บทที่ 1/1 ชะตาสวาท
พิมพ์ครั้งที่ 1 สิงหาคม 2561
พิมพ์ครั้งที่ 2 ธันวาคม 2564
ผู้แต่ง อัญจรี
พิสูจน์อักษร อัญจรี
ออกแบบปก เอมิลี่
จัดพิมพ์โดย อัญจรี
รอยใจในไฟแค้น แต่งโดย อัญจรี
สงวนลิขสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537
ผู้มีจารีตมิควรหยิบยก คัดลอก แบบหรือดัดแปลงส่วนใดส่วนหนึ่งของหนังสือเล่มนี้ รวมทั้งการถ่ายทอด ถ่ายเอกสาร สแกน ถ่ายภาพ ในรูปแบบหรือวิธีการใดๆ ทั้งปวงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากผู้เขียนเป็นลายลักษณ์อักษร
รอยใจในไฟแค้น
บทที่ 1
ชะตาสวาท
เช้าตรู่ในวันฝนโปรย รถยุโรปคันหรูเคลื่อนออกจากหน้าบ้านหลังหนึ่งไปช้าๆ บ้านก่ออิฐถือปูนตรงกลางซอย ที่ถูกล้อมไว้ด้วยเถาของต้นรกฟ้า มันเลื้อยจากที่ใดมิอาจรู้ แต่พันเกี่ยวรั้วอัลลอยด์สีขาวจนแลเห็นเพียงดอกสีแดงกระจุ๋มกระจิ๋มบนใบสีเขียวสด
เจ้าบ้านสาวใหญ่ในวัยสี่สิบแปดปี แต่ใบหน้ายังงามพริ้ม ผลักรั้วเข้ามาในบ้านเมื่อไฟท้ายของรถยุโรปหายไปจากสายตา
เวลาเดียวกันนั้น บนชั้นสองของบ้าน อาทิตา อรุณวิวัฒน์ ค่อยๆ ถอยออกจากกรอบหน้าต่าง เมื่อรถหรูคันดังกล่าวแล่นจากไป
นาทีถัดมาก็ได้ยินเสียงกุกกักที่ชั้นล่าง เธอเดินลงมาเพื่อจะพบว่ามารดากำลังนั่งกระดกเบียร์อยู่ในครัว
นั่นแสดงว่า ‘สามีของแม่’ คงกลับไปแล้วจริงๆ
“นี่เงิน เอาไปจ่ายค่าน้ำค่าไฟให้เรียบร้อย ที่เหลือก็เก็บไว้ซื้อเบียร์ให้ฉันด้วย” มารดาหุ่นบอบบางร่างน้อย บอกบุตรสาวด้วยเสียงเรียบเรื่อย นางวางธนบัตรปึกหนึ่งลงบนโต๊ะ
อาทิตาทำหน้าบูดหน้าบึ้งมานั่งแหมะลงตรงข้ามมารดา เธอไม่อยากตกอยู่ในสภาพนี้ แต่ด้วยวุฒิปริญญาตรีที่มีกันเกลื่อนกรุงฯ ทำให้เธอไม่สามารถหางานได้ตรงตามที่เรียนมา เธอตกงานมาครึ่งปีแล้ว และจำต้องแบมือขอเงินมารดาอยู่ร่ำไป
“ถ้าซันหางานได้เมื่อไหร่ ซันจะให้แม่เลิกกับท่านศรา”
บุตรสาวคนดีเอ่ยอย่างมุ่งมั่น ไม่ใช่เพิ่งพูดหรอกนะ แต่พูดมาหลายคราจนคนเป็นมารดาระอาใจ
โสภี อรุณวิวัฒน์ ยิ้มเย้ยบุตรสาว กระดกเบียร์อึกสุดท้ายก่อนจะลุกขึ้นยืน
“ฉันไม่เลิก ท่านศราดีกับฉันมากขนาดนั้น แกจะให้ฉันเลิกกับเขาได้ยังไง หรือแกอยากกัดก้อนเกลือกิน สำนึกหน่อยเถอะ ไม่ใช่เพราะฉันยอมเป็นเมียน้อยเขาหรือไง แกถึงได้มีกินมีใช้ มีเงินเรียนหนังสือจนจบปริญญา และอีกไม่นานหรอกนะ ท่านศราจะพาเราเข้าไปอยู่ในบ้านศรัยฉัตร ไม่ต้องมาอุดอู้อยู่ในบ้านเล็กๆ เท่ารูหนูอย่างนี้”
โสภีเอ่ยอย่างมีหวัง ก่อนจะเดินออกจากห้องครัว ในขณะที่อาทิตาถอนหายใจเฮือกๆ ท่านศราเข้านอกออกในบ้านนี้มาเกือบจะเท่าอายุของเธอแล้วนะ เธอยังไม่เห็นเลยว่าคำพูดที่มารดาเอ่ยจะเป็นจริงสักที
“ท่านศราก็ดีกับแม่นะ แต่เขาคงไม่คิดจะเชิดชูแม่ให้เป็นเมียออกหน้าออกตาหรอก แม่อย่าหลอกตัวเองเลย” คนเป็นลูกเอ่ยไล่หลังมารดา หยิบเอาเงินปึกนั้นแล้วเดินออกจากห้องครัว พรุ่งนี้เธอยังต้องออกไปหางานทำแต่เช้า มันต้องมีสักบริษัทนั่นแหละ ที่ยอมรับเธอเข้าทำงาน
บ่ายคล้อยวันถัดมา
ปลายเท้าเรียวของหญิงสาวในชุดสูทแบบสตรีสีฟ้าอ่อน ก้าวเข้ามาในรั้วสีขาวที่ตั้งของบ้านหลังน้อย อาทิตาดึงหนังยางเส้นเล็กที่รวบผมออก เพื่อให้หนังศีรษะได้ผ่อนคลายจากการถูกรวบจนตึง หญิงสาวถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน ล้าเหลือเกินกับการตะลอนสมัครงาน แว่วเสียงเหมือนคนร้องไห้ดังมาจากในบ้าน เธอจึงก้าวไวยิ่งกว่าเดิม เพื่อไปให้ถึงเจ้าของเสียงให้เร็วที่สุด
“แม่! เป็นอะไร ร้องไห้ทำไม!?”
อาทิตาร้องถามมารดาที่นั่งร้องไห้ฟูมฟายอยู่หน้าจอโทรทัศน์ บัดนี้มันกำลังฉายภาพข่าวเครื่องบินตก ในรายงานข่าวแจ้งว่าเครื่องบินมาเลเซียแอร์ไลน์เที่ยวบินหนึ่ง เกิดเหตุขัดข้องจนตกลงกลางหุบเขา โดยในเหตุการณ์ดังกล่าวมีผู้โดยสารชาวไทยอยู่ด้วย ทราบชื่อคือ นายศรา ศรัยฉัตร เจ้าของธุรกิจส่งออกน้ำตาลอันดับต้นๆ ของเมืองไทย
“มันไม่จริงใช่ไหมยัยซัน ไม่จริงใช่ไหม!? ฮือออ...”
โสภีร่ำไห้น้ำตารินเป็นสาย อาทิตานั่งลงข้างมารดา กอดนางไว้เพื่อปลอบประโลม เธอรู้ดีว่ามารดาโศกเศร้าเสียใจแค่ไหน เพราะหากท่านศราเสียชีวิตไปจริงๆ ละก็ เธอกับมารดาจะอยู่กินกันอย่างไร ตลอดเวลาที่ผ่านมา ท่านศราเป็นคนหยิบยื่นเงินทองมาให้ แม่คงกลัวว่าตัวเองจะลำบากกระมัง
“แม่ใจเย็นๆ ก่อนนะ ท่านศราไม่เป็นหรอกน่า”
คนเป็นลูกพยายามปลอบใจ แต่มันไม่ได้ผลเมื่อภาพข่าวที่เห็นมันชัดเจนยิ่งกว่าอะไร...
สิบวัน หลังจากเครื่องบินตก
โสภีเดินลงมาจากชั้นสองของบ้านในชุดเดรสสีดำยาวคลุมเข่า ใบหน้างามติดเศร้าหมอง มีรอยคล้ำใต้ขอบตาอย่างเห็นได้ชัด วันนี้เป็นวันเผาศพท่านศรา นางพยายามหักห้ามใจ แต่มันทำได้ยากเหลือเกิน
“แม่จะไปจริงเหรอ ซันไม่อยากไปเลย” อาทิตาในชุดเดรสสีนิลสนิท เอ่ยท้วงมารดา ตลอดงานสวดพระอภิธรรมศพท่านศรา เธอเกลี้ยกล่อมมารดาไม่ให้นางไป ที่นั่นมีบ้านใหญ่ของท่านศราคอยดูแลอยู่ เธอไม่อยากให้แม่มีปัญหาหากไปแสดงตัวว่าเป็นภรรยาอีกคนของท่าน
“ฉันไม่บอกใครหรอกว่าตัวเองเป็นใคร แกไปเป็นเพื่อนฉันหน่อยนะซัน ไปเป็นเพื่อนแม่หน่อยเถอะนะ” ท้ายประโยคอ้อนวอนเสียงแหบพร่า หยาดน้ำตารินไหลจนเจ้าตัวต้องหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาซับ
อาทิตาน้ำตาซึม ดูท่าว่ามารดาจะไม่ได้รักเงินของท่านศราเพียงอย่างเดียวกระมัง สายสัมพันธ์ฉันชายหญิงคงทำให้แม่ผูกพันกับท่านศรามากกว่าที่คนเป็นลูกอย่างเธอจะเข้าใจ
“แม่ไปรอที่รถเถอะ เดี๋ยวซันปิดบ้านแล้วจะตามไป”
บุตรสาวบอก น้ำตาคลอเบ้าเมื่อเห็นมารดาเอาแต่ร้องไห้ ตั้งแต่รู้ข่าวว่าท่านศราเสียชีวิต มารดาของเธอไม่สดใสเลย เอาแต่หมกตัวอยู่ในห้อง ข้าวปลาไม่ค่อยจะกิน แม้แต่เบียร์ยี่ห้อโปรดก็ไม่ยอมแตะด้วยซ้ำ
อาทิตาจัดการปิดบ้านช่องห้องหับให้เรียบร้อย ก่อนจะเดินมาขึ้นรถเพื่อขับไปงานศพของท่านศรา ในข่าวสังคมไฮโซยังมีการรายงานความเคลื่อนไหว แม้ว่าจะสวดศพวันท้ายๆ ก็ยังมีคนมาร่วมแสดงความเสียใจจนแน่นศาลา ท่านศราเป็นนักธุรกิจมีชื่อเสียง ไม่แปลกที่จะมีคนมาไว้อาลัยครั้งสุดท้ายเพื่อท่านมากถึงขนาดนั้น
นิยายเรื่องนี้หนังสือ ราคา 330 (หมดแล้ว)
EBOOK ที่ MEB ราคา 279 ค่ะ