บทที่ 2/1 ผู้ชายเถื่อนๆ

1123 Words
บทที่ 2 ผู้ชายเถื่อนๆ เมื่อถึงกำหนดเดินทาง โสภีกับอาทิตาก็กลับมาที่บ้านศรัยฉัตรอีกครั้ง พร้อมกับกระเป๋าเสื้อผ้าและข้าวของจำนวนหนึ่ง ในส่วนของอาทิตา ข้าวของถูกลำเลียงขึ้นรถกระบะสี่ประตูยี่ห้อดังของศราวิล เขายืนอยู่ข้างรถเพื่อดูแลความเรียบร้อย อาทิตาลอบมองเขาบ่อยๆ ด้วยว่าผู้ชายปากจัดที่เธอเห็นเมื่อวันก่อนกับวันนี้ แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เขาอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตลายตารางถี่ๆ สีดำสลับเทา สวมกางยีนสีกรมท่าเข้มข้น มีเข็มขัดเส้นใหญ่คาดสะเอว เขาสวมรองเท้าบูทยาวเกือบครึ่งน่องท่าทางแข็งแรง ถ้าสวมเสื้อกั๊กกับหมวกปีกกว้างเข้าไป คงได้เรียกคาวบอยไม่ใช่คุณศราวิล “มองหาสวรรค์วิมานอะไร!?” เสียงห้วนตวาดถามทำเอาอาทิตากะพริบตาปริบๆ หันมองข้างๆ ก็ไม่มีร่างมารดายืนอยู่ด้วย พอแลหาจึงพบว่ายืนคุยกับนางมารตีอยู่ที่เชิงบันได “มองอะไร? ฉันเปล่ามองนะ คุณนั่นแหละมองอะไร” “หมายความว่าไง” เขามุ่นคิ้ว “ก็ถ้าคุณไม่มองฉัน คุณจะรู้ได้ยังไงว่าฉันมองคุณ ประสาท!” อาทิตาโต้ตอบ ใจเต้นตึกๆ เมื่อถูกจับได้ ศราวิลกัดฟันกรอดๆ ขอให้คุณพระคุณเจ้าช่วยคุ้มครองหล่อนด้วยเถอะ ขอให้เขามีความอดทนมากพอที่จะไม่ขย้ำหล่อนก่อนถึงไร่ “อย่าคิดลองดีกับฉันนะอาทิตา” เขาเอ่ยเสียงลอดไรฟัน ขยับเข้าใกล้อีกนิดเพื่อจะได้คว้าเอาข้อมือหล่อนมากำแน่นอย่างต้องการสั่งสอน “โอ๊ย! ฉันเจ็บนะ! ผู้ชายบ้าอะไรไม่เป็นสุภาพบุรุษ หาเรื่องฉันไม่พอยังจะทำร้ายร่างกายฉันอีก ปล่อยนะ!” ศราวิลยิ้มที่มุมปากอย่างผู้ชนะ เมื่อเห็นว่าอาทิตาไม่มีวันสู้แรงเขาได้ หล่อนก็เป็นแค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งที่ปากจัดไปหน่อยเท่านั้น “ตาฉัตร! นั่นทำอะไรหนูซันฮะ!” เสียงของนางมารตีสามารถยุติการกระทำของบุตรชายได้ชะงัดนัก ศราวิลปล่อยมือจากอาทิตา หญิงสาววิ่งไปหามารดาในทันที “แม่!” อาทิตาร้องเรียก ใบหน้าบ่งบอกถึงความเจ็บปวด รีบยื่นแขนให้มารดาดู นัยหนึ่งต้องการให้นางมารตีเห็นด้วย “อะไรกัน ทำไมต้องทำรุนแรงด้วยคะคุณ พูดกันดีๆ ไม่ได้หรือคะ” โสภีถามเอากับศราวิล อดหัวเสียไม่ได้เพราะข้อมือข้างหนึ่งของอาทิตาขึ้นปื้นแดงอย่างเห็นได้ชัด “อยากมายั่วโมโหทำไมล่ะ” เขาแก้ต่าง ไม่ได้มีความนอบน้อมต่อโสภีแม้แต่น้อย “แต่ลูกไม่มีสิทธิ์ทำร้ายเธอนะ” มารตีชี้แจง ลูกชายอารมณ์ร้ายของนาง กลายร่างเป็นอันธพาลเสียแล้ว “เล็กน้อยครับแม่ เอาเป็นว่าผมขอโทษ และจะพยายามใจเย็นกับ น้องสาว คนนี้ก็แล้วกัน ไปกันได้หรือยังครับ ผมต้องขับรถอีกหลายชั่วโมงนะ” ถ้อยคำติดประชดของศราวิลไม่ได้ทำให้นางมารตีพึงใจ นางส่ายหน้าช้าๆ อย่างไม่รู้จะแก้อย่างไรกับนิสัยของเขา บางทีที่ศราวิลต้องการให้บุตรสาวของโสภีไปช่วยงานที่ไร่ เจ้าตัวอาจมีแผนการซ่อนอยู่ก็เป็นได้ “ไปเถอะลูก ใจเย็นๆ มีอะไรก็คุยกับพี่เขาดีๆ เข้าใจไหม” โสภีสั่งความแต่อาทิตาหน้างอง้ำ ทำปากยื่นจมูกย่นอย่างแสนขัดใจ พี่บ้าน้องบออะไรกัน อย่างเธอนี่หรือจะนับถือผู้ชายพรรค์นั้น ฝันไปเถอะ! “ค่ะแม่ แม่ดูแลตัวเองดีๆ นะ ซันเป็นห่วง” สั่งความมารดาพลางโอบกอด กอดนานเข้าน้ำตาหยดน้อยก็รินไหล เจ้าตัวพยายามปาดมันทิ้งแต่ก็ยังไหลอยู่ดี “ซันฝากแม่ด้วยนะคะคุณท่าน คุณท่านคงไม่ได้เป็นเมียหลวงใจร้ายเหมือนในละครใช่ไหมคะ” ฝากฝังสั่งความแต่ยังมิวายอยากได้ความมั่นใจ มารตียิ้มให้หญิงสาวที่เรียกตัวเองว่า ‘ซัน’ หญิงสาวคนนี้มีอะไรบางอย่างที่ทำให้นางต้องตอบตกลง “ฉันไม่ได้เป็นอย่างในละครแน่นอนจ้ะหนู ไม่ต้องเป็นห่วงแม่นะ ฉันรับรองว่าจะดูแลอย่างดี ไปทำงานให้สบายใจเถอะ” อาทิตายกมือไหว้หญิงสูงวัย ทำไมลูกกับแม่ต่างกันอย่างนี้นะ คนแม่นี่พูดแต่ละคำเนิบนาบอย่างผู้ดีมีสกุล ส่วนคนลูกนี่ ‘สถุล’ จริงๆ “จะไปกันได้หรือยังครับคุณผู้หญิง ผมสายแล้วนะครับ” ศราวิลร้องประชดมาอีก เขาเอ่ยจบก็ก้าวขึ้นรถกระบะสี่ประตูสีดำเงาวับ อาทิตาบ่นอุบให้คนที่เร่งเร้า เธอไม่เคยจากแม่ไปไหนไกลๆ เลย ขอร่ำลาให้อิ่มใจหน่อยไม่ได้หรือ มารตีมองตามร่างอรชรในชุดกางเกงยีนเสื้อยืดที่สวมทับด้วยเสื้อแจ็กเกตของอาทิตา จนหล่อนขึ้นรถของบุตรชาย สังหรณ์ใจพิกลว่าต้องมีเรื่องตามมาอีกแน่ๆ แม่หนูคนนั้นหน้าตาดีไม่หยอก ส่วนศราวิลก็เต็มไปด้วยเสน่ห์แห่งชายชาตรี แม้ว่าเขาจะปากร้ายไปบ้างก็เถอะ “คุ้มครองลูกของฉันด้วยนะคะคุณศรา ฝากลูกชายคุณดูแลยัยซันด้วยนะคะ อย่าใจร้ายกับลูกของฉันนักเลย” โสภียกมือท่วมหัว รู้สึกใจคอไม่ดีที่ส่งลูกไปกับผู้ชายที่ชื่อศราวิล เพราะความดื้อดึงของอาทิตาแท้ๆ ที่ทำให้นางต้องเป็นกังวล “อย่าห่วงเลยโสภี ถ้าเขากล้าทำอะไรหนูซันละก็ ฉันจะจัดการเขาอย่างตรงไปตรงมาแน่นอน จะให้ความยุติธรรมกับทุกฝ่าย เชื่อฉันเถอะ” ผู้เป็นเจ้าบ้านเอ่ยปลอบใจผู้มาอาศัยใบบุญ แต่คำปลอบนั้นกลับทำให้โสภีหนักใจมากกว่าเดิม “ถ้าเป็นไปได้ก็อย่าให้เกิดเรื่องเลยจะดีกว่านะคะ ความจริง...ฉันไม่น่าปล่อยให้ยัยซันไปเลย” “อย่ากังวลเลย ทุกอย่างถูกฟ้าลิขิตไว้แล้ว อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด เราเป็นมนุษย์เดินดินก็ได้แต่ยอมรับในโชคชะตา ฝืนมันไม่ได้หรอก อ้อ...ว่าแต่ลูกสาวเธอชื่ออะไรนะ” “อาทิตาค่ะ ชื่อเล่นว่า ซัน” โสภีรีบบอก “อาทิตานี่แปลว่าพระอาทิตย์ใช่หรือเปล่า” “ค่ะ ชื่อนี่ร้อนสมตัวทีเดียว” มารตียิ้มเย็น “ตาฉัตรไม่ได้ชื่อพระอาทิตย์ก็ร้อนไม่แพ้กันหรอก ร้อนกับร้อนมาเจอกันคงได้พอฟัดพอเหวี่ยง” “โธ่...คุณมารตีคะ นั่นยิ่งทำให้ฉันห่วง” “เธอห่วงหรือกลัวกันแน่โสภี”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD