บทที่ 2
พี่นั่นผักของหนู หนูทิ้งแล้วนะพี่จะกินอีกเหรอ?
“เฮ้อไปสักที” ฉันถอนหายใจอย่างโล่งอก เมื่อพี่วิศวะคนนั้นเลิกมองฉันแล้วเดินออกไปกับเพื่อนของเขาที่ใส่ชุดช็อปเหมือนกัน และฉันรู้สึกได้ว่าเขานั่งมองฉันอยู่อย่างนั้นเกือบครึ่งชั่วโมง ถ้าไม่ติดว่าหล่อนะฉันคงคิดว่าเขาเป็นโรคจิตแน่ ๆ..
“เอาล่ะค่ะ งั้นตอนนี้พี่จะปล่อยให้พวกเราไปทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่กันเนอะ ยังไงก็อย่าลืมปฏิบัติตามกฎที่พี่พูดถึงด้วยนะคะ” และแล้วเสียงสวรรค์ของ ‘พี่อิงฟ้า’ ก็ช่วยทำให้ใจฉันรู้สึกกระชุ่มกระชวยขึ้นมา
“แกกลับเลยมั้ย” เอวาถามฉันพร้อมกับลุกขึ้นยืน
“ไม่รีบอะ แกล่ะ” ฉันตอบและถามเธอกลับ เมื่อยกแขนขึ้นมองนาฬิกาดูนี่มันเพิ่งจะสามโมงครึ่งเอง
“ไม่รีบเหมือนกัน งั้นไปกินชานมไข่มุกหน้าตึกกันปะ” เอวาชวนฉัน
“ก็ดีนะ เอ๊ะ ! เดี๋ยวฉันแนะนำเพื่อนให้แกรู้จัก” ฉันว่าแล้วก็มองหาเพื่อน
“ไวน์” แล้วก็ได้ยินเสียงของนาเดียร์ลอยมาแต่ไกล
“เดียร์ นี่เอวา เพื่อนใหม่” ฉันแนะนำเอวาให้นาเดียร์รู้จัก เมื่อเพื่อนมาถึง
“หวัดดี เราเดียร์นะ” นาเดียร์หันไปยิ้มให้เอวา
“หวัดดี” เอวาก็ยิ้มตอบ
“ไปคุยกันที่ร้านชานมไข่มุกเถอะ” ฉันบอกแล้วก็เดินนำหน้าเพื่อนทั้งสองไปยังร้านชานมไข่มุกทันที…
ที่ร้าน Coffee..
“เอาโกโก้ลาวาไข่มุกค่ะ” ฉันสั่งน้ำหวานกับทางพนักงาน
“ชาเขียวเพิ่มไข่มุกค่ะ” นาเดียร์เองก็สั่งของตัวเองเช่นกัน
“โกโก้มิลค์ไข่มุกค่ะ” ส่วนเอวาก็สั่งน้ำหวานตามที่เธอชอบ
เมื่อสั่งเมนูที่ต้องการแล้วพวกฉันก็เดินเข้าไปในร้านเพื่อหามุมที่นั่ง ซึ่งภายในร้านก็มีนักศึกษาชายหญิงหลายคณะอยู่พอประปราย
“นี่ แกเห็นมั้ยวันนี้อะ พวกพี่เอ็มมาที่คณะเราด้วยอ่า หล่อสุดๆเลย” เสียงของผู้หญิงที่นั่งโต๊ะข้างๆ มีประมาณสี่ถึงห้าคนคุยกันเสียงไม่เบาเลย
“เห็นสิ ออร่ากระจายกันทุกคนเลย”
“เฮ้อ หล่อกันทั้งแก๊งเลยอะ”
“เออ พี่ว้ากทั้งแก๊งเลยด้วย งานดีสุดๆ”
“ไวน์ ขอไลน์หน่อยสิ” ฉันเลิกสนใจเสียงผู้หญิงที่คุยกันตรงโต๊ะข้างๆ แล้วหันไปหยิบโทรศัพท์จากมือเอวามากดไลน์ให้เธอ
“เขาพูดถึงใครเหรอแก” นาเดียร์กระซิบกระซาบถามเสียงเบาใส่ข้างหูของฉัน
“ไม่รู้” ฉันส่ายหน้าให้นาเดียร์
“คงพูดถึงพวกพี่ราชามั้ง” เอวาพูดเสียงเบาให้ได้ยินกันเพียงแค่สามคน
“เหรอ” นาเดียร์พยักหน้า พลางจัดการตั้งแชทกลุ่มที่มีแค่เราสามคนแล้วจากนั้นเอวากับนาเดียร์ก็ซุบซิบอะไรกันก็ไม่รู้อยู่สองคน..
สามสิบนาทีที่นั่งเล่นที่ร้านชานมไข่มุก ฉันและเพื่อนทั้งสองก็ออกมายืนนอกร้าน แล้วก็เป็นฉันเองที่เอ่ยขึ้นมาว่า
“ไว้เจอกันนะพวกแก” ฉันโบกมือให้เพื่อนทั้งสอง
“โอเค เจอกัน อย่าลืมสืบนะเดียร์” เอวาว่าแล้วก็หันไปโบกมือให้นาเดียร์แล้วก็เดินจากไป
“ได้เลย” นาเดียร์ยิ้มให้เอวา
“สืบอะไร” ฉันถามนาเดียร์
“แกจอดรถไว้ไหน” นาเดียร์ไม่ตอบคำถามแต่เธอหันหน้ากลับมาถามฉัน
“ตึกห้องสมุดน่ะ แกล่ะ” ฉันบอกเพื่อนแล้วค้นหากุญแจรถ วันนี้ตอนฉันมารถเยอะมาก เพราะวันนี้เป็นวันลงทะเบียนเรียนของรุ่นพี่ บางคนก็มาลงทะเบียนกับเพื่อนที่มอ ทำให้บรรยากาศมันดูคึกคักเป็นพิเศษรวมถึงการที่ฉันไม่มีที่จอดรถด้วย
“ตรงโน้น ตึกใหญ่ฝั่งทางนู้น” นาเดียร์ชี้ไปอีกทางที่ไม่ใช่ทางเดียวกันกับฉัน
“งั้นแยกกันตรงนี้นะ” ฉันโบกมือให้นาเดียร์แล้วเดินออกมา ไม่ใช่อะไรหรอกนะที่รีบกลับนี่คือที่ห้องมีเจ้ากรรมนายเวรรออยู่…
Condo KT..
ติ๊ด!..
“เหมียววว” ทันทีที่กดรหัสเข้าห้องแล้วเปิดประตูเข้ามาด้านใน ก็เห็นเจ้าก้อนสีขาวขนปุย มันยืนตรงหน้าแล้วมองมาทางฉันอย่างดุๆ
“ถั่วพู” ฉันเอ่ยทักและอุ้มเจ้าแมวตัวอ้วนสีขาวขึ้นมาหอมซ้ายหอมขวาอย่างคิดถึง
หึ ฉันเลี้ยงเจ้าแมวตัวนี้มาเกือบปีแล้วแหละ อย่าถามนะว่าทำไมฉันตั้งชื่อมันว่าถั่วพูเพราะฉันก็ตอบไม่ได้เหมือนกัน ที่มาของชื่อถั่วพูนี่ไม่มีเลย น้องเป็นตัวเมียที่กำลังน่ารักแถมยังขี้อ้อนอีกด้วย
“หิวมั้ย” ฉันถามมันแล้วอุ้มพาเดินไปยังมุมอาหารของเจ้าแมวอ้วน
“เหมียวว” มันร้องพลางมองหน้าฉัน
“นี่ถั่วพูลูกแม่คงหิวสินะ” เมื่อเดินมาถึงก็เห็นว่าอาหารที่ฉันเทไว้ให้นางเมื่อเช้านี้หมดแล้ว ไอ้เจ้าอ้วนนี่ก็หิวบ่อยเหลือเกิน
“เหมียวว”
“กินจนอ้วนแล้วนะเธอ” ฉันบ่น เพราะไปหาหมอครั้งไหน ฉันต้องโดนหมอว่าทุกครั้งที่ปล่อยให้ถั่วพูน้ำหนักขึ้นแบบนี้
“เหมียวว” มันร้อง เหมือนมันจะรู้ว่าถูกดุ
“เอาสิ กินซะเจ้าแมวอ้วน” ฉันวางนางลงบนพื้นพร้อมกับเอาอาหารมาเทไว้แล้วก็เดินไปจัดการกับห้องน้ำของแม่นาง เมื่อเสร็จแล้วฉันเข้าห้องมาเปลี่ยนชุด..
เพราะหิวมาก วันนี้กิจกรรมดูดวิญญาณฉันไปแทบตาย แต่ก็ยอมรับว่าสนุกถือว่าคณะฉันนี่ไม่ค่อยเคร่งครัดนะ เพราะฉันก็ค่อนข้างที่จะแอนตี้กับการรับน้องเหมือนกัน
แต่เท่าที่ฟังรุ่นพี่เล่ามาก็แค่เราทำตามกฎระเบียบ พี่ว้ากก็ไม่ลงมาด่าหรอกแล้วกฎระเบียบที่พี่เขาว่ามานี่คือฉันคิดว่ามันยอมรับได้ ไม่ได้บ้าอำนาจจนเกินไป
ฉันจัดการเปลี่ยนชุดเป็นกางเกงขาสั้นเสื้อยืดธรรมดา เพราะไม่ได้ไปไหนไกลแค่ร้านอาหารตามสั่งข้างคอนโดนี่เอง ฉันหยิบกระเป๋าสตางค์แล้วก็โทรศัพท์เดินออกจากห้องนอน
“ถั่วพู เดี๋ยวแม่มานะ” ฉันเปิดประตูพร้อมกับบอกเจ้าถั่วพูที่กำลังกินอาหารของนางอย่างเอร็ดอร่อยอยู่ แล้วเดินลงไปข้างล้าง…
ร้านอาหารตามสั่งข้างคอนโด..
“ป้าคะ เอาข้าวผัดปูไม่ใส่ผักค่ะ” ฉันสั่งป้าเจ้าของร้าน แล้วก็เดินเข้าไปนั่งข้างในร้านและเลือกนั่งที่โต๊ะด้านในสุด
ติ๊ง!.. ทันทีที่นั่งลง ก็ได้ยินเสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์
แก๊งนางฟ้า สาม..
Nadia : ส่งรูปภาพ
AVA Araya : ส่งอิโมจิโบกมือทักทาย
Nadia : แก๊งพี่ว้ากวันนี้ ที่เพื่อนๆ พูดถึงอะ
AVA Araya : งานดี
ฉันเปิดเข้าไปดูก็เห็นว่าเป็นนาเดียร์ที่ส่งรูปเข้ามา เป็นกลุ่มพี่ว้ากคณะของฉันและอีกสามคนคงเป็นพี่ๆอีกคณะ แล้วสายตาฉันก็มองไปเห็นผู้ชายคนนั้นคนที่ยืนมองฉันเมื่อกลางวันนี้
Nadia : ไงแก คนไหนหล่อสุด
AVA Araya : แกถามใคร ฉันหรือ ไวน์
Nadia : แกทั้งสองนั่นแหละ ไวน์ แกว่าพี่ว้ากคนไหนหล่อและเท่สุด
ฉัน : ไม่ตอบแต่ส่งภาพอิโมจิครุ่นคิดกลับไป
Nadia : ส่งภาพพี่คนที่จ้องฉันเมื่อตอนเที่ยงมา
AVA Araya : พี่เอ็มเหรอ ไวน์แกว่าไงพี่เขาหล่อไหม
ฉันยังไม่ได้ตอบคำถามของเอวา เพราะมัวแต่ขยายรูปภาพของพี่คนที่จ้องฉันเมื่อตอนเที่ยง ซึ่งฉันยิ้มเบาๆ เมื่อมองภาพนั้น
ครืดด!!..
แต่แล้วก็มีเสียงเลื่อนเก้าอี้ตรงหน้าจึงทำให้ฉันเงยหน้าขึ้นมอง
“พะ” ฉันหุบยิ้มปิดมือถืออย่างเร็ว พลางพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่ติดอ่าง เพราะไม่รู้ว่าจะเรียกคนตรงหน้าว่าอย่างไร จะเรียกเขาว่าพี่หรือคุณดี ซึ่งเธอทำตัวไม่ถูกเลยจริงๆ
“เป็นอะไร” เสียงทุ้มต่ำถามขึ้นเมื่อเห็นว่าฉันเอาแต่จ้องตาเขม็ง และนั่นทำให้ฉันทำได้เพียงแค่กะพริบตามองเขาตาค้าง
“..” ซึ่งฉันไม่พูดและตอบคำถามของเขา แต่มองไปรอบๆ ก็เห็นว่าโต๊ะว่างมีตั้งเยอะตั้งแยะแล้วทำไมเขาถึงมานั่งตรงหน้าฉันด้วยนะ และตอนนี้ฉันก็นั่งเกร็งไปหมดแล้ว
“ข้าวผัดปูมาแล้วจ้า” แล้วเสียงของพนักงานเสิร์ฟก็ดังขึ้น พร้อมกับจานข้าวที่วางลงตรงหน้าฉัน
“ขอบคุณค่ะ” ฉันหิวมากนะแต่ไม่กล้ากิน
“ทำไมไม่กิน” คนตรงหน้าพูดเหมือนสั่ง ทำให้ฉันรีบก้มหน้างุด นี่ถ้าก้มลงมากกว่านี้หน้าฉันคงทิ่มจานข้าวแน่นอนเลย
‘โอ๊ย ! อยากจะบ้าตายทำไมเขาต้องมานั่งจ้องหน้ากันด้วยนะ นี่ของโปรดที่เคยอร่อยตอนนี้แทบกินไม่ลงแล้ว’ ฉันพูดในใจเมื่อตักข้าวเข้าปากแล้วเคี้ยวข้าวอย่างช้าๆ มันเกร็งมาก
ครืดดด!!..
“อะไรของเขานะ” ฉันพูดคนเดียวเบาๆ เมื่อเงยหน้าขึ้นมองเห็นคนที่นั่งตรงหน้าลุกขึ้นแล้วเดินจากไป ฉันไม่ได้สนใจว่าเขาไปไหนเพราะตอนนี้ฉันต้องรีบกินข้าว
“แค่กกก!!” เพราะฉันรีบร้อนตักข้าวกินจึงไอสำลัก
“กินช้าๆก็ได้ ดูสิหน้าแดงหมดแล้ว” เขาพูดทั้งที่ยิ้มมุมปาก พร้อมวางแก้วน้ำตรงหน้าฉัน แล้วเขาก็นั่งลงที่เดิมซึ่งเป็นฝั่งตรงข้ามกับฉัน
ฉันเหล่ตามองแก้วน้ำที่วางลงบนโต๊ะตรงหน้าพร้อมกับมองหน้าเขา พี่วิศวะคนนั้นนั่นแหละนี่เขายังไม่ไปอีกเหรอเนี่ย
“ให้หนูเหรอคะ” ฉันพูดทั้งที่ทุบหน้าอกตัวเองเพราะสำลักข้าวอยู่
“อื้อ” พี่เขาพยักหน้าให้แล้วยื่นมือมาจับเม็ดข้าวที่ติดอยู่ตรงปลายผมออกให้ฉัน
“อุ๊ย!” ฉันเขยิบหน้าหนีมือของพี่เขา
“กินมูมมามเหมือนเด็กจัง ดูสิข้าวติดผมน่ะ” พี่เขาชูเม็ดข้าวให้ฉันดู
“ค่ะ” ฉันอายมาก หน้านี่ร้อนวูบวาบเหมือนถูกแสงแดดแผดเผาเลยล่ะ
“กินน้ำสิ จ้องหน้าพี่ทำไม” พี่เขาพยักหน้าให้ฉัน
“ขอบคุณค่ะ” ฉันดื่มน้ำแล้วกินข้าวอย่างช้าๆอย่างที่พี่เขาบอก ไม่นานป้าก็เอาข้าวมาเสิร์ฟให้พี่เขา ฉันเหลือบมองจานข้าวของพี่เขาแล้วหันมามองข้าวตัวเองแล้วรู้สึกว่าตัวเองเป็นเด็กไปเลย
เขากินข้าวผัดพริกเผามีพริกเยอะมากส่วนของฉันข้าวผัดไม่มีผัก จะว่าไม่มีก็ไม่เชิงเพราะป้าแกก็มีแถมคะน้ามาให้อยู่ ดีที่ไม่เยอะฉันจึงเขี่ยมาวางไว้ขอบจาน
“ทำไมไม่กินผัก” แล้วเสียงจากคนตรงหน้าก็ทำให้ฉันเงยหน้าขึ้น
“ถามหนูเหรอคะ” ฉันทำหน้างงแล้วถามพี่เขากลับไป
“..” ไม่มีเสียงตอบรับนอกจากสายตานิ่งๆอย่างเคย คงจะถามฉันนั่นแหละก็นั่งกันอยู่สองคนแถมคนที่ไม่กินผักก็ฉันนี่แหละ
“มันขมค่ะ” ฉันบอกเขาไปแล้วมองผักบนจานอย่างแขยง
“อื้อ” เขาพยักหน้า
“เอ่อ พี่คะ” ฉันเอ่ยขึ้นทันที เมื่อคนตรงหน้าเอาช้อนตักผักในจานของฉันไป
“อะไร” พี่เขาเงยหน้าขึ้น จ้องฉันด้วยสายตาดุดัน
“เอ่อ นั่นมันของหนูนะ” เขาเป็นใครฉันยังไม่รู้จักชื่อเลย จู่ ๆ ก็มาทำอย่างนี้ฉันว่ามันแปลกๆ นะ
“ก็เธอไม่กิน พี่ก็กินให้เสียดาย” เขาบอกแล้วก้มหน้าก้มตากินข้าวต่อ
“แต่ผักนั่น หนูเขี่ยทิ้งแล้วนี่คะ” เอาตามตรงคือรู้สึกไม่สบายใจเลยผักนั่นเหมือนฉันทิ้งแล้วด้วย
“ไม่เป็นไรหรอก กินๆ ไป” เขาทำเหมือนผู้ใหญ่ดุเด็กน้อย โดยไม่เงยหน้ามองฉัน ฉันจึงได้แต่ทำหน้ามุ่ยอย่างไม่ค่อยพอใจ..
ผ่านไปเกือบห้านาทีฉันก็กินข้าวจนหมดแล้วก็เงยหน้าขึ้นมา เห็นว่าคนตรงหน้าก็อิ่มแล้วเหมือนกันฉันจึงจัดการรวบช้อนแล้วหยิบเอาโทรศัพท์และกระเป๋าสตางค์ขึ้นมา
“งั้นหนูขอตัวก่อนนะคะ” ฉันลุกขึ้นยืนก้มหัวให้พี่เขาเล็กน้อยแล้วหยิบเงินขึ้นมาถือไว้แล้วเดินไปหาป้าที่นั่งอยู่หน้าร้าน
“สองจานครับ ไม่ต้องทอน” แต่ยังไม่ทันได้ยื่นเงินให้ป้าก็มีมือใหญ่ยื่นไปจ่ายตัดหน้าเสียก่อน
“พี่คะ” ฉันหันไปมองคนจ่ายเงินอย่างนึกสงสัย นี่เขาต้องการอะไรกันแน่
“จ่ายให้แล้ว” เขาบอกฉันแล้วเดินจากไป
เมื่อตั้งสติได้ ฉันจึงวิ่งตามเขาไป
“พี่คะ” ฉันเรียกเขาไว้
“..” ซึ่งพี่เขาก็หยุดแล้วหันหน้ามาหาฉัน
“เอ่อ นี่ค่าข้าวหนูค่ะ” ฉันประหม่าเล็กน้อยแต่ก็ทำใจกล้ายื่นเงินให้เขา
“ไม่เป็นไร” พี่เขาปรายตามองเงินฉันเล็กน้อยแล้วหันหน้าหนี
“ได้ไงคะ เราไม่ได้รู้จักกันซะหน่อย เพิ่งเจอกันจะมาเลี้ยงข้าวกันได้ยังไง” ฉันไม่ยอมจึงเถียงเขา
“เดี๋ยวก็รู้จัก” เขาพูดเสียงขึงขัง พร้อมทำหน้าตาดุดันใส่ฉัน
“งั้นก็ขอบคุณนะคะสำหรับข้าวมื้อนี้” ดูท่าแล้วเขาคงไม่ยอมรับเงิน ฉันจึงถอนหายใจแล้วเอ่ยขอบคุณเขา
“อื้อ” เขากระตุกยิ้ม จ้องฉันตั้งแต่เท้าถึงหัวจนฉันประหม่าไปเลย
“ขอตัวนะคะ” สายตาของเขา ทำให้ฉันทำตัวไม่ถูกจึงรีบหมุนตัวเดินกลับหลัง
“เดี๋ยว !” เสียงที่ดังขึ้นพร้อมกับมือใหญ่ยื่นมาจับหัวไหล่ของฉัน
“คะ ?” ฉันรีบขยับตัวถอยหลังเมื่อได้ยืนใกล้เขา
“ทีหลังอย่าแต่งตัวอย่างนี้ลงมาข้างล่างอีก” เขาพูดเสียงแข็งใส่ฉัน
“คะ ?” ฉันงงนะเนี่ย
“เข้าใจมั้ย” เขาถามเสียงตึง ดูเหมือนไม่พอใจฉัน
“ทะ ทำไม” ฉันใจเต้นแรงและสั่นไปหมด แม้แต่เสียงเอ่ยถามเขาก็ยังสั่นระริก
“พี่หวง” เขาพูดจบประโยค แล้วก็เดินจากไป
ซึ่งเขาปล่อยให้ฉันยืนหน้าตาร้อนวูบวาบด้วยความเขินอาย แต่โชคดีที่เขาไม่เห็นเพราะเขาได้เดินไปไกลแล้ว…