ตอนที่ 8

975 Words
เรนิกาสะอื้นกับแผงอกจนเสื้อเชิ้ตสีดำเปียกชุ่ม มือหนาลูบเรือนผมนุ่มสลวยพลางถอนใจหนักออกมา เขาจะบ้าตายเพราะผู้หญิงที่ชื่อเรนิกาอยู่แล้ว “พี่ขอโทษนะเรน พี่ไม่ได้ตั้งใจ ช่วงนี้งานพี่ยุ่งมาก”เขาพยายามหาข้อแก้ตัว ที่เหมือนว่าจะดูฟังขึ้น เธอเงยหน้าสบตาเขาเมื่อรู้ว่าตนเองอยู่ในสภาพไม่สมควร จึงดันกายออกห่างยกมือปาดน้ำตาออก หลุบตามองต่ำด้วยความอาย นี่เธอ... ทำอะไรลงไป “เรนต่างหากที่ต้องขอโทษพี่ทิวา เรนแค่น้อยใจที่พี่ทิวาทำเหมือนไม่อยากหมั้นกับเรน”บอกความรู้สึกออกไป จริงๆ อยากให้เขาได้รับรู้ ว่าเธอคิดยังไงกันแน่ ก็เขาตั้งท่าเหมือนไม่อยากหมั้นกับเธอจริงๆ “เราไปเลือกแหวนกันใหม่อีกรอบเถอะ”ทิวากรเอ่ยชวน เห็นแววตาทอประกายของอีกฝ่ายส่งมา มือทั้งสองจับกันไว้แล้วพาเดินเข้าร้านด้วยกัน ดวงตาทอประกายรอยยิ้มฉาบทั่วใบหน้า ทิวากรชะงักเมินหนีจากภาพตรงหน้า หัวใจของเขาสั่นไหวเพราะอะไร ทั้งสองจัดการเลือกแหวนหมั้นใหม่อีกครั้ง เรนิกาหยุดยืนอยู่ข้างรถขณะรอเขาเดินมาส่งในตัวบ้าน พาวินีชะเง้อมองเห็นบุตรสาวรีบเดินมาทักทาย ชายหนุ่มรีบยกมือไหว้ พาวินีรีบรับไว้ว่าที่คู่หมั้นบุตรสาวทันที “สวัสดีจ้ะทิวา ขอบใจมากนะที่พายัยเรนมาส่ง” “ยินดีครับ” เขาหันมองว่าที่คู่หมั้นอีกครั้ง แล้วยิ้มให้อย่างอ่อนโยน “เรน... พี่ขอตัวกลับก่อนนะ” “ค่ะ” ชายหนุ่มหันหลังเดินตรงไปที่รถ เรนิกามองตามแผ่นหลังนั้นจนชายหนุ่มนั่งรถขับเคลื่อนออกนอกรั้วบ้าน เธอระบายยิ้มออกมา พาวินีรีบโอบไหล่บุตรสาวพาเข้าด้านใน “เป็นยังไงวันนี้อารมณ์ดีเลยนะลูกสาวแม่”โดนแซวแบบนี้ ใบหน้าเรียวเลยแดงซ่าน แม่ลูกนั่งลงบนโซฟาตัวเดียวกัน “พี่ทิวาเขายอมรับเรนแล้วค่ะแม่” “หมายความว่าไงเหรอลูก” “ตอนแรกพี่ทิวาทำเหมือนไม่อยากหมั้น แต่เรนบอกว่าชอบเขาพี่ทิวาก็เลยชวนเรนไปเลือกแหวน”ออกอาการขัดเขินเล็กน้อย คนเป็นแม่เลยลูบศีรษะบุตรสาวในใจนึกห่วง “เรน... ลูกแน่ใจแล้วเหรอว่าจะหมั้นกับทิวาจริงๆ”ถามย้ำอีกครั้ง “แน่ใจค่ะแม่ เรนชอบพี่ทิวาจริงๆ” “จ้ะ งั้นไปนอนเถอะลูก” เรนิกาสาวเท้าขึ้นชั้นสอง รู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก ต่อไปหวังว่าเธอกับพี่ทิวาจะมีช่วงเวลาดีๆ ด้วยกัน จะพยายามชนะใจเขาให้ได้   ขณะขับรถมือถือของชายหนุ่มดังขึ้น ทิวากรเหลือบมองเบอร์หน้าจอ เขาถอนใจออกมาก่อนเอื้อมกอดรับแล้วเสียบบลูทูชเข้ากับใบหู “ว่าไงมน มีอะไรหรือเปล่า”เขาถามออกไป “ทิวามาพบมนหน่อยได้ไหม มนมีเรื่องอยากจะคุยด้วย”น้ำเสียงเศร้าแผ่วเบาถามกลับมา “ผมไม่ว่างหรอกกำลังจะกลับบ้าน มีเรื่องสำคัญอะไรหรือเปล่า” “มาหามนหน่อยเถอะทิวา มนขอร้องล่ะ...” ทิวากรนิ่งเงียบชั่วครู่ ไม่อยากไปเพราะไม่รู้จะคุยอะไรทมนตราเป็นเพื่อนกับเขามานาน เธอเป็นคนรู้ใจเขามากที่สุด แต่เขาไม่เคยคิดเกินเลยกว่านั้น “อืมได้ เดี๋ยวไปหารอแป๊บนะมน” รถยนต์สีดำเคลื่อนมาจอดในตัวบ้านไม้สองชั้น ชายหนุ่มเปิดประตูลงมาจากรถเห็นเพื่อนสาวยืนกอดอกรออยู่ สองเท้าก้าวเดินเข้าหา มนตรานำเข้าในตัวบ้านแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ไม้สีน้ำตาลขัดมันวางอยู่กลางบ้านด้วยกัน “มีอะไรมน เรียกผมมาหัวค่ำแบบนี้”ถามเสียงเครียด เขาไม่อยากอยู่กับเธอสองต่อสองเช่นนี้ “ทิวากำลังจะหมั้นเหรอ?” ชายหนุ่มชะงักหลุบตามองกาแฟที่มนตรานำมาวางให้ก่อนหน้า สีหน้าหนักใจ “ใช่” “ทำไมถึงหมั้นล่ะ ไหนบอกว่าไม่อยากแต่งงานกันใครอีกแล้วไง” แม้สีหน้าจะเรียบเฉยแต่บอกได้เลยว่าเธอรู้สึกเจ็บปวดจริงๆ “มีความจำเป็นนิดหน่อย”ตอบเลี่ยงอย่างเสียไม่ได้ คนที่เขาไม่อยากให้รับรู้เรื่องนี้คือมนตรา ร่างเพรียวลุกยืนพิงหน้าต่างไม้เหม่อมองแสงจันทร์ด้านนอก ใบหน้ารูปหัวใจเริ่มเศร้าหมอง เรียวแขนถูกยกขึ้นกอดอกจิกเล็บลงมาราวกับต้องการระบายอะไรบางอย่าง “รักผู้หญิงคนนั้นหรือเปล่าทิวา...”น้ำเสียงราบเรียบแฝงไปด้วยความเจ็บปวดถามขึ้นอีกครั้ง “เปล่า ไม่ได้รัก” “แล้ว... ชอบหรือเปล่า ผู้หญิงคนนั้น”คำถามมากมายเริ่มออกมา ทิวากรหรี่ตาลงขบกรามแน่นเหมือนว่าตนเองกำลังกลับไปยืนตรงจุดเดิม คำถาม... ชอบหรือเปล่า ทำไมหัวใจถึงเต้นระรัว ตอบออกไปไม่ได้เลยแค่คำว่าไม่ชอบเหตุใดไม่พูด นี่เขา... กำลังเป็นอะไร หรือว่า... เริ่มจะชอบเข้าแล้ว “ผมไม่รู้หรอกมนว่าชอบเรนหรือเปล่า” ปกติไม่ชอบโกหกพอมาเจอคำถามเลยตอบได้เพียงเท่านี้ เพราะในหัวสมองมันก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน มนตรานิ่งงันเป็นครั้งแรกที่ได้ยินเขาพูดเช่นนี้ สำหรับทิวาแล้วผู้หญิงหน้าไหนก็ไม่มีความสำคัญ คำตอบเคยถามเขาหลายครั้งมักจะออกมาเหมือนเดิม ไม่ชอบ ไม่รัก ไม่สนใจ และไม่ต้องการ แต่คราวนี้มันต่างออกไป “ไม่รู้ว่าชอบหรือเปล่าอย่างนั้นหรือ” อยากจะหัวเราะออกมาจริงๆ “แน่ใจว่าจะหมั้นแล้วเหรอทิวา  เราไม่เห็นด้วยหรอกนะบอกตามตรง ไม่อยากให้ผู้หญิงคนนั้นต้องมาทนทุกข์เพราะทิวา!”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD