บทที่4

830 Words
พอไม่ค่อยได้เจอเพื่อนปาริมาก็รู้สึกเหงาใจไม่น้อยจึงต่อสายหารุจิรัตน์และไปรยาเพื่อพูดคุยอัพเดตชีวิตช่วงที่ไม่ค่อยได้เจอกันสักเท่าไรเพราะต่างฝ่ายต่างต้องไปฝึกงาน “สบายดีไหมยัยตาหวาน” ปาริมาเอ่ยถามเพื่อนสาวเสียงใส เธอคิดถึงเสียงของเพื่อนๆจะแย่ “สบายดีสิที่บริษัทน่ะพี่ๆเกรงใจฉันมากเลย ว่าแต่แกสองคนล่ะสบายดีไหม” “ฮ่าๆก็แกเป็นลูกเจ้าของบริษัทนี่หน่าไม่แปลกหรอกที่พวกพี่ๆเขาจะเกรงใจ ฉันสบายดียัยข้าวล่ะ” “ฉันก็สบายดีเหมือนกันถึงแม้ที่นี่งานจะเยอะอ่ะนะ” “ฉันบอกแกแล้วให้มาสมัครบริษัทที่บ้านฉันแกก็ไม่ยอม ว่าแต่แกเจอพี่ต่อบ้างไหมล่ะ” รุจิรัตน์เคยชวนปาริมาแล้วแต่เพื่อนสาวบอกว่าบริษัทนั้นรับเธอเข้าฝึกงานเสียแล้วจึงไม่กล้าปฎิเสธ “จะเจอได้ไงล่ะแกพี่ต่อของแกเขาเป็นผู้บริหารนะส่วนฉันเป็นแค่เด็กฝึกงานตัวเล็กๆ” “อืมก็จริงเนาะ สู้ฉันก็ไม่ได้ถึงแม้จะไม่ได้อยู่บริษัทเดียวกันกับพี่ต่อแต่แทบจะเจอกันทุกวันเลยเพราะคุณพ่อชวนพี่ต่อมาทานข้าวด้วยกันที่บ้าน” “ดีแล้วล่ะแก พวกเราต้องลองห่างกันบ้างไงแกไม่ใช่อยู่ด้วยกันตลอด” “ก็จริงมันทำให้ฉันได้พบเจอเพื่อนๆใหม่ๆหลายคนเลย” “จริง มันทำให้เราเติบโตขึ้นเยอะเลย จริงสิยัยข้าวแม่ฉันบอกว่าให้ชวนแกมาทานข้าวที่บ้านวันเสาร์นี้” “ได้สิฉันกำลังคิดถึงป้าขวัญอยู่พอดีเลย” “แกสะดวกมานะฉันจะได้บอกคุณแม่” “สะดวกๆ เดี๋ยวฉันไปหาแกกับคุณป้าเอง” “โอเค” ณ บ้านขวัญตา “คิดถึงคุณป้าจังเลยค่ะ” “ป้าก็คิดถึงหนูมากๆจ้ะ ไปฝึกงานเป็นยังไงบ้างลูกหนักไหม” “จะหนักก็แค่ช่วงแรกค่ะเพราะว่าข้าวยังปรับตัวไม่ได้ค่ะคุณป้า” “ส่วนตอนนี้ล่ะลูกหนูข้าวปรับตัวได้แล้วหรือยัง” “ได้แล้วค่ะคุณป้าข้าวเรียนรู้งานได้เยอะเลยค่ะ” “ดีแล้วล่ะจ้ะว่าแต่พอของหนูสบายดีไหมลูก” “คุณพ่อสบายดีค่ะแต่เพราะงานที่นู้นเยอะคุณพ่อเลยต้องอยู่คุมเอง” “พ่อเขาก็ทำเพื่อหนูทั้งนั้นแหละลูก อดทนเอาไว้หน่อยอีกหน่อยก็จะได้ขยายสาขามาที่ไทยบ้าง” “ค่ะข้าวก็คิดแบบนั้นเหมือนกันเลยค่ะ” “ทานปลาไหมลูกปลาตักให้” “โถว่คุณแม่ขายัยข้าวน่ะโตแล้วนะคะ ยัยข้าวตักทานเองได้ค่ะ” “ก็แล้วทำไมลูกยังร้องไห้แม่ตักให้อยู่เลยล่ะลูกในเมื่อลูกก้อายุเท่ากับหนูข้าว” “คิกๆ” ปาริมาอดจะขำออกมาไม่ได้ “ไม่มีเหตุผลค่ะคงเป็นเพราะคุณแม่เป็นแม่หนูไงคะคุณแม่เลยยังคงต้องตักให้หนูทาน” “มั่วนิ่มจริงๆเลยยัยขิง” “เดี๋ยวเถอะยัยข้าว!” “เอาล่ะๆเป็นญาติกันไม่ทะเลาะกันสิลูก” “ก็ยัยขิงเริ่มก่อนนี่คะ” “พอจ้ะพอทานอาหารกันเถอะ” หลังมื้ออาหารจบลงเธอก็กลับไปยังคอนโดส่วนตัวของตน แต่แล้วก็ต้องตกใจเพราะข้าวของภายในคอนโดต่างถูกรื้อค้นกระจัดกระจายไปทั่ว เธอไม่รู้ว่าของมีค่าที่มีจะหายไปหรือไม่ “ตายแล้วฉันโดนโจรขึ้นคอนโดหรอเนี่ย ตำรวจ ฉันต้องแจ้งตำรวจ” หญิงสาวพูดออกไปเสียงดัง ทำให้คนที่อยู่ข้างในห้องได้ยินเสียงว่าหญิงสาวกลับมาแล้ว “พี่เองไม่ใช่โจร” ธนพลรีบบอกกลัวเธอจะตื่นตระหนกไปมากกว่านี้ “พี่ต่อ!” เธอเรียกชื่อเขาเสียงดังไม่คิดว่าเขาจะมารื้อค้นข้าวของแบบนี้ เธอจะได้มีโอกาสพบเขาก็ต่อเมื่อเขาอยากพบเธอสินะ “พี่ต่อมารื้อข้าวของของข้าวทำไมคะ” เธอสงสัยว่าเขาทำแบบนั้นไปทำไม “มาเก็บของ” “เก็บของอะไรกันคะข้าวไม่เข้าใจ” เขาจะมาเก็บของอะไรกันในเมื่อทุกอย่างมันคือข้าวของของเธอ “พี่จะให้ข้าวย้ายไปอยู่ที่คอนโดกับพี่” “อะไรนะคะ” “ได้ยินไม่ผิดหรอก มารีบเก็บของสิพี่ไม่รู้ว่าข้าวจะเอาอะไรไปบ้างแล้วก็อย่าคิดปฎิเสธล่ะเพราะว่าข้าวไม่มีสิทธิ์ที่จะปฎิเสธพี่” “ค่ะ เดี๋ยวข้าวจะจัดการเอง” หญิงสาวใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงก็เก็บสิ่งของจำเป็นในชีวิตประจำวันของเธอลงกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ “เรียบร้อยแล้วใช่ไหมไปเถอะพี่เสียเวลามานานแล้ว” “ค่ะ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD