ช่วยด้วย...
แววตาของหล่อนบอกให้เขาเข้าใจแบบนั้น
“ไป กลับบ้านได้แล้ว บอกแล้วว่าอย่าดื่มเยอะ”
เขาเห็นผู้หญิงที่จะหลับอยู่ร่อมรอพยายามขืนตัวเอาไว้ แต่ก็สู้แรงของคนที่ประคองร่างของหล่อนไม่ได้
กล้าตะวันยืนมองนิ่ง เขาควรจะปล่อยผ่านไป และเข้าไปหาเพื่อนที่รออยู่ แต่สัญชาตญาณบางอย่างของเขา ทำให้เขาปล่อยผ่านไปไม่ได้
“หยุดก่อนครับ”
เขาตะโกนตามหลังไป และรีบเดินเข้าไปหา ผู้ชายที่ประคองผู้หญิงอยู่หันกลับมา และตวาดเขาด้วยเสียงไม่พอใจ
“อะไรล่ะครับ ผมจะรีบพาเมียกลับบ้าน”
“ฉัน... ไม่ใช่...”
ฟางข้าวพยายามจะโต้แย้ง แต่อ่อนแรงเกินกว่าจะพูดได้ครบทั้งประโยค หล่อนทำได้แค่เพียงฝืนตาขึ้นและมองวิงวอนให้ผู้ชายแปลกหน้าช่วยเหลือ
หวังว่าเขาจะเข้าใจความหมายของหล่อน...
“รถของผมเสียหาย ผมต้องการให้คุณชดใช้”
“อะไรกันคุ๊ณ รถคุณไม่ได้ชนเมียผมสักหน่อย อย่ามาขูดรีดผมดีกว่า”
“งั้นก็จ่ายค่าตกใจให้ผมมา”
“กูไม่มีหรอก หลีกไป”
ผู้ชายตรงหน้าแสดงความหงุดหงิดหัวเสียออกมา
กล้าตะวันระบายยิ้ม เขายกโทรศัพท์มือถือขึ้นมา และกดโทรออก
“สวัสดีครับคุณตำรวจ ผมจะแจ้งความครับ”
“เฮ้ย! ไอ้ระยำ มึงจะแจ้งตำรวจทำไม”
ผู้ชายที่หิ้วผู้หญิงอยู่ตะโกนลั่น สติแตก ก่อนจะรีบปล่อยร่างของฟางข้าว และวิ่งหนีหน้าตาตื่นจากไป
กล้าตะวันรีบเข้าไปประคองร่างอ่อนแรงของฟางข้าวเอาไว้
“ขอบ... คุณ... ค่ะ...”
แล้วฟางข้าวก็ไม่สามารถต้านทานฤทธิ์ของยานอนหลับได้อีก หล่อนหลับใหลไปในที่สุด
“คุณ... คุณครับ...”
กล้าตะวันพยายามเรียก แต่หญิงสาวไม่ได้สติอีกแล้ว ชายหนุ่มจึงต้องอุ้มไปขึ้นรถ และตัดสินใจพาไปโรงพยาบาล
ระหว่างทางที่กำลังขับไปโรงพยาบาล เขาก็โทรบอกให้ขุนเขารู้ว่าเขาอาจจะไปถึงตอนไนต์คลับเลิกพอดี
“พอดีเกิดเรื่องขึ้นน่ะ ไอ้ขุน กูคงไปสายมากๆ เลยล่ะ อาจจะถึงไนต์คลับตอนปิดพอดี”
“ไหนมึงบอกว่าจะถึงแล้วไงไอ้ตะวัน”
“พอดีกูช่วยผู้หญิงคนหนึ่งไว้น่ะ ตอนนี้กำลังจะพาไปโรงพยาบาล มึงกลับโรงแรมก่อนเลย เดี๋ยวพรุ่งนี้กูแวะไปหาที่โรงแรมก่อนมึงบินกลับก็แล้วกัน ขอโทษทีว่ะเพื่อน แต่มันเหตุสุดวิสัยจริงๆ”
“โอเค งั้นเจอกันพรุ่งนี้เช้า ก่อนกูกลับชุมพร” ขุนเขาเองก็ไม่มีกระจิตกระใจจะรอเพื่อนต่ออีกเช่นกัน
“โอเค ขอโทษอีกครั้งว่ะไอ้ขุน”
“ไม่เป็นไร มึงเคลียร์เรื่องของมึงเถอะ”
“ขอบใจว่ะไอ้ขุน แค่นี้นะ ไฟเขียวแล้ว”
“อืม ไว้เจอกัน”
กล้าตะวันวางสายไปเรียบร้อยแล้ว ในขณะที่ขุนเขายังคงนั่งดื่มเหล้าอยู่ที่เดิม และสั่งเหล้ามาเพิ่มอีกหลายแล้ว
ความรู้สึกผิดหวังยังคงเกาะกินอยู่ภายในหัวใจเหมือนกาวเหนียวที่แกะเท่าไรก็แกะไม่ออก
เขาเกลียดผู้หญิงคนนั้นจริงๆ เกลียดที่สุดในโลกเลย!
สมรศรีวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาในโรงพยาบาลยามค่ำคืน หลังจากได้รับสายจากชายปริศนาที่ใช้เบอร์มือถือของฟางข้าวโทรเข้ามาหา
‘คุณรู้จักกับเจ้าของเบอร์นี้ไหมครับ’
‘ใช่ ฉันรู้จัก ฉันเป็นเพื่อนกับฟางข้าว แล้วคุณเป็นใคร เอาเบอร์ของเพื่อนฉันโทรมาได้ยังไง หรือว่าคุณทำร้ายเธอ!’
‘ผมไม่ได้ทำร้ายเธอ แต่ตอนนี้เธออยู่โรงพยาบาลครับ คุณสะดวกจะมาหาเธอไหมครับ’
‘เพื่อนฉัน... เป็นอะไร ฟางข้าวเป็นอะไรคะ?!’
‘เพื่อนคุณไม่ได้เป็นอะไรมาก แต่ไม่ได้สติ อาจจะถูกวางยามา’
‘ได้ๆ ฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้แหละ’
และนี่ก็คือบทสนทนาของหล่อนกับผู้ชายเจ้าของเสียงหล่อเข้มคุยกัน
“คุณสมรศรีใช่ไหมครับ”
“ใช่ค่ะ ฟาง... นังฟางมันเป็นยังไงบ้างคะ แล้วมันอยู่ไหน” สมรศรีละล่ำละลักถามออกไปด้วยความเป็นห่วงเพื่อน
“เพื่อนของคุณปลอดภัยแล้ว แต่น่าจะหลับอีกสักพัก เพราะเธอถูกวางยานอนหลับมา”
“ถูกวางยาเหรอคะ? ใครมันทำเนี้ย” สมรศรีอุทานอย่างตกใจ
“น่าจะเป็นผู้ชายที่หิ้วเพื่อนของคุณออกมาจากไนต์คลับ”
คิ้วของสมรศรีขมวดมุ่นด้วยความประหลาดใจ
“ผู้ชาย? ผู้ชายที่ไหนคะ เพื่อนฉันไม่ได้คบหากับใคร แล้วเวลานี้เพื่อนฉันก็ต้องทำงานเสิร์ฟอยู่ในไนต์คลับสิ ทำไมถูกหิ้วออกมาได้”
“ผมก็ไม่รู้ครับ แต่เพื่อนคุณโชคยังดีที่รอดมาได้”
สมรศรียกมือขึ้นไหว้ผู้ชายที่มีใบหน้าหล่อเหลาเบื้องหน้า
“ยังไงฉันก็ต้องขอบคุณคุณมากเลยนะคะที่ช่วยนังฟางมัน เพราะถ้าคุณไม่ช่วยเอาไว้ ฉันไม่อยากคิดเลยว่านังฟางมันจะเป็นยังไง...” สีหน้าของสมรศรีเต็มไปด้วยความสงสารเพื่อน
“ไม่ต้องขอบคุณผมหรอกครับ ผมแค่ทำในสิ่งที่ควรทำ”
“นั่นแหละค่ะ ยังไงก็ต้องขอบคุณคุณอยู่ดี”
“ผมว่าทางที่ดี คุณควรเตือนเพื่อนของคุณให้ระวังตัวให้มากกว่านี้ เพราะในที่อโคจรแบบนั้น อะไรก็เกิดขึ้นได้เสมอ และเหตุการณ์แบบวันนี้อาจจะเกิดซ้ำขึ้นอีกก็ได้”
“นังฟางมันก็ระวังตัวมาตลอดเลยนะคะ แต่ก็พลาดเข้าจนได้ ยังไงขอบคุณคุณอีกครั้งค่ะ”
สมรศรีกล่าวขอบคุณกล้าตะวันอีกครั้ง ก่อนจะรีบเดินเข้าไปในห้องฉุกเฉิน เมื่อพยาบาลออกมาถามหาญาติของฟางข้าว
“คุณเข้าไปดูเพื่อนเถอะครับ ผมคงต้องกลับแล้ว ขอให้คุณสองคนโชคดี”
“คุณชื่ออะไรเหรอคะ เดี๋ยวนังฟางมันตื่นขึ้นมา ฉันจะได้บอกว่าคนที่ช่วยมันเอาไว้ชื่ออะไร”
กล้าตะวันระบายยิ้มอ่อนโยน “ผมชื่อกล้าตะวันครับ”