เขาเดินทางกลับมาทำงานต่อรอเวลาเลิกก็จะไปอาบน้ำอาบท่าเปลี่ยนเสื้อผ้าจากนั้นก็จะมาร่วมงานเลี้ยงต้อนรับต่อ ส่วนหญิงเล็กตอนนี้คงวุ่นวายกับการเตรียมกับข้าวหลายอย่างเขาทักไปก็ไม่ยอมตอบ ไม่รู้ว่าโกรธหรืองานยุ่งจริงๆก็ไม่รู้
“ค่อยคุยตอนเย็นแล้วกัน”
เขาถอนหายใจออกมาเล็กน้อยก่อนจะหันไปสนใจงานตรงหน้าต่อ ไม่นานก็มีเจ้าหน้าที่ตำรวจนายอื่นเดินเข้ามาเรียกเขาด้วยท่าทีร้อนรนสุดๆ
“ผู้กองครับมีคนมาแจ้งความเยอะเลยครับ”
“แจ้งความเรื่องอะไร…”
“มีโจรขโมยชุดชั้นในผู้หญิงครับ โดนไปหลายบ้านแล้ว เจ้าทุกข์เป็นผู้หญิงหมดเลยเค้าบอกตากชั้นในไว้หายเรียบ บางคนโดนเข้าไปค้นในบ้านก็มี”
เขารีบลุกขึ้นก่อนจะเดินออกไปทันที และก็มีเจ้าทุกข์มาร้องเรียนเยอะมากแสดงว่าคงจะโดนไปเยอะเลย
“ผู้กองจ๊ะช่วยพวกเราด้วยนะ ไอ้โจรโรคจิตมันมาตระเวนขโมยชุดชั้นจนหมดราวเลยอ่ะ”
“ใช่จ้ะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกนะ นี่มันหลายครั้งแล้ว”
“พวกเราไม่ยอมนะ ผู้กองต้องจับไอ้โจรโรคจิตมาลงโทษให้ได้เลย”
เสียงดังระงมทั่วโรงพักนั่นทำให้เขาถึงกับไม่รู้จะถามหรือตอบอะไรก่อนดี เขาทำมือให้ทุกคนใจเย็นลงก่อนจากนั้นก็เอ่ยเสียงจริงจัง
“ทุกคนใจเย็นก่อนนะครับ ผมจะจัดการเรื่องนี้ให้อย่างเร็วที่สุดเลย จ่าครับลงบันทึกประจำวันให้ทุกคนก่อนส่วนเรื่องนี้ผมจัดการต่อเอง”
“ได้ครับ อ่ะทุกคนมาทางนี้เดี๋ยวจ่าจะช่วยลงบันทึกประจำวันให้ก่อน ผู้กองรับปากแล้วยังไงก็จับคนร้ายได้”
เขามองตามทุกคนไปก่อนจะถอนหายใจออกมาเล็กน้อย ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นทำไมอยู่ๆถึงมีโจรเยอะมากขนาดนี้ แล้วไม่ขโมยอย่างอื่นด้วยนะขโมยแต่ชั้นในของผู้หญิงแสดงว่าต้องเป็นโรคจิตแน่นอน
“ผู้กองจะจับโจรยังไงครับ”
เขาเงียบไปอย่างใช้ความคิด หรือว่าจะใช้แผนล่อเสือออกจากถ้ำแล้วจัดการให้อยู่หมัด เขากำลังคิดว่าจะใช้แผนนี้นะรับรองว่าจับคนร้ายได้แน่นอน
“ไปบอกให้ทุกคนว่าอย่าตื่นตูมนะ ลงบันทึกประจำวันเสร็จทำตัวให้เป็นปกติอย่ากระโตกกระตากไป ที่เหลือผมจัดการเอง”
“ได้ครับผู้กอง”
เขายิ้มออกมาก่อนจะเดินกลับเข้าห้องทำงานเพื่อเตรียมของบางอย่างเอาไว้จับโจร คิดว่าคืนนี้คงออกขโมยของไปทั่วอีกเพราะฉะนั้นเขาจะจัดการขั้นเด็ดขาดแน่นอนในคืนนี้
หลังจากที่เลิกงานเสร็จประจวบกับผู้กองดนัยและคนอื่นไปเตรียมแผนการจับโจรเรียบร้อยก็ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าพร้อมสำหรับงานเลี้ยงในค่ำคืนนี้ หญิงเล็กในชุดน่ารักกำลังเตรียมอาหารไว้ตามโต๊ะพร้อมกับลูกน้องของเธอ
