บทที่ 4 เปลี่ยนจานข้าว เพราะข้าวของฉันมันมีพริกเยอะ

1651 Words
บทที่ 4 เปลี่ยนจานข้าว เพราะข้าวของฉันมันมีพริกเยอะ “รีบมาไวน์ ก่อนที่พี่จะโมโห” เสียงพี่เอ็มสั่งดังจนทุกคนในโรงอาหารพากันมองมาที่ฉันเป็นสายตาเดียวกัน “บ้าที่สุดเลย” ซึ่งมันน่าอายมากที่ต้องมายืนนิ่งเป็นเป้าสายตาของทุกคน “ไปสิไวน์” นาเดียร์บอกยิ้มๆ “ใช่ ไปเถอะ แล้วค่อยกลับมาคุยกัน” เอวาเองก็ไม่ต่างกันกับนาเดียร์ “งั้นเจอกันนะ” ฉันพยักหน้าให้เพื่อนแล้วเดินถือแก้วชานมตามหลังพี่เอ็มไป แล้วสิ่งที่ฉันรู้สึกได้คือสายตาของคนรอบข้างที่มองมา ซึ่งรับรู้ได้ถึงสายตาที่ไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไหร่ นี่แสดงว่าพี่เอ็มคงดังพอสมควร ก็นะขนาดพี่ผู้หญิงคนนั้นยังบอกว่าเขาเป็นเดือนวิศวะนี่นา สาวก็คงเยอะพอสมควร ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าเขาเป็นตัวอันตรายสำหรับฉันจัง เมื่อมาถึงโต๊ะที่มีพวกพี่ว้ากคณะของฉันนั่งอยู่ คนที่คิดว่าน่าจะเป็นเพื่อนกับพี่เอ็มก็ทักขึ้นเป็นคนแรกเมื่อเห็นฉัน “เห้ย ไอ้เอ็ม พาใครมาวะ” “เห้ย ๆ เด็กคณะกูนี่หว่า เสือซุ้มปะวะมึง” พี่พาสต้าพี่ว้ากของคณะฉันยิ้มกรุ้มกริ่ม พี่กอหญ้ากับพี่อิงฟ้าก็ยิ้มให้ฉันอย่างเป็นมิตร ฉันจึงยกมือไหว้พวกพี่ๆทั้งที่มีแก้วและถุงน้ำอยู่ในมือ “..” พี่เอ็มไม่ตอบแต่เดินไปนั่งที่ว่าง แล้วเอาจานฉันไปวางไว้ข้างๆ จากนั้นก็หันมามองหน้าฉันเป็นเชิงสั่งว่าให้มานั่ง ฉันจึงเดินไปนั่งข้างๆ เขาอย่างว่าง่าย พอนั่งลงแล้วฉันก็มองจานข้าวของตัวเองแล้วกลืนน้ำลายลงคอเสียงดัง ‘เอือก’ ฉันเป็นคนไม่กินเผ็ดน่ะ แล้วเมื่อกี้มัวแต่ตกใจที่เจอพี่เอ็มเลยลืมบอกแม่ค้าว่าไม่เผ็ด ‘ไม่น่าเห็นคนหล่อแล้วตะลึงเลยยัยไวน์’ ฉันพูดในใจคนเดียว “ทำไมไม่กิน ?” พี่เอ็มพูดขึ้นมาทำให้ฉันหันไปเบะปากให้เขาอย่างไม่ตั้งใจ มันชินเวลาอยู่กับเพื่อนหรือพ่อแม่เวลาไม่ได้ดั่งใจฉันชอบทำแบบนี้ “พี่ว่ามันจะเผ็ดมั้ย” ฉันถามเขาทั้งที่ยังก้มหน้ามองจานข้าวของตัวเอง “ไม่กินเผ็ด ?” เขามองจานข้าวของฉัน “ค่ะ” ฉันพยักหน้าเศร้าให้เขาหงึก ๆ “แล้วทำไมไม่บอกเขาว่าไม่เอาเผ็ด” พี่เอ็มทำหน้าดุ แล้วยังพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด นั่นทำให้ฉันรีบหยิบช้อนขึ้นมาทันที ไม่ได้นะไวโอลิน แกกับเขาไม่ใช่คนที่จะไปงอแงด้วยได้ แต่ทำไมพี่เขาไม่ปล่อยให้ฉันไปกินข้าวกับเพื่อนๆ ฉันนะ ไม่อย่างนั้นป่านนี้นาเดียร์คงเอาข้าวของเธอมาให้ฉันกินแทนแล้วแน่ ๆ ฉันตักข้าวขึ้นมากินโดยที่มีกับข้าวติดมาเล็กน้อย นี่ขนาดเล็กน้อยนะฉันยังรู้สึกเผ็ดเลย แล้วพอกินไปได้สามคำฉันก็ทนไม่ไหวรีบหยิบน้ำขึ้นมาดูดทีเดียวจนหมดแก้ว “มึงก็แกล้งน้อง ดูดิหน้าแดงปากแดงหมดแล้ว” พี่ราชาพูด ทำให้ฉันหันไปยิ้มให้ “ไปซื้อใหม่ไหมน้องไวน์” พี่อิงฟ้าถาม ซึ่งฉันก็คิดว่าคงต้องไปซื้อใหม่ กินต่อไปมีหวังแสบท้องตายแน่ “ไม่ต้อง !” แล้วเสียงเข้มจากคนที่นั่งข้างๆฉัน ก็ดังขึ้นพร้อมกับจานข้าวของเขาที่เลื่อนมาวางไว้ตรงหน้าฉัน แล้วเขาก็หยิบจานข้าวของฉันไป “หึ ทำเป็นฟอร์มจะให้น้องดีๆ แต่แรกก็ไม่ให้” พี่คนที่นั่งฝั่งตรงข้ามใส่ชุดช็อปพูดขึ้นอย่างรู้ทันพี่เอ็ม “เอ่อ เดี๋ยวหนูไปซื้อใหม่ค่ะ” ฉันกระซิบบอกพี่เอ็ม “พูดมาก กินซะ” พี่เอ็มว่าแล้วก็หยิบช้อนขึ้นมาตักข้าวของฉันกินหน้าตาเฉย “พะ พี่เอ็ม” ฉันเรียกชื่อเขาอย่างตกใจ ซึ่งพี่เอ็มก็หันมามองหน้าฉัน “..” เขาไม่พูด แต่เลิกคิ้วขึ้นเชิงถามว่ามีอะไร “เอ่อ ไม่มีไรค่ะ” พอฉันได้สบตาเขาแล้วก็พูดไม่ออกเสียอย่างนั้น “กินข้าวไป ถ้าไม่กินเจอดีแน่” พี่เอ็มทำเสียงเข้มให้ฉันได้ยินคนเดียว จนฉันรีบก้มหน้าก้มตากินข้าวจานของพี่เอ็มโดยไม่ขัดขืน “มึงมีรับน้องตอนบ่ายเหรอวะ” ปากเคี้ยวข้าวแต่หูก็ฟังพวกพี่ๆ เขาคุยกัน “อือ วันนี้เข้าห้องเชียร์” พี่เอ็มตอบแล้วก้มหน้ากินข้าวต่อ “แล้วตกลงรับน้องรวมที่ไหนวะ” “เห็นว่าทะเล” แล้วพี่ๆ ก็คุยกันเรื่องรับน้องนอกสถานที่ ที่จะเกิดขึ้นในอีกสองอาทิตย์ข้างหน้าซึ่งฉันก็ฟังรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง เพราะบางอย่างฉันก็ไม่เข้าใจกฎของวิศวะนักหรอก “พี่เอ็ม” เมื่ออิ่มแล้วฉันก็หันไปสะกิดคนตัวโต เพราะตอนนี้น้ำในแก้วของฉันหมดตั้งแต่ดูดครั้งแรกแล้ว “อะไร” พี่เอ็มที่กินข้าวหมดตั้งนานแล้วหันมามองฉัน “หนูอิ่มแล้ว ไปหาเพื่อนได้มั้ย” ทำไมฉันต้องประหม่าด้วยนะเวลาถามพี่เขา “เดี๋ยวค่อยไป ยังไม่ถึงเวลา” พี่เอ็มตอบแล้วเอาจานข้าวของฉันไปซ้อนกับจานข้าวของเขา “แต่หนูจะไปซื้อน้ำด้วยค่ะ น้ำหนูหมดแล้ว” ฉันบอกจุดประสงค์ที่แท้จริงออกมา แล้วพี่เอ็มก็หันไปหยิบน้ำที่เขาบอกให้ฉันซื้อมาสองขวด ที่เหลืออยู่ในถุงขวดหนึ่งมาเปิดแล้วหยิบหลอดมาเสียบยื่นให้ฉัน “คะ ?” ฉันมองเขาตาปริบๆ “บอกให้ซื้อมาเผื่อนั่นแหละ ชาไข่มุกอะไรนั่นมันจะพออะไรดูดครั้งเดียวก็หมดแล้ว” เขาว่าแล้วปรายตามองแก้วน้ำหวานของฉัน “..” ฉันไม่พูดแต่ยิ้มให้พี่เขาแทนพร้อมกับแอบดูดน้ำเงียบๆ คนเดียว “เอาโทรศัพท์มา” แล้วจู่ ๆ พี่เอ็มก็พูดขึ้นฉันจึงหันไปมอง ว่าเขาพูดกับใคร “โทรศัพท์” ซึ่งเขาก็มองหน้าฉันแล้วพูดย้ำ “เอาไปทำไมคะ” ฉันถามแต่ก็หยิบโทรศัพท์จากกระเป๋ายื่นให้เขา “..” พี่เอ็มไม่ตอบ แต่หยิบโทรศัพท์ฉันไป “รหัส ?” เขาถาม พร้อมยื่นโทรศัพท์กลับมาให้ฉัน “..” ฉันไม่พูด แต่มองหน้าเขาเล็กน้อยแล้วยื่นมือไปสแกนนิ้วโทรศัพท์ให้เขา.. แล้วผ่านไปห้านาทีพี่เอ็มก็ยังไม่คืนโทรศัพท์ให้ฉัน พอฉันชะโงกหน้าไปดูเขาก็เบี่ยงตัวหนีไม่ให้ฉันดู “น้องไวน์ ไปกันเถอะ” เมื่อถึงเวลา พี่อิงฟ้าและพี่กอหญ้าก็ลุกขึ้นแล้วหันมาชวนฉัน “ค่ะ” ฉันพยักหน้าให้พี่อิงฟ้า แล้วหันไปสะกิดคนตัวใหญ่ที่ยังนั่งทำหน้านิ่งไม่พูดไม่จา “..” พี่เอ็มไม่ตอบ แต่เขาหันหน้ามาเลิกคิ้วให้ฉัน “หนูต้องไปแล้ว ขอโทรศัพท์ด้วยค่ะ” ฉันหวาดหวั่นใจสั่นมากเมื่อสบตาสีเข้มของเขา “เมื่อเช้ามายังไง” พี่เอ็มไม่คืนมือถือแต่เขากลับถามไปเรื่องอื่น “ขับรถมาเองค่ะ” ฉันตอบเขาตามจริง “งั้นตอนเย็นไปที่คณะพี่นะ” “ไปทำไมคะ” ฉันยิ่งงงหนักเข้าไปใหญ่เมื่อเขาบอกแบบนั้น “อย่าถามมากน่า” พี่เอ็มทำเสียงขึงขังแล้วลุกขึ้นยืน “พี่คะ” ฉันยิ่งงงมาก ยืนมองพี่เอ็มถือจานข้าวเดินไปยังมุมเก็บจาน “ทำตามที่มันบอกเถอะน้องไวน์” พี่ราชาบอกฉันแล้วเดินตามเพื่อนๆ ออกจากโรงอาหารไป “ไปกันเถอะน้องไวน์” พี่อิงฟ้าพูดขึ้นอีกครั้ง ฉันจึงพยักหน้า แล้วเก็บของเดินตามพี่ๆ ไปใต้ตึกคณะที่เพื่อนๆ เริ่มมารวมตัวกันแล้ว… “ว่าไงจ้ะ คุณไวโอลิน เป็นไงมาไง แกถึงได้ไปกับเฮดว้ากวิศวะได้” เมื่อเลิกกิจกรรมแล้วฉันก็เดินแยกออกมาหาเพื่อน เพราะตอนเข้ามาพี่ๆ พาฉันไปนั่งด้านหน้านู้น ส่วนเพื่อนทั้งสองคนก็นั่งกันอยู่ด้านหลัง “อะไรของพวกแก” ฉันทำเฉไฉเพราะไม่รู้จะตอบยังไง จะให้บอกว่าเจอกันเมื่อวาน พี่เขาเลี้ยงข้าวแล้วเพิ่งมารู้จักชื่อวันนี้ อย่างนี้น่ะเหรอ ไม่เอาด้วยหรอก “อย่ามาทำเฉไฉนะ” เอวาว่าบ้าง “ไม่มีอะไร” ฉันส่ายหน้าปฏิเสธ “อย่าๆ บอกมาเดี๋ยวนี้นะ” นาเดียร์เดินเข้ามาหาฉัน “เฮ้อ ฉันไม่รู้จะพูดยังไงน่ะสิ” ฉันหันไปทำหน้าจริงจังกับเพื่อนๆ “ความจริงไง พูดมา” เอวาบอก “โอเค ถ้าแกพร้อมค่อยเล่าก็แล้วกัน” นาเดียร์พูดตัดบท “ก็ได้ แล้วนี่ไปไหนกันต่อดี” เอวาเองก็พยักหน้าเข้าใจ แล้วถามเรื่องอื่น “คงกลับบ้าน” นาเดียร์ตอบ “ฉะ ฉันมีธุระ” ฉันก้มหน้าแกล้งหาของในกระเป๋าพลางบอกเสียงตะกุกตะกัก เพราะไม่อยากให้พวกเธอรู้ว่าธุระของฉันคืออะไร “..” นั่นทำให้เพื่อนทั้งสองไม่พูดแต่พวกเธอก็พากันหรี่ตามองฉันด้วยสายตาเดียวกัน “อะไร ฉันไปก่อนนะ รีบ” ฉันรีบปฏิเสธแล้วรีบยกนาฬิกาขึ้นมาดู “เคๆ งั้นเจอกันพรุ่งนี้” แล้วเพื่อนทั้งสองก็โบกมือลาให้กับฉันแล้วเดินออกไป ฉันจึงถอนหายใจอย่างโล่งอกแล้วรีบเดินไปยังลานจอดรถเพื่อขับรถไปคณะวิศวะที่อยู่ถัดไปอีกประมาณ 2 ช่วงตึก
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD