ความเงียบงันดังกระหึ่มขึ้นราวกลองศึกที่ถูกตีในสนามรบ ทุกคนต่างสะเทือนใจในคำพูดของโสภี นางได้แต่ซับน้ำตาที่รินไหล ในขณะที่นางมารตีและบุตรสาวก็มีท่าทีไม่ต่างกัน
“พ่อรักแม่มากนะคะ ในขณะที่พ่อก็รักคุณน้าโสภีเช่นกัน ทำไมเราไม่อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข ให้พ่อที่อยู่บนสวรรค์ได้สบายใจละคะ พี่ฉัตร...ทรัพย์สมบัติที่พ่อให้คุณน้าก็ไม่ได้มากมายเลยนะคะ ทั้งเงินสด เครื่องเพชร ที่ดิน และหุ้นในบริษัทมันก็ยังเป็นของเรา ส่วนที่คุณพ่อยกให้คุณน้าก็แค่เล็กน้อย พอเพียงที่จะทำให้คุณน้าอยู่อย่างสุขสบายในบั้นปลายชีวิต พี่ฉัตรก็ปล่อยวางบ้างเถอะค่ะ อย่ามีอคตินักเลย” โฉมงามเอ่ยอย่างมีสติ ไม่ชอบเลยเวลามีคนมาทะเลาะกันให้เห็น พี่ชายเธอเป็นพวกอารมณ์ร้าย เขาไม่ฟังใครหรอกหากได้โกรธขึ้นมา
ศราวิลส่งเสียงจิ๊จ๊ะในโพรงปากอย่างไม่พอใจ สายตาคมตวัดมองสองแม่ลูก แต่จุดโฟกัสมิได้อยู่ที่โสภี ทว่าอยู่กับอีกคนที่นั่งอยู่ข้างกัน เขามองหล่อนไม่วางตา ในขณะที่หล่อนก็จ้องตอบกลับมาอย่างอวดดี วงหน้าเรียวรูปไข่ของหล่อนนวลเนียนยิ่งนัก ปากนิดจมูกหน่อยแต่ดวงตากลมโต ริมฝีปากหล่อนอิ่มอวบ สีแดงระเรื่อก็ยิ่งชวนให้จ้องมอง
“พี่ไม่ได้มีอคติ พี่แค่...รังเกียจพวกคนโลภ”
เขาเอ่ยลอยๆ แต่ยังจ้องอยู่ที่อาทิตา
“ฉันจะไม่เอาอะไรเลยค่ะ คุณสบายใจได้เลย” โสภีว่า
ศราวิลยิ้มอย่างพอใจ แต่ก็ยิ้มได้เพียงเดี๋ยวเดียวเท่านั้น
“แต่ซันจะเอา! เอาทุกอย่างที่ท่านศราให้แม่”
“ยัยซัน...ไม่เอาน่า อย่าหาเรื่องใส่ตัวเลยลูก” คนเป็นแม่ห้ามบุตรสาว เจ้าบ้านแสดงท่าทีเป็นปรปักษ์ขนาดนี้ นางจะทนอยู่เข้าไปได้อย่างไร
“แต่มันเป็นของแม่ แม่อย่าให้อารมณ์อ่อนไหวของแม่มาเกี่ยวสิ เราจะอยู่ยังไงถ้าไม่มีเงิน ซันยังหางานทำไม่ได้ ค่าใช้จ่ายอย่างอื่นอีก เราต้องเอาไว้ก่อนนะแม่ แม่เชื่อซันสิ” คนเป็นลูกหว่านล้อมคนเป็นแม่ โสภีได้แต่ส่ายหน้า เวลานี้นางไม่อยากได้อะไรเลย
“ถ้าอยากได้มากนักก็เชิญ แต่บอกไว้ก่อนนะว่าส่วนแบ่งของไร่ปกฉัตร ผมไม่มีวันให้ใคร ถ้าจะมานั่งงอมืองอเท้ารอส่วนแบ่งตอนสิ้นปีละก็ ฝันไปเถอะ! ถ้าอยากได้ก็ต้องช่วยกันทำงาน ทำไหวไหมล่ะเธอน่ะ”
เขาถามเสียงติดเยาะเย้ยเพราะมั่นใจว่าสาวหุ่นบางร่างเล็กตรงหน้าคงไม่มีวันไปตากแดดตากลมกรำงานในไร่แน่นอน
“ฉันทำได้ทุกอย่าง เพราะไร่นั่นมันก็เป็นของแม่ฉันด้วยเหมือนกัน” อาทิตาตอบกลับอย่างอวดดี
มารตีลอบยิ้ม รู้สึกว่าบุตรชายของนางจะเจอมวยถูกคู่เสียแล้ว ดีเหมือนกัน เจ้าลูกชายตัวดีจะได้รู้เสียบ้างว่าตัวเองไม่ได้ยิ่งใหญ่เหนือทุกคน
“ตาฉัตรจะกลับไร่ที่มหาสารคามวันมะรืน คุณโสภีให้แม่หนูคนนี้ไปไร่พร้อมกับลูกชายฉันก็ได้” มารตีแนะ
“แต่ว่า...” โสภีอ้ำอึ้ง รู้สึกหวั่นใจอย่างไรบอกไม่ถูก
“หนูชื่อซันค่ะคุณท่าน วันมะรืน ซันจะเตรียมข้าวของมาค่ะ”
“ดีมากจ้ะ หนูเป็นคนเข้มแข็งมาก คงช่วยลูกชายฉันดูไร่ได้อีกแรง”
“ตัวเท่ามดจะทำอะไรได้ครับแม่ นอกจากยืนชี้นิ้วสั่งเป็นคุณนาย”
ศราวิลยุเข้าให้ ดูก็รู้ว่าหล่อนเป็นพวกไม่ยอมคน เวลานี้เขาต้องการความมั่นใจว่าหล่อนจะไปกับเขาจริงๆ เมื่อถึงตอนนั้นละก็ หึๆๆ เสร็จแน่!
“ซันอึดค่ะ รับรองว่าช่วยได้แน่ๆ” อาทิตายืนยันอีกครั้ง
โสภีได้แต่เขย่าแขนบุตรสาวแรงๆ รู้ว่าครั้งนี้บุตรสาวทำเกินไป ลูกชายของคุณศราก็เพิ่งรู้จักเอาวันนี้ อีกวันสองวันก็ต้องติดสอยห้อยตามเขาไปอยู่ต่างจังหวัด นางจะไว้ใจได้ไหมนี่
“จะดีหรือยัยซัน อย่าไปเลยลูก”
“โธ่แม่ ไร่นั่นก็ของแม่ครึ่งหนึ่งนะ เราต้องไปดูด้วยตัวเองสิแม่ เดี๋ยวเขาก็หาว่าเราเอาเปรียบพอดี”
“แต่แกไม่ได้จบเกษตรนะ แกจบบัญชี” โสภีว่า พยายามใช้น้ำเสียงที่เบาที่สุด แต่มันก็ยังดังอยู่ดีในห้องกว้างที่ไร้ซึ่งเสียงสนทนาของบุคคลอื่น
“ซันทำได้แม่ เชื่อซันสิ แม่กลับบ้านไปเก็บเสื้อผ้ามาอยู่ที่นี่ให้สบายใจดีกว่า ที่เหลือซันจัดการเอง นะแม่นะ” อาทิตาบอกมารดา ทั้งสีหน้าท่าทางแสดงถึงความมั่นอกมั่นใจเป็นล้นพ้น แม้ว่าในใจยังนึกหวั่นก็ตาม เธอต้องทำให้ได้ เพื่อมารดาของตัวเอง
สองทนายนำเอกสารมาให้ทุกคนเซ็นเพื่อรับทราบข้อตกลงทั้งหลาย ก่อนจะขอเอกสารของโสภีเพื่อจัดการโอนเงินจำนวนหนึ่งให้นาง สองแม่ลูกลากลับในเวลาต่อมา โสภีแจ้งแก่นางมารตีว่าจะย้ายเข้ามาอยู่ตึกชมพูในวันเดียวกันกับที่บุตรสาวจะมาที่นี่ เพื่อไปไร่พร้อมกับศราวิล
ปริญและบิดากลับไปในเวลาไล่เลี่ยกัน โฉมงามอาสาไปส่งคู่หมั้นหนุ่มที่รถ ในห้องกว้างจึงเหลือเพียงเจ้าบ้านสูงวัยกับบุตรชาย
“ลูกคิดยังไงถึงอยากให้แม่หนูนั่นไปช่วยงานที่ไร่ ผอมบางขนาดนั้นจะไปทำอะไรได้” คนเป็นแม่ท้วงถาม
บุตรชายลุกขึ้นช้าๆ เดินไปที่หน้าต่างกระจก แลเห็นสนามหญ้าสีเขียวซึ่งปูเป็นพรมอยู่ด้านนอก
“ก็ของของเขาก็ให้เขาไปดูแลเองสิครับแม่ เขาจะได้รู้ว่าของที่ได้มาง่ายๆ มันไม่มีจริงหรอก ไม่มีอะไรที่ได้มาโดยไม่ลงแรงใจ...แรงกาย”
ศราวิลเอ่ยเป็นปริศนา แต่ปริศนานั้นนางมารตีกลับไขให้กระจ่างได้อย่างง่ายๆ
“ลูกจะไม่ทำอะไรแม่หนูนั่นใช่ไหม เธอสวยมาก แม่เห็นและลูกก็คงเห็นเช่นกัน”
“โธ่...แม่ครับ...” ศราวิลโอดครวญ แต่แทนที่จะเอ่ยปฏิเสธ กลับยิ้มยั่วแล้วตอบว่า “ถ้าผมทำเมื่อไหร่ แม่คงรู้เองละครับ”
บุรุษร่างสูงเอ่ยทิ้งท้าย ก่อนจะก้าวออกไปจากห้องด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ มันทำให้คนที่ยังนั่งอยู่ต้องส่ายหน้าช้าๆ อย่างหนักอกหนักใจ
“คุณศรา เตือนลูกชายของคุณด้วยนะ อย่าให้เขาทำอะไรแม่หนูนั่นเลย แม่หนูนั่นหัวใจแกร่งนะ ฉันกลัวเหลือเกินว่าสักวันหนึ่งลูกเราจะเสียใจ”
มารตีเอ่ยบอกสามีผู้ล่วงลับ ภายใต้ท่าทีเจ้าเล่ห์ของศราวิลนั้น ซ่อนไว้ด้วยไฟแห่งโทสะ เขาอารมณ์ร้อน วู่วาม และกล่าวโทษทุกสิ่งหากว่ามันจะทำให้เขาเป็นผู้ชนะ และที่สำคัญ ศราวิลเจ้าชู้ได้มากกว่าคนเป็นพ่อหลายเท่านัก
“หวังว่าประวัติศาสตร์จะไม่ซ้ำรอยนะตาฉัตร อย่าให้มันซ้ำรอยเลย”