บทนำ
“สวัสดีครับท่านรองสารวัตร ยินดีต้อนรับสู่สภ.อำเภอแม่พาครับ”
“สวัสดีครับทุกคน ผมร้อยตำรวจเอกดนัย พัฒพงษ์ภูมินทร์ จะมารับตำแหน่งรองสารวัตรที่นี่ แต่เรียกผมว่าผู้กองก็ได้ครับง่ายๆดี”
เขายิ้มออกมาก่อนจะจับมือเพื่อนร่วมงานทุกคนและทำท่าเคารพผู้บังคับบัญชาที่ตำแหน่งสูงกว่า ผู้กำกับเดินมาตบบ่าเขาอย่างเป็นมิตรก่อนจะเอ่ยเสียงสดใส
“ยินดีต้อนรับนะผู้กองดนัย เดี๋ยวผมจะให้ผู้หมวดพาไปบ้านพักส่วนเรื่องอาหารการกินไม่ต้องเป็นห่วง เดี๋ยวให้จ่าไปสั่งร้านอาหารใกล้ๆโรงพักมาส่งให้ บอกเลยว่าร้านนี้อร่อยและเจ้าของร้านสวยมาก”
“ชักอยากเห็นซะแล้วสิ”
เขาอมยิ้มเล็กน้อยก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี ผู้กำกับส่ายหน้ายิ้มๆก่อนจะเอ่ยเสียงดุ
“เห็นได้แต่อย่าไปจีบล่ะ”
“ทำไมครับ…”
“ไม่รู้สิใครไปจีบก็ไม่ยอมสานความสัมพันธ์เลยแปลกนะ ตำรวจที่นี่อกหักกันเป็นแถวสงสัยเธอมีแฟนแล้วล่ะมั่ง ช่างเถอะไปพักผ่อนได้แล้วเดี๋ยวอาหารเย็นจ่าจะไปสั่งให้”
“ขอบคุณครับผู้กำกับ ขอบคุณทุกคนนะครับที่ต้อนรับอย่างดีเลย”
เขาเอ่ยขอบคุณทุกคนก่อนจะเดินตามผู้หมวดกลับไปที่บ้านพักของตัวเอง เขาแนะนำของทุกอย่างในบ้านรวมถึงร้านค้าใกล้ๆเผื่อว่าเขาจะไปหาซื้ออะไรมาไว้ในใช้ในบ้าน
“ที่นี่ใกล้ตัวเมืองครับเดินทางแป๊บเดียวก็ถึง งั้นตามสบายนะครับเดี๋ยวผมขอตัวก่อนต้องไปเข้าเวรต่อ”
“ขอบคุณมากนะครับผู้หมวด พรุ่งนี้เจอกัน”
เขามองไปโดยรอบอย่างสำรวจก่อนจะหยิบของในกระเป๋าออกมาจัดใส่ตู้แล้วไปอาบน้ำแต่งตัวให้เรียบร้อยเพื่อจะได้มาพักผ่อน ส่วนจ่าที่มาร้านอาหารใกล้กับโรงพักก็สั่งกับข้าวหลายอย่างไปให้ผู้กองดนัย
“สวัสดีจ้ะแม่ค้าคนสวย พี่จะสั่งอาหารให้ผู้กองหน่อยเอาเซ็ตนี้เลยนะ แต่ว่าขอไปส่งให้หน่อยนะพอดีว่าต้องไปเข้าเวรต่อ”
“เซ็ตนี้นะจ้ะ ว่าแต่มีผู้กองมาใหม่เหรอจ๊ะตั้งแต่ฉันมาที่นี่ยังไม่เคยเจอเลย”
“ใช่จ้ะเพิ่งมาวันนี้เลย ตั้งแต่พรุ่งนี้ไปคงได้เจอกันบ่อยเพราะพี่จ่าไปโฆษณาไว้แล้วว่าเจ้าของร้านที่นี่น่ารักและทำอาหารอร่อย”
หญิงเล็กหันไปมองพี่จ่าก่อนจะส่ายหน้ายิ้มๆเอ็นดูในความพยายามมาหยอดเธอในทุกวัน
“ปากหวานจริงๆตำรวจที่นี่เนี่ย พี่จ่าไปทำงานต่อเถอะจ้ะเดี๋ยวทำเสร็จฉันจะเป็นคนไปส่งเอง จะได้ไปเจอหน้าผู้กองด้วยไง”
“เจอก็ทักทายนะแต่ไม่ต้องยิ้มให้เดี๋ยวพวกพี่จะอกหักกันหมดเพราะผู้กองคนใหม่หล่อเหลาเอาเรื่อง”
“ชักอยากเห็นซะแล้วสิผู้กองคนใหม่เนี่ย…”
เธอยิ้มออกมาก่อนจะส่งออเดอร์ไปให้พนักงานเตรียมของหลังร้าน ปกติเธอทำเองถ้าว่างนะแต่ถ้าวันไหนยุ่งๆก็จะมีแม่ครัวคนอื่นทำอยู่
“ฝากด้วยนะจ้ะนี่เงินค่าอาหาร พี่ไปก่อนนะ”
“ขอบคุณนะจ้ะที่มาอุดหนุน”
เธอยิ้มให้นายตำรวจก่อนจะเดินเข้าครัวไปทำอาหารตามที่เขาสั่ง วันนี้เธอจะไปส่งเองเพราะต้องแวะเอากับข้าวไปส่งที่วัดอีก ใช้เวลาเกือบยี่สิบนาทีทุกอย่างก็เสร็จเธอถือปิ่นโตอันใหญ่ติดมือไปด้วยเอาวางไว้ในรถก่อนจะขับออกไปจนถึงบ้านพักของผู้กองคนใหม่ หญิงสาวหยิบปิ่นโตขึ้นมาถือไว้ก่อนจะเดินไปยังหน้าบ้านแล้วตะโกนเรียกคนที่อยู่ในบ้านเสียงใส
“มีใครอยู่มั้ยจ๊ะฉันเอาข้าวมาส่งจ้ะ”
เธอตะโกนเข้าไปให้คนในบ้านได้ยิน ผู้กองดนัยที่เพิ่งอาบน้ำเสร็จกำลังเช็ดผมก็เปิดประตูออกมาดู สงสัยจะมีคนเอาข้าวมาส่งเขาล่ะมั่งถือว่าเร็วใช้ได้เลยนะถ้าอร่อยเขาจะไปอุดหนุนบ่อยๆ
“เอาข้าวมาส่งเหรอครับ”
เขาเปิดประตูพร้อมกับส่งเสียงทักทาย หญิงสาวก้มหน้าลงมองปิ่นโตในมือก่อนจะตอบเขาที่ถามกลับมาจากนั้นก็เงยหน้ามองสบตากับเขาก่อนจะเบิกตากว้างอย่างตกใจ
“ใช่จ้ะ นี่ข้าวที่พี่จ่าสั่งให้ผู้กะ…. ผู้หมวดดนัย!”
“หญิงเล็ก!”
ทั้งสองคนมองหน้ากันอย่างตกใจสุดขีดโดยเฉพาะหญิงเล็กที่คิดไม่ถึงว่ามันจะบังเอิญอย่าที่เขาเคยพูดไว้ เขามารับตำแหน่งใหม่ที่นี่และแน่นอนว่าไม่มีทางรู้ว่าเธอมาอยู่ที่นี่เช่นกัน เธอไม่เคยเชื่อเรื่องพวกนี้และคิดว่าไม่มีทางที่คนเราจะโคจรมาเจอกันอีกครั้งจนกระทั่งวันนี้
“ผู้หมวด เอ้ย! ผู้กองดนัยย้ายมาอยู่ที่นี่เหรอ”
“ใช่ ย้ายมาเป็นรองสารวัตรที่นี่ แล้วเราล่ะอย่าบอกนะว่าย้ายมาอยู่ที่อำเภอนี้”
เธอพยักหน้าเล็กน้อยไม่พูดอะไรเพราะกำลังตกใจอยู่ไม่รู้จะพูดอะไรออกมาดี ทั้งสองคนมองหน้ากันอยู่นานก่อนที่ชายหนุ่มจะทำลายความเงียบลงก่อน
“บอกแล้วว่าความบังเอิญมันมีอยู่จริง”
เขายิ้มออกมาก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ช่วยเธอถือปิ่นโตกับข้าว หญิงเล็กส่งไปให้ก่อนจะเอ่ยเสียงเบา
“ไม่ต้องมาย้ำเลย แค่เอากับข้าวมาส่งจะไปแล้วนะ”
“เดี๋ยวสิอุตส่าห์เจอกันแล้วไม่คุยกันหน่อยเหรอไง ทักไปหาก็ไม่ตอบเลยใจร้ายมากเลยนะ”
เขาเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงน้อยใจสุด ตลอดเวลาที่ผ่านมาเธอไม่อ่านข้อความของเขาหรือตอบเลยสักนิดเดียว โคตรของความใจแข็งเลยให้ตายสิ เธอมองเขาที่ตอนนี้กำลังกุมมือเธออยู่ก็ไม่รู้ว่าตัวเองรู้สึกแบบไหนดีใจรึเปล่าที่ได้มาเจอกันในวันนี้
“ฉันแค่อยากลืมอดีตแต่ดูเหมือนว่ามันไม่ได้ผลเลย ยังจำทุกอย่างได้ดี ฮึก! จำว่าตัวเองเป็นลูกพ่อค้ายาเป็นลูกคนไม่ดี ฮือออ”
เธอปาดน้ำตาก่อนจะร้องไห้ออกมาเสียงสั่น เธอมาอยู่ที่นี่ไม่มีใครรู้ว่าเธอเป็นใครมาจากไหนซึ่งก็ไม่มีใครมาย้ำเตือนความทรงจำว่าเธอเป็นลูกใครแต่พอเห็นเขาภาพเก่าๆก็มันก็ย้อนมา เสียงชาวบ้านที่นินทาและทำเหมือนรังเกียจเธอทุกครั้งที่เจอทั้งที่เธอไม่เคยทำอะไรผิดแต่กลับเป็นเหยื่ออารมณ์ของคนทั่วไปนินทาสนุกปาก ผู้กองดนัยยื่นมือไปเกลี่ยแก้มหญิงสาวเช็ดน้ำตาให้เธออย่างเบามือก่อนจะเอ่ยเสียงอ่อนโยน
“ถ้าเราลืมไม่ได้ก็ไม่ต้องลืม คนเรามันต้องอยู่กับความเป็นจริงต่อให้เราจะหนีไปให้ไกลแค่ไหนความจริงมันไม่มีทางหายไปหรอก อย่าร้องเลยทำใจให้สบายนะ”
“รับปากได้มั้ยว่าจะไม่บอกใครว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับฉัน รับปากได้มั้ยจ๊ะผู้กอง”
“พี่รับปากว่าจะไม่พูดจะไม่บอกใครทั้งนั้น แต่ว่าต้องอย่าร้องไห้อีกนะ ปกติหญิงเล็กเป็นคนร่าเริงกว่านี้นะชีวิตวันๆไม่ทำอะไรเอาแต่ตามผู้ชายหล่อๆแบบนั้นดีกว่านะ”
เขาเอ่ยออกมาติดตลก หญิงสาวได้ยินแบบนั้นก็ตีเขาหลายทีอย่างโมโห ใช่สิเมื่อก่อนเธอมันนิสัยแย่นี่แถมบ้าผู้ชายอีกต่างหากและไม่รู้ว่าตัวเองเปลี่ยนไปตอนไหนเหมือนกันและถึงแม้ว่าจะย้ายมาอยู่ที่นี่เธอก็ไม่คิดมีเพื่อนหรือมีแฟนเพราะกลัวว่าถ้าวันหนึ่งพวกเขารู้ว่าอดีตแล้วเธอเป็นยังไงครอบครัวเป็นยังไงพวกเขาจะรับไม่ได้แถมยังจะโดนนินทาจนต้องหนีไปอยู่ที่อื่นอีก
“ตอนนี้ฉันไม่ทำแบบนั้นแล้ว แล้วก็ห้ามบอกใครด้วยว่าเรารู้จักกัน”
“อะไรนะ! ทำไมต้องทำแบบนั้นอ่ะ”
“ไม่รู้แหละเราไม่รู้จักกัน!”
ผู้กองดนัยอ้าปากค้างอย่างมึนงง เขาอุตส่าห์ได้เจอเธออีกครั้งแทนที่เราสองคนจะได้เป็นเพื่อนที่สนิทกันที่สุดเพราะมาจากที่เดียวกันกลับกลายเป็นว่าเขาต้องแกล้งทำเป็นไม่รู้จักเธอ
“มันไม่ได้ป่ะ เรารู้จักกัน รู้จักกันนานมากเลยด้วย”
“ถ้าบอกว่ารู้จักคนอื่นก็จะต้องถามต่อว่ารู้จักได้ยังไงรู้จักที่ไหนตอนไหนเมื่อไหร่ ถึงตอนนั้นคนอื่นก็รู้หมดสิว่าฉันเป็นลูก…”
เธอกลั้นร้องไห้ออกมาอีกครั้งก่อนจะเบือนหน้าหนีไปอีกทาง ชายหนุ่มรู้เลยว่าเธอคงผ่านความเจ็บปวดมาเยอะมาก พ่อมาเสียไปก่อนขาดผู้นำในครอบครัวยังต้องมาเจอปากชาวบ้านจนจิตใจดิ่งลงไปอย่างหนักหน่วงอีก พอเปลี่ยนที่อยู่ก็ไม่เจอคำพูดที่ทำให้ไม่สบายใจอีกแต่ก็ต้องมาเจอคนที่รู้ว่าชีวิตเธอเจออะไรมาบ้าง คนเราคงอยากอยู่แบบชีวิตใหม่เริ่มต้นใหม่จริงๆ แต่โชคร้ายนะที่มาเจอเขาอีกครั้งเพราะเธอรับปากเขาแล้วว่าถ้าเจอกันอีกครั้งเธอนะไม่หนีอีก
“เรานี่นะทำไมถึงคิดมากขนาดนี้ พ่อกับลูกมันคนละส่วนกันนะไม่ใช่คนเดียวกัน เค้าแยกแยะกันได้หรอก”
“แยกแยะได้แล้วทำไมต้องประนามเราสองคนพี่น้องด้วยล่ะ”
เขาเงียบไปทันทีอย่างเถียงไม่ออกเพราะชาวบ้านที่นั่นทำแบบนั้นจริงๆ เขาจับมือเธอไว้ก่อนจะเอ่ยออกมาเสียงอ่อนโยน
“โอเคพี่เข้าใจแล้ว เอาเป็นว่าเราไม่เคยเจอกันนะ ถ้างั้นชื่ออะไรเหรอจะได้เรียกถูก”
เขาอมยิ้มมองหญิงสาวโดนที่เธอมองสบตาเขาอย่างมึนงงไม่เข้าใจว่าเขาคิดจะทำอะไร… แต่ก็ตอบเขานะเพราะอยากจะรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรกันแน่
“ชื่อหญิงเล็กจ้ะ”
“พี่ชื่อดนัยหรือเรียกชื่อเล่นก็ได้นะ เรียกพี่ว่า ‘พี่ไฟท์’นะ”
“พี่ไฟท์เหรอ ผู้กองมีชื่อเล่นด้วยเหรอ”
เขาหัวเราะขำขันกับใบหน้าสงสัยของเธอ คนเรามันก็ต้องมีขื่อเรียกชื่อเล่นกับเค้าสิ เพียงแค่ทุกคนเคยชินกับชื่อจริงมากกว่าก็เลยเรียกติดปากแบบนั้น
“มีสิ ต่อจากนี้ไปเราเป็นเพื่อนกันแล้วนะ”
“อื้อ เป็นเพื่อนกันก็ได้”
หญิงเล็กยิ้มกว้างออกมาทันทีอย่างอารมณ์ดีทั้งที่เมื่อกี้ยังร้องไห้อยู่เลย บางทีเธอก็เดาอารมณ์ของตัวเองไม่ถูกเหมือนกัน…