เรื่องประจำวัน

1105 Words
“นี่มันใช่เวลาเล่นมือถือไหม บิว รำคาญลูกกะตาจริง” กิ่งหลิวกำลังจะตักข้าวเข้าปาก สะดุ้งจนชะงัก เมื่ออยู่ๆ วิมลก็หันมาแว้ดใส่ลูกสาว ทั้งที่เมื่อกี้ยังได้ยินหล่อนหัวเราะเอิ้กๆ ใส่รายการทีวีที่กำลังตั้งใจดูอยู่แท้ๆ “รีบกินให้เสร็จแล้วเข้าไปเล่นในห้องโน่นเลย ส่วนจานชามทิ้งไว้ที่นี่แหละ เดี๋ยวให้อาหลิวเขาจัดการ เมื่อกี้เวรเราทำกับข้าวกันแล้วนี่ อยู่ด้วยกันก็ต้องช่วยกันทำงานบ้านนะ ไม่ใช่มัวแต่ขลุกอยู่ในห้องทั้งวัน รู้จักเห็นใจคนอื่นบ้างว่าการที่เขาหามาให้กิน ทำมาให้กินแต่ละมื้อ ทุกวันนี่มันเหนื่อยขนาดไหน” ถ้อยคำทั้งหมดทั้งมวลนั้น เป้าหมายใหญ่ที่พี่สะใภ้จงใจโจมตีตลอดเวลามีเพียงผู้เดียว คือ เธอ เท่านั้น ... เพียงเพื่อให้ได้ยินและได้เจ็บ... “เอ้า...กินเสียซิ” หล่อนเลื่อนจานผัดผักสลับกับจานตับทอดกระแทกกระทั้นไปตรงหน้าลูกสาว แต่สายตามองปักมาที่กิ่งหลิว ซึ่งกิ่งหลิวก็รู้ได้ทันทีว่าเพราะอะไร ...ก่อนที่กิ่งหลิวจะตักข้าวใส่ปาก เธอเพิ่งขยับอาหารทั้งสองจานนั้นให้ห่างกัน และวางให้มันตรงกับแผ่นรองจาน ไม่ใช่ว่าเธอจงใจจะเลื่อนตับทอดมาใกล้แล้วตักกินแต่จานนี้ แต่เพราะไม่อยากซุ่มซ่ามทำน้ำแกงหกเลอะเทอะใส่โต๊ะ หรือกระทบจานชามอื่นๆ ให้เป็นประเด็นโดนต่อว่าอีกเท่านั้นเอง “ไม่ต้องมายุ่งได้ไหม” ลูกสาวแว้ดใส่แม่ เพราะมัวแต่เล่นมือถือ เลยไม่รู้ความนัยที่แม่ของตนกำลังประชดประชันน้องสามี จึงทั้งแว้ดใส่และแสดงท่าทีรำคาญเต็มทน “เอ๊ะ นี่ฉันแม่แกนะ” คนเป็นแม่เอ็ดใส่ด้วยเสียงอันดัง “แล้วใครว่าแม่ไม่ใช่แม่ล่ะ ได้พูดสักคำเหรอ” ลูกสาวไม่ลดราวาศอก “เอ๊...ยัยบิว” วิมลเสียงดังขึ้นกว่าเดิม ทั้งยังลากเสียงคำว่า เอ๊ ...นั้นยาวราวกับกำลังหวีดร้อง “วะ พวกผู้หญิงนี่ อะไรกันนักกันหนา เฮ้ย ดูอะไรไม่รู้เรื่องเลยเนี่ย กินให้มันเงียบๆ กันหน่อยได้ไหม” การเลิศหันมาเอ็ดเอาบ้าง เขาคงรำคาญเสียงที่แว้ดๆ แจ้ดๆ ไม่จบไม่สิ้น เสียงนั้นมันคงเข้าไปแทรกการชมทีวีรายการโปรดนั้นอยู่ “พ่อก็เหมือนกันแหละ อย่ามัวแต่จ้องจอ รีบๆ กินเข้า คนเขาจะได้เก็บจานชามไปล้างเสียทีเดียว” หล่อนหันไปแว้ดสามีแทนลูกสาว กิ่งหลิวพยายามสนใจเฉพาะมื้อข้าวตรงหน้า ก้มหน้าก้มตากินให้เสร็จ แล้วก็ล้างจานให้มันจบๆ มื้อไป ...ชีวิตที่นี่แต่ละวัน แต่ละมื้อ อันเป็นเวลาที่จะต้องมานั่งประจันหน้ากันนี่ มันสุดแสนจะน่าเบื่อ แต่เธอก็ทนมาได้ตั้งนานและไม่เคยคิดว่ามันเป็นปัญหา เพราะเวลาที่ร่วมมื้อข้าวกันในแต่ละวันนั้น รวมแล้วทุกมื้อไม่ถึงชั่วโมงด้วยซ้ำ ...เธอเคยคิดว่า อยู่ได้ ทนได้...ทนไป “วะ นี่ยังไม่ทันได้เอาเข้าปากเลยนะ จะให้อิ่มแล้วไง” คนกินหน้าทีวียังไม่ยอมหยุด ท่าทางเขาฉุนจัด คงกำลังดื่มได้ที่และมีอารมณ์จะพูดขึ้นมาแล้ว จู่ๆ เขาก็วางช้อนที่ตักข้าวเตรียมจะเอาเข้าปากรอมร่ออยู่แล้ว วางเคร้งลงกับชาม แล้วหันมาโวยใส่ “คนบ้านนี้มันน่าเบื่อยังงี้เอง” “แม่ก็ไม่ได้บอกให้อิ่มตอนนี้เสียหน่อย แม่หมายถึงว่าให้พ่อรีบกิน คนจะได้เก็บจานชามไปล้างเสียทีเดียวเลย ไม่ต้องทิ้งให้มันค้างคืนบูดเน่าคาชามนั้น ตื่นเช้ามาแทนที่แม่เข้าครัวแล้วจะได้ทำอย่างอื่น ไม่ต้องมานั่งเก็บของเก่าไปล้างอีก มันเสียเวลา กว่าจะรอให้คนอื่นเขามาก็ล้าง ก็กว่าเขาจะตื่น กว่าจะลงมาอ่ะนะ ยืดยาดเป็นพยาธิ...” คนถูกโวยพยายามลดเสียงลงมาและอธิบาย แต่ก็ไม่ยอมลดละเลิกรากระทบกิ่งหลิว หล่อนอ้างเรื่องโน้นไปเรื่องนี้ จนกระทั่ง... “พอ... หยู้ด...หยุด กันทั้งคู่นั่นแหละ ไม่กงไม่กินมันแล้ว รำคาญ” เด็กคนเดียวของบ้าน ซึ่งนั่งฝั่งตรงข้ามกับกิ่งหลิว แผดเสียงขึ้นแล้ววางช้อนลงกระแทกชามแล้วก็ตบโต๊ะดังโครมใหญ่ ก่อนจะลุกพรวดขึ้นแล้วเอาเท้ากระแทกเก้าอี้ให้มันเข้าที่ เสร็จแล้วก็เดินกระแทกส้นเท้าดังโครมๆ ขึ้นเรือนไป และตามมาด้วยเสียงปิดประตูห้องดังอีก “โครม” “ไอ้บิว แกนี่มัน...จริงๆ เลย” เสียงแม่เด็กฮึ่มฮั่มตามหลังลูก “ให้มันได้อย่างนี้สิ แต่ละคน” หล่อนยังไม่ยอมจบเรื่อง “น่าเบื่อ” การเลิศลุกขึ้นยืน กระดกเบียร์ซึ่งมีอยู่เต็มแก้วจนเหลือแก้วเปล่าๆ แล้วก็เดินกระแทกส้นออกห้องไปอีกเหมือนกัน เพียงไม่นานเสียงสตาร์ทรถก็ดังขึ้น แล้วตามมาด้วยเสียงเร่งคันเร่งแล้วบิดจนสุดแรงออกจากบ้านไป กิ่งหลิวคาดการณ์ได้เลยว่า วันนี้เป็นวันหยุด ถ้าพี่ชายไม่กลับมาจนดึกในสภาพเมาแอ๋ ก็คงจะหายไปทั้งคืน และสะเงาะสะแงะเข้าบ้านมาพรุ่งนี้เย็นๆ โน่น ส่วนวิมล หลังเอ็ดลูกโวยสามีจนเขาหนีไปกันหมดแล้ว หล่อนก็นั่งตักข้าวกิน เคี้ยวหยับๆ ตาจ้องจอทีวีต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ...นี่คือชีวิตประจำวันของกิ่งหลิวที่ต้องอดทนตลอดสามปีที่ผ่านมา นับแต่ต้องออกจากงาน ไม่ใช่สิ ...อันที่จริงต้องบอกว่า ถูกไล่ออกจากงานมากกว่า ตอนที่เธอกับเพื่อนๆ ช่วยกันขนข้าวของและหิ้วตะกร้าแมว ออกมาจากหุบเขาเมืองตะวันออกเพื่อกลับมายังบ้านหลังนี้นั้น อย่างน้อยเธอก็ยังมีความหวัง มีความฝันใดๆ มีความรักและยังมีความสุขอยู่บ้าง แม้จะเหลือเพียงน้อยนิดเพราะชีวิตนี้ เธอขาดยาย และขาดแม่ขาดพ่อไปหมดแล้ว ...ทว่า ความสุขที่ยังหลงเหลือกะร่อยกะหริบ ความหวังและความฝันที่เคยมีอยู่บ้าง... มันก็ค่อยๆ มลายจางหายไปเรื่อยๆ เช่นเดียวกับความรักที่ถูกทรยศ มันก็หายวับไปในทันทีเช่นกัน และบัดนี้กิ่งหลิวแทบไม่เหลืออะไรเลย ...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD