เรนิกายังจำได้ดีวันฝนตกหนักใต้ร่มไม้ใหญ่ อ้อมกอดของเขาทั้งอบอุ่น ปลอดภัย จะว่าตลกก็ได้... เธอรู้สึกชอบเขามากตั้งแต่วันนั้น เหมือนไม่เคยได้พบพานผู้ชายคนไหนที่สามารถทำให้ใจเต้นโครมครามเฉกเช่นเขาเลย
“ขอโทษถ้าเรนทำให้พี่ทิวาลำบากใจ เรนไม่ได้ตั้งใจค่ะ”เสียงเครือเอ่ยออกมา สะบัดหน้าหันหลังเดินจ้ำออกไปนอกร้าน อรนลินขมวดคิ้ววิ่งตามเพื่อนด้วยความเป็นห่วง
ทิวากรนิ่งซึมเกิดคำถามมากมายในหัวใจ เขาผิดหรือเปล่า... ไม่ควรเลยจริงๆ เขาไม่ต้องการให้ใครมารักเลย ผู้ชายเฉกเช่นเขาไร้หัวใจไปแล้ว ขออย่าให้หญิงคนไหนมายึดติดกับเขาเลย
“เรน! เรน! เดี๋ยวก่อน!”อรนลินวิ่งตามเพื่อนพร้อมตะโกนเรียกชื่อไปด้วย
เรนิกาหูอื้อไปหมดเส้นทางที่วิ่งพร่ามัวเพราะหยาดน้ำตา จนมองภาพไม่ชัด นึกรังเกียจตัวเองชะมัด เขาไม่สนใจยังจะทำเป็นหญิงใจง่ายตามตื้อเขาอยู่ได้ การกระทำของเธอช่างน่าอับอาย ก่อนหน้ามีผู้ชายเข้ามาพัวพันเธอไม่เคยเสนอตัวต้องการสนิทสนม พอนึกได้รู้สึกหน้าชาที่โดนเขาปฏิเสธมาเช่นนี้
“อุ้ย!”เธอสะดุดล้มลงกองแทบพื้น แล้วร้องออกมา มองหัวเข่าเลือดกำลังไหลซึม
“เป็นอะไรหรือเปล่าเรน!”อรนลินรีบเข้าไปประคอง
“ไม่เป็นไร เราไม่เป็นไรอร”
ดวงตาเรียวคมมองภาพสองสาวผ่านกระจกหน้าต่างในร้าน พสินขบกรามกำมือแน่นหันมองเพื่อนด้วยความไม่เข้าใจ
“ไอ้ทิวาแกมีหัวใจหรือเปล่าวะ!”พสินจ้ำพรวดออกนอกร้านด้วยความเดือดดาลกับท่าทีเมินเฉยของเพื่อน
เพื่อนหนุ่มของทิวากรรีบวิ่งไปหาสองสาวย่อกายนั่งลงดูแผลตรงหัวเข่าสาวน้อยน่ารัก เขารีบช้อนร่างบางไว้ในอ้อมแขนเรนิกาตระหนกตกใจกับการกระทำแบบกะทันหันของเขา
“ปล่อยเรนเถอะค่ะ เรนเดินเองได้!”
“เดี๋ยวพี่ไปส่ง เจ็บขนาดนี้เดินไม่ได้หรอกครับ อีกอย่าง... เผื่อพี่จะทำให้ไอ้ทิวามันหึงเรนได้”พสินแกล้งหยอก คนโดนอุ้มใบหน้าแดงก่ำขึ้นมา
“พี่ทิวาไม่มีทางหึงเรนหรอกค่ะ เพราะพี่ทิวาไม่ชอบเรนเลยสักนิด”
“มันก็ไม่แน่เสมอไปหรอกครับ ไอ้ทิวามันเป็นคนปากแข็ง อีกอย่างมันเป็นพวกเด็กมีปัญหาปมชีวิตมันเยอะ!”
“เหรอคะ แล้วพี่พสินทราบหรือเปล่าว่าพี่ทิวามีปมอะไร”คำถามนี้ทำเอาพสินพูดไม่ออก เรื่องราวในอดีตของเพื่อนเขาเองก็ไม่อยากรื้อฟื้น
“พี่เองก็ไม่รู้หรอกครับ รู้แต่ว่าไอ้ทิวามันเจ็บปวดกับเรื่องนั้นมาก”
เรนิกาเงียบไป บางที... การที่พี่ทิวาไม่ได้ให้ความสนใจในตัวเธอนั้น อาจเพราะมีเรื่องในอดีต หรือไม่... เขาคงเกลียดเธอจริงๆ
ทิวากรยืนมองเพื่อนตัวเองอุ้มว่าที่คู่หมายไปที่รถ คิ้วหนาขมวดมุ่นแววตาสับสน ลมหายใจติดขัดอาการเหล่านี้คืออะไร หัวใจเต้นผิดจังหวะจนจับไม่ได้ นี่เขา... กำลังเป็นอะไรไป ทำไม... ถึงได้มีอาการแบบนี้ คงไม่ใช่... เขาไม่ได้คิดอะไรกับน้องเรน คนอย่างเขามันไร้ซึ่งหัวใจไปนานแล้ว
ประตูรั้วเหล็กอัลลอยด์เปิดออก รถบีเอ็มสีดำสนิทเหมือนใจของเจ้าของแล่นเข้าเขตรั้วบ้าน ตลอดทางทิวากรคิดวนเรื่องสาวน้อยไม่หยุด เขาไม่ต้องการคู่ชีวิต ตัดไปเสียตอนนี้ยังจะดีกว่า ไม่อยากให้ต้องมาติดพันกับชายมีอดีต สาวสวยหน้าตาน่ามองอย่างเรนิกาคงไม่มีหนุ่มคนใดปฏิเสธ รถจอดเทียบบันไดด้านหน้าทิวากรเปิดประตูลงมาเห็นมารดายืนรออยู่ เลยถอนใจยาวเมื่อรับรู้ได้ว่าวันนี้เป็นอีกวันที่ต้องหูชา ร่างสูงก้าวเท้าคิดจะผ่านมารดาไป
หมับ!
ท่อนแขนถูกจับไว้มั่นด้วยมือผู้ให้กำเนิด แววตาเขียวขุ่นจ้องมองคล้ายไม่พอใจ เมื่อรู้ชะตากรรมร่างสูงจึงเดินตามแรงดึงของมารดาหย่อนก้นลงโซฟาเอนกายพิงท่าทีเหนื่อยหน่าย
“ตาทิวา!”เสียงตวาดดังขึ้น ทิวากรยกมือห้าม
“เรื่องน้องเรนใช่ไหม”พูดขัดขึ้นทันที
“แกก็รู้นี่ตาทิวา ทำไมแกทำอย่างนั้นกับหนูเรน!”น้ำเสียงไม่พอใจ ท่อนแขนบางสองข้างยกกอดอกสายตาจ้องมองบุตรชายเขียวปัด แยกเขี้ยวประหนึ่งจะคำรามได้ตลอดเวลา
“ผมทำอะไร”ย้อนถามน้ำเสียงเรียบนิ่ง สีหน้าไร้ความรู้สึกใดๆ
“ทำไมแกต้องปฏิเสธหนูเรนด้วย หนูเรนทั้งหน้าตาการศึกษา ฐานะ ทุกอย่างดีหมดจะหาใครเพียบพร้อมเท่านี้ไม่มีอีกแล้ว”
ใช่... เขาไม่ปฏิเสธเรนิกาคือผู้หญิงที่เพียบพร้อม หากเป็นเมื่อก่อนเขาอาจพิจารณา แต่ ณ เวลานี้ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว เขาแค่ต้องการอยู่คนเดียวเท่านั้น ไม่ต้องการใคร
“ผมไม่ต้องการ ผมขออยู่เป็นโสดได้ไหมครับแม่!”น้ำเสียงเจือด้วยความเจ็บปวด ดวงตาเริ่มแดงก่ำแม้พยายามกล้ำกลืนความรู้สึกไว้ในใจ แต่ทุกครั้งที่เอ่ยเรื่องคู่ชีวิตฝันร้ายเหล่านั้นจะย้อนคืนมา จนใจปวดหนึบ
วิรงรองมองบุตรชายด้วยความสงสาร จะมีใครที่สามารถทำให้ลูกผ่านพ้นความเจ็บปวด และฝันร้ายได้บ้าง หัวใจของคนเป็นแม่ร้าวรานไม่ต่างกัน รู้ดีว่าลูกพยายามเข้มแข็งมุ่งเอาแต่เรื่องงานเพราะไม่อยากคิดถึงเรื่องราวในอดีต แต่ยามค่ำคืนบางครั้งยังได้ยินเสียงครวญอย่างปวดร้าวทรมาน
เธอต้องฉุดดึงลูกชายเพียงคนเดียวซึ่งเป็นเสาหลักของตระกูลออกจากฝันร้ายให้ได้ และแน่แก่ใจว่าเรนิกาคือผู้หญิงคนนั้นต่อให้ต้องบังคับหรือใช้สิทธิ์ความเป็นแม่ก็ตาม
“แม่จะให้ลูกหมั้นกับหนูเรน ระหว่างนี้ลูกก็ศึกษานิสัยใจคอหนูเรนซะ!”วิรงรองยืนคำขาด สีหน้าเอาจริง
“ผมไม่หมั้น!”
“แต่แกต้องหมั้น แม่จะจัดงานหมั้นให้แก ถ้าแกยังเห็นฉันเป็นแม่ก็หมั้นซะตาทิวา!”
“แม่อย่าบังคับผมได้ไหม ผมไม่ได้รักน้องเรนเลย”ชายหนุ่มพยายามอธิบาย เขาไม่ต้องการให้แม่ดึงผู้หญิงอย่างเรนิกามาตกนรกทั้งเป็น
“ไม่ได้! แกต้องหมั้น ถ้าแกไม่หมั้นไม่ต้องเรียกฉันว่าแม่!”เธอเดินหันหลังจากบุตรชายมา หลังจากหมั้นแล้วความสดใสน่ารักของเรนิกาคงช่วยเยียวยาบาดแผลของบุตรชายได้ เธอหวังไว้เช่นนั้น
ทิวากรขบกรามแน่นข่มความเจ็บแน่นในอก ไม่ต้องการ! ชีวิตนี้เขาไม่ต้องการใครทั้งนั้น เรนิกา... เขาได้แต่ภาวนาอย่าได้รับหมั้นเขาเลย เพราะเขาไม่อยากดึงเธอมาทรมาน