“เอาวางแค่นี้ก่อน ส่วนเมนูอย่างอื่นเดี๋ยวลงเป็นเวลาเอา เครื่องดื่มพร้อมยัง”
“พร้อมแล้วค่ะคุณหญิงเล็ก”
“ดีจ้ะ งั้นไปเตรียมผลไม้ต่อเลย ขนมมาส่งหรือยัง”
“มาแล้วค่ะ”
เธอพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะยิ้มออกมาอย่างพอใจ ตอนนี้ทุกอย่างก็ออกมาดีที่สุดแล้ว ของทุกอย่างก็ครบไม่มีขาดและเธอยังแถมอีกมากมายเพราะตัวเธอเองแค่อยากหาอะไรทำไม่ได้ต้องการกำไรขนาดนั้น สมบัติที่พ่อทิ้งให้มันมากมายใช้ชาตินี้ทั้งชาติก็ไม่หมด เธอแค่หาอะไรทำในสิ่งที่ตัวเองชอบจะได้ไม่ต้องฟุ้นซ่านเรื่องในอดีต
“งานเรียบร้อยดีมั้ยน้องหญิงเล็ก”
“ผู้กำกับสวัสดีค่ะ งานเรียบร้อยดีค่ะอาหารพร้อมรอแค่คนมาให้เยอะที่สุดค่ะ”
“นี่ก็ทยอยมากันแล้วนะ อีกเดี๋ยวคงครบ”
ทั้งสองคนคุยกันอีกสักพักก่อนจะแยกย้ายกันไปคนละทาง หญิงเล็กเดินไปดูเครื่องดื่มก่อนจะสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อมีผู้ชายเดินมาจากข้างหลัง
“ทำไรอ่ะ”
“พี่ไฟท์ตกใจหมดเลย มาทำไมคะทำไมไม่ไปอยู่รับแขกหน้างานนู้นมาทำไรตรงนี้”
“ก็เห็นเราดูวุ่นวายก็เลยแวะมาดู เป็นยังไงบ้างล่ะหายงอนยัง”
เขาเอ่ยถามเสียงหวาน เธอสะบัดหน้าใส่ชายหนุ่มเล็กน้อยอย่างไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ มาไม่ทันไรก็ไปสนิทสนมกับคนอื่นไปทั่ว ทั้งครูโรงเรียนข้าราชการหน่วยงานอื่นทักทายกันดูสนิทสนมมาก เธอก็ไม่ได้อะไรหรอกแต่มันก็มีนิดหน่อยที่รู้สึกว่าตัวเองหมดความสำคัญ เพราะเธอยกให้เขาเป็นเพื่อนที่สนิทสนมที่สุดและเป็นคนเดียวที่เธอยอมเปิดใจคุยด้วยแต่เขากลับไม่เห็นเธอสำคัญก็เลยรู้สึกเฟลหน่อยๆ
“โธ่เอ้ยฟังพี่นะหญิงเล็ก พี่เป็นตำรวจต้องรู้จักคนเยอะมากมายเป็นธรรมดา แต่พี่สัญญานะว่าหญิงเล็กจะเป็นคนที่มาอันดับหนึ่งสำหรับพี่”
“อันดับหนึ่งยังไง”
เธอกอดอกมองชายหนุ่มอย่างต้องการคำตอบ เขายิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะอธิบายรายละเอียดให้เธอฟัง
“ก็พี่จะคิดถึงหญิงเล็กเป็นคนแรกเสมอไง พี่จะคุยกับทุกคนแต่ว่าจะไม่ให้ความสำคัญกับใครมากไปกว่าหญิงเล็กโอเคมั้ย”
เธอมองเขาอย่างลังเลไม่รู้ว่าจะเชื่อใจได้มากน้อยแค่ไหน เธอรู้ว่าเขาเป็นคนที่อัธยาศัยดีมากและอยู่ที่ไหนใครก็ชอบเข้าหาซึ่งเธอต้องยอมรับข้อนี้ให้ได้ก่อน เอาเป็นว่าเธอจะลองเชื่อใจเขาดูแล้วกันถ้าวันหนึ่งให้ความสำคัญกับคนอื่นมากกว่าเธอ ถึงตอนนั้นจะเลิกคบไปเลยไม่สนใจแล้ว
“ก็ได้หญิงเล็กเชื่อใจพี่ไฟท์ก็ได้ แต่ถ้าเห็นคนอื่นสำคัญเมื่อไหร่จะเลิกคบแล้วนะ”
“ยังไม่ได้คบกันเลยจะเลิกแล้วเหรอ ใจร้ายนะเรา”
เขาหยอกล้อหญิงสาวเสียงหวาน เธอตีหน้าอกเขาหลายทีอย่างหมั่นไส้ใบหน้าแดงก่ำด้วยความขวยเขิน
“บะ…บ้า! คบอะไรหมายถึงเลิกเป็นเพื่อนหรอก”
เธอพูดจบก็วิ่งหนีออกไปทันที เขาหัวเราะออกมาขำๆก่อนจะเดินไปต้อนรับแขกกับผู้กำกับจากนั้นก็มานั่งที่โต๊ะคุยกับผู้ใหญ่ในอำเภอแต่ละคนก็มีผู้กำกับและสารวัตรที่ช่วยกันแนะนำให้เขารู้จักกับคนนั้นคนนี้
เวลาผ่านไปเขาก็หยิบโทรศัพท์กดดูหน้าจอรวมไปถึงตำรวจนายอื่นด้วย และแน่นอนว่าเขาแอบติดกล้องวงจรปิดไว้หลายบ้านเพื่อจับโจรที่มาขโมยชั้นในของผู้หญิง แต่นี่ก็จะสามทุ่มแล้วก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะมีใครมาปล้นเลย จนเวลาล่วงเลยไปถึงงานเลี้ยงจบลงก็ยังไม่มีใครมา
“หรือว่ามันจะรู้ตัว”
“นั่นสิครับของผมก็ไม่มีใครมาเลย”
ทุกคนหันไปมองหน้ากันอย่างแปลกใจ พวกเขาติดกล้องไว้ที่บ้านของคนที่โดนโจรขึ้นไม่ต่ำกว่าสามรอบแต่ดูมาหลายชั่วโมงแล้วก็ยังไม่มีใครมาหรือว่ามันจะมาช่วงดึก
“หรือว่าอาจจะมาช่วงดึกรึเปล่า”
“นั่นสิอาจจะเป็นอย่างนั้นนะ งั้นเรารอที่นี่แหละเผื่อเห็นจะได้เก็บหลักฐานแล้วไปรวบตัวทีเดียว”
“ดีครับ”
พวกตำรวจนั่งอยู่ที่สถานีตำรวจคนที่เข้าเวรก็นั่งจ้องหน้าจออยู่แบบนั้นลุ้นว่าพวกมันจะมาตอนไหน และทางด้านของหญิงเล็กเธอเก็บของเสร็จก็เดินทางกลับบ้านเพราะวันนี้เธอเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว เมื่อมาถึงที่บ้านเธอก็หยิบผ้าเช็ดตัวไปอาบน้ำแต่งตัวเปลี่ยนเป็นชุดนอน ทาครีมบำรุงผิวเสร็จก็นึกขึ้นได้ว่าตากผ้าไว้ตอนเช้ายังไม่ได้เก็บเลย
“จริงด้วยตากผ้าไว้นี่นา”
เธอรีบลุกขึ้นเดินจากในห้องนอนไปชั้นล่างก่อนจะชะงักไปเมื่อเห็นเงาด้อมๆมองๆอยู่หน้าบ้านของเธอ หญิงสาวเอามือปิดปากตัวเองไว้ไม่ให้ส่งเสียงก่อนจะมองไปยังนอกบ้านที่ตอนนี้มีผู้ชายคนหนึ่งปีนรั้วเข้ามาจากนั้นก็ตรงมาขโมยขั้นในของเธอใส่กระเป๋าจนหมดราว
“จะ…โจรเหรอ”
เหมือนว่าเขาจะเห็นเธออยู่ในบ้านก็รีบเดินเข้ามาเคาะประตูและพยายามจะผลักเข้ามาในบ้าน เธอเบิกตากว้างอย่างตกใจก่อนจะรีบวิ่งขึ้นไปชั้นบนแล้วล็อคประตูแน่นหนาทันที หญิงสาวกำมือตัวเองแน่นสั่นกลัวไปหมดไม่รู้จะทำยังไงดีเพราะเธอกลัวมาก
“พี่ไฟท์ ใช่! ต้องโทรหาผู้กอง”
เธอหยิบโทรศัพท์รีบกดโทรไปหาชายหนุ่มเขารับสายก่อนจะเอ่ยเสียงหวาน
“ว่าไงจ๊ะโทรหาดึกเชียวมีอะไรรึเปล่า”
(พี่ไฟท์! ฮึก ช่วยด้วยมีผู้ชายที่ไหนไม่รู้มาขโมยชั้นใน ฮืออออ แล้วมันจะเข้ามาในบ้านด้วย)
“อะไรนะ!”