Chapter 6 : มรดกตกทอด
รินลดา... รินลดา นวลจันทร์ สองแม่ลูกเป็นคนไทยแต่เพราะเจ้าของบ้านนี้อยากได้ชื่อเรียกง่าย ๆ ท่านเลยตั้งชื่อเธอเสียใหม่
ท่านทากะตั้งใจปั้นเธอให้เป็นดาวประดับบารมี ในขณะที่แม่ของเธอเป็นแค่คนทำงานหาเช้ากินค่ำ เป็นแม่บ้านมาอาศัยพึ่งพาท่าน อะไรท่านว่าดีไม่เสียหายต่อลูก คนเป็นแม่ก็ยอมทำ อย่างแรกที่แม่ทำคือเปลี่ยนชื่อให้เธอเป็นไอรีน... ‘Irene’
ศรัณย์วริศพบเธอครั้งแรกเมื่อสิบสามปีที่แล้ว เขาอายุเพียงยี่สิบเอ็ดปี
นัยน์ตาสีเขียวประกายฟ้าดั่งสีของน้ำทะเลสะกดเขาไว้ในห้วงมนต์ เดรสกระโปรงฟูฟ่องสีชมพูหวาน ตุ๊กตากระต่ายในอ้อมแขนเล็ก ๆ เส้นผมประเอวเป็นลอนสีน้ำตาลทำให้เขาอยากลองสัมผัสมันดูสักครั้งกลับทำได้แค่มอง กระทั่งสีหน้าตกใจไร้เดียงสาของสาวน้อยวัยเริ่มโตยามวิ่งชนคนแปลกหน้า บอกว่าเธอช่างเป็นประติมากรรมที่พระเจ้าสรรสร้าง
เด็กลูกครึ่งสาวหน้าตาจิ้มลิ้มทำให้บิดาของเขามีงานอดิเรกอีกหลายอย่างนอกเหนือจากการอ่านมังงะ เป็นแรงบันดาลใจให้ท่านเริ่มนำภาพลักษณ์ของไอรีนมาสร้างสาวโลลิต้าตัวละครในเกมตัวอื่น ๆ ภายใต้ชื่อบริษัท Airi จนร่ำรวยมหาศาลในเวลาต่อมา
ไม่แปลกที่เขาจะหวาดกลัวการยอมรับความจริงว่าเธอเป็นเธอ...
ไอรีน ธรรมรักษ์ นักศึกษาเภสัชกรรมปีสอง ลูกสาวแม่บ้านธรรมดา ๆ ที่อาจสวยกว่าสาวคนอื่นสักหน่อย
“เอกสารของไอรีนมีแค่นี้หรือ? ทำไมไฟล์ในคอมพิวเตอร์ของโอโต้ซังเปิดไม่ได้ล่ะ?” เสียงเข้มสั่งลูกน้องหนุ่มคนสนิทเป็นภาษาญี่ปุ่นตลอดการสื่อสารกัน นอกจากเลขาฯ สาวฝีมือดีที่ยืนให้กำลังใจอยู่ข้าง ๆ โต๊ะผู้บริหาร ในห้องทำงานใหญ่โตโอ่อ่าของคฤหาสน์ คงมีแค่เอย์จิที่ถูกบังคับพามาช่วยงานในเมืองไทยด้วย
“เปิดได้แต่ไม่มีข้อมูลอะไรเลย ท่านลบมันทั้งหมดครับ”
“กู้มาสิ ฮาร์ดดิสน่ะยกไปทั้งลูก ร้านคอมฯ ในกรุงเทพฯ เยอะแยะไป”
ทุกคนได้รับการให้เกียรติจากเจ้านายคนใหม่ของบ้าน ศรัณย์วริศเรียกทุกคนว่า ‘คุณ’ ด้วยการลงท้ายชื่อว่า ‘ซัง’ ต่อให้จะเป็นคนที่รู้จักกันมาเป็นสิบปีก็ตาม ส่วนเรื่องที่ฝ่ายไอทีต้องทำงานเกินหน้าที่เป็นเรื่องปกติของเจ้านายช่างสั่ง
“งานเท่านี้เอย์จิซังทำได้อยู่แล้วนะครับ ผมอยากได้รูปเธอเยอะ ๆ ไปหาร้านกู้ข้อมูลเอามาให้ได้ แล้ว... CCTV… บ้านนี้อยู่ตรงไหนนะ?”
“ห้องนอนท่านครับ น่าจะเป็นห้องข้าง ๆ แต่ในห้องนอนของท่านไม่มีกล้องนะครับ”
ประตูไม้โอ๊คสีเข้มมีเหล็กทรงโค้งสีท้องคล้องไว้กระทบประตูสำหรับเคาะเรียก ทั้งสามคนเดินผ่านไปในทีแรกก่อนย้อนกลับมาห้องทำงานหรูหรา ความกว้างกว่าห้องทุกห้องในคฤหาสน์
ห้องที่ใหญ่ที่สุดในบ้าน ชายหนุ่มคาดเดาได้ไม่ยากเลยว่าบิดาของเขาต้องสร้างอาณาจักรอนิเมะในห้องนอนของท่าน จอมอนิเตอร์สำหรับดูกล้องวงจรปิดคงอยู่ในนั้น
เมื่อพนักงานสายไอทีฝ่ายผู้บริหารต้องยอมเป็นช่างคอมฯ แกะชิ้นส่วนลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดใหญ่กว่าฝ่ามือออกขอตัวออกจากห้องไป เขาจึงชักชวนเลขาฯ ประจำตัวไปคุยงานกันเงียบ ๆ ลำพังในอีกห้องหนึ่ง
เวโรนิก้า นานามิ ลูกครึ่งสาวอังกฤษ-ญี่ปุ่น ทำงานให้คนบ้านนี้มานานแล้วเธอไม่ได้ใช้ภาษาไทยบ่อยนัก เรียกว่าพอรู้เพียงผิวเผินจากชายหนุ่มและคุณแม่ของเขา จะอย่างไร ระดับการศึกษาของเลขาฯ มือหนึ่งคงไม่น้อยหน้าเลขาฯ ของท่านประธานทากะ และที่ดีที่สุดเกินใครคือหล่อนเก็บความลับเก่ง
แน่นอนว่าระหว่างเขาและเธอไม่ใช่เรื่องเชิงชู้สาวต่อให้อยู่กันสองต่อสองในห้องนอน... ห้องเดียวที่ไม่มีกล้องวงจรปิดบันทึกภาพใด
“งานจุกจิกกับเอกสารทางนี้เสร็จแล้ว รบกวนนานามิซังฝากงานให้คนขับรถด้วยนะครับ ชื่อลุงเพิ่มใช่ไหม?”
“ค่ะ ดิฉันคุยกับคุณลุง แกพอพูดภาษาอังกฤษได้ ญี่ปุ่นได้นิดหน่อย ขอประทานโทษด้วยที่ฉันภาษาไทยไม่แข็งแรงนะคะ”
ห้องนอนกว้างขวางโออ่าที่เต็มไปด้วยมังงะ ตุ๊กตา หนังสือการ์ตูน เลขาฯ สาวกวาดสายตามองไปรอบ ๆ มองตามแผ่นหลังของเจ้านายที่เดินตรงไปทางหน้าต่างบานสูงใหญ่แล้วก็นึกสงสัย
“แปลกจริง... คุณท่านทำลายเอกสารไปหลายอย่างนะคะ”
“ไม่แปลกหรอก ท่านเป็นคนความลับเยอะขนาดไหน คนในบ้านก็รู้นี่ครับ”
ลูกชายคนเล็กอย่างศรัณย์วริศและพี่ชายยังไม่มีโอกาสได้พบโอตาคุหวงสมบัติอย่างท่านบ่อยนัก ไม่ได้เติบโตมาด้วยกัน ตัวเขาและมารดาแค่ถูกทิ้งไว้ข้างหลังในญี่ปุ่นกับทรัพย์สมบัติเงินทอง ความสะดวกสบายที่ผู้นำครอบครัวมอบให้ นานทีปีหนถึงบินข้ามประเทศไปมาหาสู่กันแล้วแต่เทศกาล
“ตารางงานวันพรุ่งนี้เสร็จประมาณบ่ายสามโมง เรื่องงานศพของคุณท่านอาทิตย์หน้าให้ดิฉันจองตั๋วเลยไหมคะ...?” เลขาฯ สาวสวยบอกรายละเอียด จดขยุกขยิกลงในจอสี่เหลี่ยมอย่างตั้งใจ หล่อนขยับแว่นตาเงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มที่ยิ้มตอบ
“ไม่ต้องจอง... ทำไมผมจะต้องรีบกลับไปล่ะ?”
“คะ... ไม่กลับหรือคะ?”
“ทุกอย่างเหมือนเดิม ประชุมพรุ่งนี้มะรืนไม่มียกเลิก ผมอยากให้ทางนั้นงานยุ่ง ๆ ไว้จะได้ไม่มีใครมารบกวน ระหว่างที่ผมตรวจสอบทรัพย์สินของโอโต้ซังในเมืองไทย อืม... ทุกอย่างเป็นของผมใช่ไหมล่ะ?” เขาถามไปอย่างนั้น นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนรำไรสะท้อนแสงไฟจากโคมระย้าวูบวาบ จรดมองผ่านหน้าต่างบานสูงใหญ่ ต้นไม้เขียวชอุ่มรายล้อมรอบบ้าน มีน้ำพุและสระว่ายน้ำขนาดใหญ่เข้ากันกับตัวบ้านหรูหราโอ่อ่าสไตล์โมเดิร์น ลักษณะการตกแต่งเหมือนกับบ้านหลังอื่นในหมู่บ้านจัดสรรแห่งนี้ที่รองรับแค่แปดครอบครัว
พนักงานหลายคนข้างล่างตกเป็นจุดสนใจ หลายคนเร่งทำงานอย่างขยันขันแข็ง ทั้งคนสวน แม่บ้าน ด้วยความที่บ้านหลังนี้ฝุ่นเกรอะไปเล็กน้อยหลังเจ้าของบ้านกลับไปใช้ชีวิตบั้นปลายของท่านในญี่ปุ่น
“ดิฉันได้ยินมาจากทนายประจำตระกูลว่ามีแค่ที่ดิน หุ้นเล็ก ๆ ของบริษัทลูกในนางาโนะยกให้ภรรยาเก่าท่าน”
“น่าเห็นใจพี่ยูตะอยู่นะครับ แต่ว่าพ่อให้ผม ผมก็ต้องรับไว้นั่นแหละ” เขาพูดอย่างคนเห็นแก่ตัว แม้ในสีหน้าสลดเศร้าลงเล็กน้อยก็ไม่ได้มีความจริงใจสักนิด
“ป่านนี้คุณแม่คงยุ่งน่าดู ผมขออนุญาตเอาเปรียบของานน้อย ๆ แล้วกันนะครับ พวกนัดหมายไม่สำคัญตัดไปเหลือไว้แค่ประชุม”
“ค่ะบอส ถ้านับแค่งานประชุมมีพรุ่งนี้สิบโมงเช้า ช่วงเย็น ๆ ค่ำ ๆ เป็นประชุมทางออนไลน์ค่ะ นอกเหนือ...”
“ไม่ไปครับ ไม่ไปไหนทั้งนั้น ผมบอกแล้วว่าอยากพักผ่อน ดูซี... โอโต้ซังซ่อนคฤหาสน์สวยขนาดนี้ไว้ในเมืองไทย ไม่ยักกะชวนแม่กับผมมาเที่ยว... มันไม่ใช่โอกาสง่าย ๆ เลยนะ”
ชายหนุ่มเผลอชื่นชมความสวยงามของบ้านหลังนี้อย่างเพลิดเพลิน ยกมือไพล่หลังไว้ กว่าที่เขาจะหันกลับไปทางคู่สนทนา ยิ้มอ่อนอย่างใจดี
“นานามิซังอยากลาพักด้วยก็ตามสบายเลยนะครับ รับรองไม่หักเงินเดือน”
“ขอบคุณค่ะบอส รับรองว่าฉันจะใช้สวัสดิการวันหยุดให้คุ้มค่าที่สุดค่ะ”
ลูกครึ่งสาวไม่ลืมยกมือไหว้อย่างดงามอย่างไทย แม้ว่าเธอจะไม่ใช่คนไทย เธอโค้งคำนับให้อีกครั้งหนึ่งเตรียมออกจากห้องไปแต่ก็ถูกรั้งไว้ด้วยเสียงดัง ๆ
“คอยรับโทรศัพท์บอสแล้วกันครับ เผื่อมีงานนอกเวลา...”
“โอ้วว... งั้นหรือคะ? แน่นอนค่ะ ฉันต้องสแตนบายด์รับสายเจ้านายอยู่แล้ว” เลขานุการสาวจำเป็นต้องตะโกนกลับไปเนื่องด้วยความกว้างขวางของห้อง เฉพาะห้องนอนนั้นเท่ากับห้องนั่งเล่นสองห้องรวมกัน
เลขาฯ คนสวยจึงแปลกใจอยู่ว่าอะไรทำให้เจ้านายอารมณ์ดีขนาดนั้น เขาเพิ่งยิ้มให้หลาย ๆ คน ทั้งที่ร้อยวันพันปีไม่ค่อยจะยิ้มให้ใคร เขาไม่ใช่คนประเภทแจกมิตรไมตรีไปทั่ว ขนาดมิสเวโรนิก้า เขายังเรียกอย่างคนไม่สนิทสนมกันคือเรียกด้วยนามสกุล
โดยปกติแล้วคนญี่ปุ่นจะแนะนำตัวด้วยนามสกุล เรียกขานกันด้วยนามสกุล ไม่เรียกชื่อถ้าไม่สนิท คงนับคนได้ที่ศรัณย์วริศจะสนิทสนมด้วย ซึ่งนั่นคงเป็นโชคดีของหลาย ๆ คนเพราะว่าชื่อของเขาเรียกยากเป็นพิเศษ
ศรัณย์วริศ บางคนก็เรียก สะ-รัน บางคนเรียกไม่ได้ เรียกผิดเรียกถูก เรียกบอสเลยคงง่ายเสียว่า
ผ่านหน้าต่างบานสูงใหญ่มีผ้าม่านสีทองปักดิ้นลายด้วยงานประณีต มันผูกไว้ระหว่างหน้าต่างแต่ละบ้านอย่างเรียบร้อยในห้องที่เต็มไปด้วยฟิกเกอร์การ์ตูนญี่ปุ่น ชายหนุ่มกำลังคิดถึงบิดาที่ลาจากโลกไปกะทันหัน
ถึงบิดาจะไม่มีเวลา ไม่ผูกพันเหมือนกับมารดาที่อยู่ด้วยกันมาตลอด ความจริงอย่างหนึ่งคือความเป็นสายเลือด...
“โอโต้ซังใจดีสุด ๆ ไปเลยนา... ยกสมบัติให้ผมหมดทุกอย่างเลย...” พลันถอนหายใจออกมาเบา ๆ กักกลั้นกระบอกตาร้อนผ่าวไว้
ความเศร้าหมองที่ต้องสูญเสียบิดาบัดนี้ราวไอหมอกจาง ๆ ค่อยสลายไปในอากาศ ยามชื่นชมสมบัติแต่ละชิ้นทั้งฟิกเกอร์การ์ตูน หนังสือมังงะ ผ้าปูที่นอน ของเล็กน้อยแม้แต่กระเป๋าเดินทางท่านยังเป็นลายอนิเมะเรื่องโปรดอย่างกินทามะ นี่คงเป็นเพียงส่วนหนึ่ง นอกเหนือจากอีกส่วนนับร้อยชิ้นในห้องสมุด
ในบ้านมัตสึโมโต้มีแค่เขาที่สนทนากับท่านได้อย่างถูกปากถูกคอ ไม่ใช่เพราะความเป็นพ่อลูกเพียงอย่างเดียว การ์ตูนที่บิดาชอบคือเรื่องโปรดปรานของเขาด้วย นั่นคือวันที่ได้พบกันพูดคุยกันในบั้นปลายของชีวิต
ชายหนุ่มพิจารณามันด้วยใจเป็นสุข ทั้งคิดถึงและเป็นทุกข์ในคราวเดียว ก่อนที่เขาจะหมุนกายกลับไปยืนหน้าต่างกระจกบานสูงใหญ่ จากตรงนี้คงสามารถมองเห็นทุกคนในบ้าน ทัศนียภาพแสนสวยงามลงตัว
อย่างน้อยเขาก็ได้รับรู้ว่าบิดารักเขามากที่สุด คนบ้าสมบัติอย่างท่านถึงยกทุกอย่างให้ ถึงแม้ว่าท่านยังห่วงแต่ความสุขของตนเอง คลั่งไคล้เรื่องไร้สาระที่ตนสร้างจนวินาทีสุดท้ายของลมหายใจ