียก่อนน่ะสินังฟางเอ๋ย” “ฟางจะพยายามหางานใหม่ให้เร็วที่สุด ถ้าได้งานแล้ว ฟางจะลาออกจากที่นั่นทันที” สมรศรีถอนใจออกมาแรงๆ มองฟางข้าวด้วยความเป็นห่วง “พี่ว่าลาออกเลยเถอะ อย่ากลับไปที่นั่นอีกเลย ดีไม่ดี คราวหน้ามันอาจจะใช้กำลังฉุดฟางเลยก็ได้ แล้วอาจจะไม่โชคดีแบบครั้งนี้นะนังฟาง” ฟางข้าวนั่งเงียบไป แต่หล่อนไม่มีทางเลือกอื่น ในเมื่อเงินยังคงจำเป็นกับหล่อน “ฟางต้องการเงินพี่ศรี” สมรศรีพ่นลมออกจากปากอย่างอ่อนใจระคนเข้าใจในความจำเป็นของฟางข้าว “งั้นเอาอย่างนี้ พี่จะอยู่ใกล้ๆ กับแกตลอดเวลา จะมองไม่ให้คาดสายตาเลย” “ขอบคุณมากค่ะพี่ศรี...” ฟางข้าวยกมือไหว้สมรศรีด้วยความซาบซึ้งใจ ตอนนี้สมรศรีคือเพื่อนคนเดียวที่หล่อนสามารถไว้วางใจได้ “งั้นเดี๋ยวรอหมอเข้ามาตรวจก่อนนะ แล้วจะได้ทำเรื่องกลับบ้านกัน” “จ้ะพี่ศรี” แม้จะพยายามปาดน้ำตาทิ้งหลายครั้ง แต่น้ำใสๆ ก็ยังคงไหลรินออกมาไม่ยอมหยุด หล่อนพยายามทำดี คิดดี แต่โชคชะตากลับคอยทำร้ายเสมอ เมื่อไรนะ เมื่อไรกัน ชีวิตของหล่อนถึงจะพานพบกับความสุขสักที “งั้นเดี๋ยวฉันมานะนังฟาง ขอออกไปเซเว่นก่อน แกจะเอาอะไรไหม” “ไม่จ้ะ ขอบคุณมากพี่ศรี” ทันทีที่แผ่นหลังของสมรศรีหายออกไปกับบานประตู เสียงโทรศัพท์มือถือของฟางข้าวก็ดังกังวานขึ้น หล่อนต้องรีบลงจากเตียง และเข็นเสาน้ำเกลือไปหยิบโทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะใกล้ๆ กับโซฟาตัวยาว เบอร์ที่หน้าจอ ทำให้หล่อนต้องรีบกดรับสายด้วยความร้อนรน “ต้น... มีอะไรหรือเปล่า” สายโทรศัพท์จากต้นน้ำ น้องชายเพียงคนเดียวของหล่อนนั่นเอง “พี่ฟาง... เงินล่ะ ได้เงินหรือยังพี่” “ยังเลยต้น... พี่ขอเวลาอีกสักอาทิตย์ได้ไหม พี่กำลังยื่นเรื่องกู้อยู่” “แต่ผม... ต้องใช้วันนี้พี่ฟาง... ไม่อย่างนั้นพวกมันเอาผมตายแน่” เสียงสั่นเทาของน้องชายที่ดังมาตามสาย ทำให้ฟางข้าวใจคอไม่ดีเลย “ต้น... ต้นหนีขึ้นมาหาพี่ที่กรุงเทพฯ ก่อนได้ไหม หลบมาอยู่กับพี่สักพัก แล้วเราช่วยกันหาเงินไปใช้หนี้ให้พวกนั้น...” “ผมไปไหนไม่ได้พี่ฟาง... พวกมันมาแล้ว ผม... ผมต้องตายแน่ๆ พี่ฟาง...” ตู๊ดๆๆๆๆ สายสนทนาถูกตัดไปทันที “ต้น... ต้นน้ำ... ต้น...!” ฟางข้าวตะโกนเรียกน้องชายไปตามสาย แต่ก็ไม่มีเสียงตอบกลับมา หล่อนใจคอไม่ดีเลย เป็นห่วงน้องชายจับใจ รีบกดโทรกลับไป แต่สายปลายทางกลับไม่มีคนรับสาย “ต้น...” ฟางข้าวร้องไห้โฮออกมา หล่อนเป็นห่วงน้องชายเหลือเกิน แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไงดี ไม่รู้จะช่วยยังไงดี
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD