บทที่ 3
แสดงตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ
วันต่อมา..คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์..
เวลา 08.32 น.
เมื่อฉันจอดรถในลานจอดรถที่มหาลัยจัดไว้ให้แล้วก็รีบลงจากรถเดินไปตามทางเพื่อที่จะไปเข้าห้องน้ำในทันที แต่ยังไม่ทันได้เดินไปถึงไหนเสียงใสเล็กๆก็เรียกฉันเอาไว้ก่อน
“ไวน์ทางนี้”
“อ้าว เอวา มาแต่เช้าเชียว” ฉันโบกมือและเดินไปหาเธอ ที่นั่งอยู่คนเดียว
“เพิ่งมาถึงเหมือนกัน” เอวาตอบ
“อื้อ” ฉันพยักหน้าให้เธอเพื่อเป็นการรับรู้
“เดียร์ล่ะ” เอวาถามฉัน
“ยังไม่มามั้ง” ฉันบอกเอวา แล้วนั่งลงข้างเธอ
“เมื่อวานเห็นรูปที่ฉันส่งเข้ากลุ่มไหม” เอวาคุยกับฉันอย่างจริงจัง
“อะไร” ฉันทำหน้าครุ่นคิดเพราะมีหลายรูปมากที่พวกเธอส่งเข้ากลุ่ม และทำไมเอวาต้องจริงจังขนาดนี้
“อ่าว ก็รูปกลุ่มพี่ว้ากไง” เอวาขยายความทำให้ฉันนึกออกว่าเมื่อวานเพื่อนส่งรูปแก๊งพี่ว้ากเข้ากลุ่ม
“เห็นแล้ว” ฉันยิ้มให้เอวาเบาๆ
“งานดีใช่ปะ” เอวาถาม
“พูดเรื่องอะไร” ฉันงงกับคำถามของเอวา เธอหมายถึงใคร
“โอ้ย ฉันหมายถึงหน้าตาดีกันทั้งแก๊งเลยปะ” เอวาทำหน้าหงุดหงิดใส่ฉัน
“กะ ก็ดี” ฉันคิดไปถึงคนหน้านิ่งเมื่อวานที่นั่งกินข้าวด้วยแล้วรู้สึกหน้าร้อนวูบวาบเลย
“เอ๊ย ! ทำไมหน้าแดงอะ” เอวาจ้องหน้าฉันอย่างจับผิด
“ปะ เปล่า” ฉันรีบส่ายหน้าปฏิเสธเป็นพัลวัน
“คุยไรกันพวกแก” แล้วก็มีเสียงสวรรค์ดังขึ้น ก่อนที่ฉันจะถูกเอวาจับผิดไปมากกว่านี้
“อ้าว เดียร์มาพอดีเลย” ฉันหันไปยิ้มให้นาเดียร์
“หวัดดีแก” เอวาเลิกสนใจฉัน แล้วหันไปทักนาเดียร์..
ปรี๊ดดด!!..
“น้อง ๆ คะ มารวมกันทางนี้ค่ะ” ยังไม่ทันที่นาเดียร์จะได้นั่ง ก็มีเสียงนกหวีดที่ดังขึ้นพร้อมกับเสียงประกาศของพี่อิงฟ้าคนสวยตามมา
“เฮ้อ ! ยังไม่ทันได้นั่งพักเลย” นาเดียร์หันมาบ่นกับพวกฉันอย่างอิดออด
“หึ ใครบอกแกมาสายล่ะ” เอวาหัวเราะเล็กน้อย
“ก็รถมันติดนี่” แล้วนาเดียร์ก็ยังเถียงต่อ
“อย่าเพิ่งตีกัน ไปกันได้แล้ว” ฉันรีบห้ามทัพแล้วจูงมือเพื่อนทั้งสองไปนั่งรวมกลุ่ม..
“ที่พี่ให้น้องไปนั่นคือใบขอลายเซ็นรุ่นพี่นะคะ” รุ่นพี่อิงฟ้าบอก ทำให้ฉันพลิกใบกิจกรรมดูคร่าวๆ
“ให้น้อง ๆ ขอลายเซ็นรุ่นพี่ในมหาลัย ไม่จำกัดนะคะว่าต้องเป็นคณะเราเท่านั้น จำนวน 100 คน ใครจะเกินก็ไม่ว่านะคะ เพราะถือว่าเราได้ทำความรู้จักรุ่นพี่” ‘พี่กอหญ้า’ เพื่อนของ พี่อิงฟ้าพูดเสริมขึ้นมา…
ตอนเที่ยง..
“เหนื่อยชิบหาย” นาเดียร์บ่นขณะที่เดินไปโรงอาหารกัน
“เออ ให้ออกไปเต้นอะไรก็ไม่รู้ จะมีคลิปหลุดไหมเนี่ย” เอวาก็บ่นบ้าง เพราะสองคนนั้นนั่งคุยกันคิกคักเลยถูกจับไปลงโทษ ฉันก็ได้แต่นั่งหัวเราะเพราะสองคนนี้เต้นได้ตลกมากเรียกได้ว่าไม่ห่วงภาพลักษณ์กันเลยทีเดียว
“คิกก” นึกถึงแล้วฉันก็อดหัวเราะไม่ได้จริงๆ
“หัวเราะอะไรไวน์” แล้วสองสาวก็แปลงร่างเป็นมารหันหน้ามามองจิกฉันทันที
“ปะ เปล่า ไปกินข้าวกันเถอะ” ฉันรีบปฏิเสธแล้วเดินนำหน้าสองคนตรงไปที่โรงอาหาร
“กินไรดี” เมื่อเข้ามาในโรงอาหาร นาเดียร์ก็ถาม
“ก่อนจะหาอะไรกิน หาโต๊ะก่อนมั้ย” เอวาถาม ทำให้ฉันหันไปมองรอบโรงอาหารแล้วก็ต้องทำหน้าเศร้าเพราะเวลานี้ไม่ค่อยมีโต๊ะว่างเลย
“ไปสั่งข้าวก่อนเหอะ เดี๋ยวก็ว่างเองแหละ” ฉันบอกเพื่อนๆ
“หึ เรื่องกินนี่คือเรื่องใหญ่เลยนะ” นาเดียร์แขวะฉัน
“ก็หิวนี่” ฉันดันหลังนาเดียร์ให้เดินไป
“งั้นก็ไปกันเถอะ” แล้วเราทั้งสามคนก็แยกย้ายกันไปหาข้าวกิน ซึ่งฉันเลือกที่จะเดินไปทางร้านอาหารตามสั่งเพราะวันนี้อยากกินกระเพราไก่ไข่ดาว…
หน้าร้านไก่จ๋า..
“ข้าวกระเพราไก่ไข่ดาวค่ะ / ข้าวผัดปูหนึ่ง เจ้” ฉันหันขวับไปมองคนที่สั่งพร้อมฉัน แล้วพอคนข้างๆ หันมาก็ทำให้ฉันเบิกตากว้าง
“พะ พี่” ฉันกะพริบตาปริบๆ แล้วรีบหันหน้าหนีมองทางอื่น เพราะเขินเขา
“หึ ๆ” ฉันได้ยินเสียงคนข้างๆ หัวเราะในลำคอเล็กน้อย
“บ้า เกลียดที่สุดเลยเสียงแบบนี้” ฉันทำปากขมุบขมิบ
“อ้าว เอ็ม มากินข้าวเหรอ” แล้วเสียงทักทายจากข้างหลังก็ดังขึ้น ทำให้ฉันและคนที่ยืนข้างๆ หันไปมองพร้อมกัน
ผู้หญิงคนหนึ่งที่สวยมาก ผมบรอนซ์ดัดรอนเป็นทรงพร้อมกับใบหน้ารูปไข่ที่เนียนกริบ
“อืม” คนข้างฉันพูดตอบเสียงในลำคอ
“แหม่ วันนี้มีอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่านะ ทำให้พ่อเดือนวิศวะมากินข้าวกลางวันที่โรงอาหารเนี่ย” พี่ผู้หญิงคนนั้นยิ้มหวานเวลาพูด
“เปล่า ตอนบ่ายมีรับน้องน่ะ” คนข้างๆ ฉันตอบเสียงเรียบ
‘นี่เขาชื่อเอ็มเหรอ’ ฉันไม่ได้ตั้งใจฟัง แต่เพราะอยู่ใกล้เขาและเธอคนนั้นคุยกันฉันจึงได้ยิน
“แล้วนี่เอ็มมากับใครเหรอ ไปนั่งกินที่โต๊ะโรสก็ได้นะ” เธอคนนั้นบอก แต่ทำไมฉันรู้สึกว่าพี่สาวคนนี้มองมาที่ฉันด้วยสายตาไม่ค่อยเป็นมิตรเลย
“ไม่เป็นไร” แล้วสิ่งที่ทำให้ฉันอึ้งคือการตัดบทแบบไร้เยื่อใยของพี่เอ็ม
“งั้นโรสไปก่อนนะ” พี่คนสวยหน้าชาเลยแหละ ที่ถูกคนข้างๆฉันปฏิเสธ
“..” ซึ่งฉันไม่พูด ได้แต่ยืนก้มหน้าและแอบมองพี่ผู้หญิงคนนั้นเดินหนีไปแบบไม่สบอารมณ์
“นี่”
“คะ” ก็จู่ ๆ พี่เอ็มก็สะกิดแขนฉัน
“เงยหน้าบ้างก็ได้” เขายิ้ม เมื่อได้สบตาฉัน
พี่เขาทำหน้านิ่งและยิ้มมุมปากแบบนี้อีกแล้ว
“ชิ!” ฉันย่นจมูกใส่ เพราะเขินพี่เขามาก..
เวลาผ่านไปห้านาทีเห็นจะได้ที่เขาและฉันยืนหัวไหล่ชนกันไปมาแล้วต่างคนก็ต่างเงียบ จนเสียงแม่ครัวทักขึ้นมาว่า
“ได้แล้วจ้า”
“นี่ครับ ทั้งสองจาน” อีกแล้ว ยังไม่ทันที่ฉันจะได้จ่ายเงินค่าอาหารพี่เขาก็จ่ายตัดหน้าฉันอีกแล้ว
“พี่คะ จ่ายให้หนูอีกแล้วนะ” ฉันรีบเดินตามคนที่ถือถาดข้าวของเขาและฉันออกมา
“หึ อารมณ์เสียอะไร” เขาถามเสียงเรียบ
“พี่เป็นใครหนูก็ไม่รู้จักจู่ ๆ ก็มาเลี้ยงข้าว นี่สองครั้งแล้วนะคะ” ฉันว่าเสียงเครียด ส่วนเขาก็ได้แต่มองหน้าฉันนิ่งๆ
“พี่ชื่อเอ็ม” เขาแนะนำตัว
“ค่ะ เพิ่งรู้ตะกี้นี่แหละค่ะ” ฉันทำหน้าบึ้งใส่เขา
“เราชื่อไวโอลิน ชื่อเล่นไวน์” เขาบอกโดยไม่ต้องรอให้ฉันแนะนำตัวเลย
“ค่ะ แล้วพี่รู้ได้ไงคะ” ฉันทำหน้ายักษ์ใส่เขา
“เรารู้จักกันแล้วนะ” เขาบอกหน้าตานิ่งมาก เหมือนเสือยิ้มยากเลย
“อะไรนะ นี่พี่หมายความว่าไง รู้จักกันแล้ว” แล้วก็เป็นอีกครั้งที่ต้องตั้งสติเวลาคุยกับพี่เขา
“หึ นั่งตรงไหน” พี่เอ็มกระตุกยิ้มถามฉัน ซึ่งเขาไม่เคยตอบคำถามฉันเลยนอกจากฉันที่เอาแต่ถามเขาฝ่ายเดียว
เสียงหัวเราะแบบนี้และยิ้มมุมปากแบบนี้อีกแล้ว ฉันไม่ชอบเลย และมันทำให้ฉันไม่ตอบอะไรได้แต่ชะโงกหน้ามองหาเพื่อนๆ
“หาเพื่อนไม่เจอค่ะ” ฉันส่ายหน้าให้เขา เมื่อได้มองตากัน
“งั้นไปซื้อน้ำกัน” เขาพยักหน้าบอกฉันให้มองไปทางร้านน้ำ
“..” ฉันลังเล แต่ก็เดินตามเขาไปอย่างว่าง่ายเพราะพี่เขาถือถาดข้าวฉันไปด้วย
“เอาน้ำอะไร” พี่เอ็มถามฉัน
“เอาชาไข่มุกค่ะ” ฉันไม่ตอบพี่เอ็ม แต่สั่งพี่คนขายน้ำแทน
“..” พี่เอ็มเงียบ ฉันจึงหันไปถามเขา
“พี่เอาอะไรคะ”
“น้ำเปล่าสองขวด” พี่เอ็มสั่ง แล้วฉันก็หยิบน้ำเปล่าขึ้นมาจากถังแล้วเอาให้แม่ค้าใส่ถุง
ระหว่างที่รอชาไข่มุกของฉันนั้น ฉันก็มองไปรอบโรงอาหาร
“นั่นไงเพื่อนหนู” ฉันบอกพี่เอ็มอย่างดีใจ เมื่อมองเห็นนาเดียร์กับเอวาที่นั่งรวมกับเพื่อนผู้ชายในคณะ
“ได้แล้วจ้า” เสียงแม่ค้าทำให้ฉันรีบเดินไปหยิบเอาน้ำ แล้วจ่ายเงินเองทันทีเพราะพี่เอ็มถือจานข้าวอยู่ทำให้หยิบเงินไม่ถนัด
“ไม่ทันหนูหรอก” ฉันหันมายิ้มตาหยีให้เขาอย่างผู้ชนะ
“หึ !” พี่เอ็มยิ้มมุมปาก
“ขอข้าวหนูด้วย” ฉันยื่นถุงน้ำให้เขาแล้วขอถาดข้าวของตัวเองคืน
“เดี๋ยวเดินไปส่ง” พี่เอ็มบอกเสียงตึง แล้วเดินนำหน้าฉัน และฉันจำใจต้องเดินตามพี่เขาไปยังโต๊ะที่มีเพื่อนๆนั่งรออยู่
“อ้าว นึกว่าไปไหนแล้ว กำลังจะโทรตาม” เมื่อเดินมาถึงโต๊ะเพื่อนๆ ก็หันมามองฉันทันที
“ไหนข้าวแก” เอวาถาม
“จะนั่งตรงไหน” แล้วเสียงตึงๆ จากคนข้างหลังก็เรียกสายตาจากเพื่อนๆ บนโต๊ะมองไปยังข้างหลังฉัน
“สวัสดีค่ะ / สวัสดีครับ” ทุกคนรีบกุลีกุจอยกมือไหว้เขาทันที คงเป็นเพราะเขาใส่เสื้อช็อปเลยทำให้รู้ว่าเขาคือรุ่นพี่
“ไม่ต้องเกร็ง นั่งกันตามสบายเถอะ” พี่เอ็มบอก
“ขอข้าวหนูด้วยค่ะ” ฉันไม่กล้าหันไปมองหน้าพี่เขา เพราะเพื่อนๆต่างพากันมองมาที่ฉันและพี่เอ็ม
“จะนั่งไหน มันไม่มีที่นั่ง” พี่เอ็มไม่ยอม แต่เขาหันมามองหน้าฉันแทน ฉันจึงมองไปที่โต๊ะก็เห็นว่าเต็มหมดแล้ว
“มานั่งข้างเราก็ได้ไวน์” แล้วก็มีเพื่อนผู้ชายคนหนึ่งพูดขึ้นแล้วขยับให้ฉันนั่ง
“ขอบใจนะ” ฉันยิ้มให้เขาแล้วหันไปจะหยิบเอาจานจากคนตัวโต แต่สายตาของพี่เอ็มที่มองมาทำให้ฉันต้องวางจานข้าวไว้ที่เดิม
“จะให้นั่งเบียดกันอย่างนั้นเหรอ” เขาพูดเสียงเข้ม พร้อมหันไปมองเพื่อนคนนั้นตาขวาง
“เอ่อ ก็มันไม่มีที่นั่งนี่” ฉันตอบเสียงติดอ่าง
“ไปนั่งกับพี่”
“พี่คะ” ฉันรีบเรียกคนถือจานข้าวที่เดินออกไปไกลแล้ว
“รีบมาไวน์ ก่อนที่พี่จะโมโห” พี่เขาพูดเหมือนบังคับเสียงดังมาก จนทุกคนในโรงอาหารพากันมองมาทางฉันด้วยสายตาเดียวกัน…