พอไม่ค่อยได้เจอเพื่อนปาริมาก็รู้สึกเหงาใจไม่น้อยจึงต่อสายหารุจิรัตน์และไปรยาเพื่อพูดคุยอัพเดตชีวิตช่วงที่ไม่ค่อยได้เจอกันสักเท่าไรเพราะต่างฝ่ายต่างต้องไปฝึกงาน
“สบายดีไหมยัยตาหวาน” ปาริมาเอ่ยถามเพื่อนสาวเสียงใส เธอคิดถึงเสียงของเพื่อนๆจะแย่
“สบายดีสิที่บริษัทน่ะพี่ๆเกรงใจฉันมากเลย ว่าแต่แกสองคนล่ะสบายดีไหม”
“ฮ่าๆก็แกเป็นลูกเจ้าของบริษัทนี่หน่าไม่แปลกหรอกที่พวกพี่ๆเขาจะเกรงใจ ฉันสบายดียัยข้าวล่ะ”
“ฉันก็สบายดีเหมือนกันถึงแม้ที่นี่งานจะเยอะอ่ะนะ”
“ฉันบอกแกแล้วให้มาสมัครบริษัทที่บ้านฉันแกก็ไม่ยอม ว่าแต่แกเจอพี่ต่อบ้างไหมล่ะ” รุจิรัตน์เคยชวนปาริมาแล้วแต่เพื่อนสาวบอกว่าบริษัทนั้นรับเธอเข้าฝึกงานเสียแล้วจึงไม่กล้าปฎิเสธ
“จะเจอได้ไงล่ะแกพี่ต่อของแกเขาเป็นผู้บริหารนะส่วนฉันเป็นแค่เด็กฝึกงานตัวเล็กๆ”
“อืมก็จริงเนาะ สู้ฉันก็ไม่ได้ถึงแม้จะไม่ได้อยู่บริษัทเดียวกันกับพี่ต่อแต่แทบจะเจอกันทุกวันเลยเพราะคุณพ่อชวนพี่ต่อมาทานข้าวด้วยกันที่บ้าน”
“ดีแล้วล่ะแก พวกเราต้องลองห่างกันบ้างไงแกไม่ใช่อยู่ด้วยกันตลอด”
“ก็จริงมันทำให้ฉันได้พบเจอเพื่อนๆใหม่ๆหลายคนเลย”
“จริง มันทำให้เราเติบโตขึ้นเยอะเลย จริงสิยัยข้าวแม่ฉันบอกว่าให้ชวนแกมาทานข้าวที่บ้านวันเสาร์นี้”
“ได้สิฉันกำลังคิดถึงป้าขวัญอยู่พอดีเลย”
“แกสะดวกมานะฉันจะได้บอกคุณแม่”
“สะดวกๆ เดี๋ยวฉันไปหาแกกับคุณป้าเอง”
“โอเค”
ณ บ้านขวัญตา
“คิดถึงคุณป้าจังเลยค่ะ”
“ป้าก็คิดถึงหนูมากๆจ้ะ ไปฝึกงานเป็นยังไงบ้างลูกหนักไหม”
“จะหนักก็แค่ช่วงแรกค่ะเพราะว่าข้าวยังปรับตัวไม่ได้ค่ะคุณป้า”
“ส่วนตอนนี้ล่ะลูกหนูข้าวปรับตัวได้แล้วหรือยัง”
“ได้แล้วค่ะคุณป้าข้าวเรียนรู้งานได้เยอะเลยค่ะ”
“ดีแล้วล่ะจ้ะว่าแต่พอของหนูสบายดีไหมลูก”
“คุณพ่อสบายดีค่ะแต่เพราะงานที่นู้นเยอะคุณพ่อเลยต้องอยู่คุมเอง”
“พ่อเขาก็ทำเพื่อหนูทั้งนั้นแหละลูก อดทนเอาไว้หน่อยอีกหน่อยก็จะได้ขยายสาขามาที่ไทยบ้าง”
“ค่ะข้าวก็คิดแบบนั้นเหมือนกันเลยค่ะ”
“ทานปลาไหมลูกปลาตักให้”
“โถว่คุณแม่ขายัยข้าวน่ะโตแล้วนะคะ ยัยข้าวตักทานเองได้ค่ะ”
“ก็แล้วทำไมลูกยังร้องไห้แม่ตักให้อยู่เลยล่ะลูกในเมื่อลูกก้อายุเท่ากับหนูข้าว”
“คิกๆ” ปาริมาอดจะขำออกมาไม่ได้
“ไม่มีเหตุผลค่ะคงเป็นเพราะคุณแม่เป็นแม่หนูไงคะคุณแม่เลยยังคงต้องตักให้หนูทาน”
“มั่วนิ่มจริงๆเลยยัยขิง”
“เดี๋ยวเถอะยัยข้าว!”
“เอาล่ะๆเป็นญาติกันไม่ทะเลาะกันสิลูก”
“ก็ยัยขิงเริ่มก่อนนี่คะ”
“พอจ้ะพอทานอาหารกันเถอะ” หลังมื้ออาหารจบลงเธอก็กลับไปยังคอนโดส่วนตัวของตน แต่แล้วก็ต้องตกใจเพราะข้าวของภายในคอนโดต่างถูกรื้อค้นกระจัดกระจายไปทั่ว เธอไม่รู้ว่าของมีค่าที่มีจะหายไปหรือไม่
“ตายแล้วฉันโดนโจรขึ้นคอนโดหรอเนี่ย ตำรวจ ฉันต้องแจ้งตำรวจ” หญิงสาวพูดออกไปเสียงดัง ทำให้คนที่อยู่ข้างในห้องได้ยินเสียงว่าหญิงสาวกลับมาแล้ว
“พี่เองไม่ใช่โจร” ธนพลรีบบอกกลัวเธอจะตื่นตระหนกไปมากกว่านี้
“พี่ต่อ!” เธอเรียกชื่อเขาเสียงดังไม่คิดว่าเขาจะมารื้อค้นข้าวของแบบนี้ เธอจะได้มีโอกาสพบเขาก็ต่อเมื่อเขาอยากพบเธอสินะ
“พี่ต่อมารื้อข้าวของของข้าวทำไมคะ” เธอสงสัยว่าเขาทำแบบนั้นไปทำไม
“มาเก็บของ”
“เก็บของอะไรกันคะข้าวไม่เข้าใจ” เขาจะมาเก็บของอะไรกันในเมื่อทุกอย่างมันคือข้าวของของเธอ
“พี่จะให้ข้าวย้ายไปอยู่ที่คอนโดกับพี่”
“อะไรนะคะ”
“ได้ยินไม่ผิดหรอก มารีบเก็บของสิพี่ไม่รู้ว่าข้าวจะเอาอะไรไปบ้างแล้วก็อย่าคิดปฎิเสธล่ะเพราะว่าข้าวไม่มีสิทธิ์ที่จะปฎิเสธพี่”
“ค่ะ เดี๋ยวข้าวจะจัดการเอง” หญิงสาวใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงก็เก็บสิ่งของจำเป็นในชีวิตประจำวันของเธอลงกระเป๋าเดินทางใบใหญ่
“เรียบร้อยแล้วใช่ไหมไปเถอะพี่เสียเวลามานานแล้ว”
“ค่ะ”