น้ำเสียงแข็งกระด้างของอาทิตาตอกหน้านางมารตีกลับคืน เธอไม่ทนเห็นใครมารังแกมารดาได้หรอก แม้จะเป็นเพียงคำพูดก็ตาม
“รักเงินของพ่อน่ะสิ!”
เสียงกร้าวแกร่งดังมาตั้งแต่เจ้าตัวยังเดินมาไม่ถึง ศราวิลในชุดสูทเต็มยศเดินมานั่งลงอีกด้านของมารดา ใบหน้ายังดูหล่อเหลาไม่คลาย คิ้วดกหนาพาดเหนือดวงตาคมอย่างสง่า จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากรูปกระจับอวบอิ่มก็เจือสีแดงระเรื่อน่ามอง เขาไม่ได้ผิวขาวจัดอย่างมารดาหรือน้องสาว แต่ก็ไม่ใช่สีแทน มันก้ำกึ่ง แต่กลับทำให้ชวนมอง
บุรุษหนุ่มมาดเข้มประหลาดใจอย่างที่สุด เมื่อสตรีสูงวัยที่เขาเห็นที่วัดเมื่อสามเดือนก่อนคือภรรยาอีกคนของบิดา ส่วนอีกคนที่ยืนเถียงกับเขาเมื่อครั้งนั้นก็คงเป็นลูกสาวกระมัง
“เพิ่งรู้ว่าคนของศรัยฉัตรชอบดูถูกคนอื่นนะคะ” อาทิตาโต้คืน
โสภีรีบจับมือบุตรสาวแล้วบีบเบาๆ เป็นเชิงห้ามปราม ในขณะที่นางมารตี มองหญิงสาวตรงหน้าอย่างพิจารณายิ่งขึ้น ท่าทางเงียบๆ นิ่งๆ แต่พอผิดใจขึ้นมาก็เอาเรื่องทีเดียว ที่สำคัญ กล้าต่อกรกับศราวิลนี่ถือว่าไม่ธรรมดานะ
“แค่ลูกชายฉันคนเดียว คนอื่นเขาก็ไม่ปากร้ายแบบนี้หรอกหนู”
“แม่ครับ!” ศราวิลหันมาเรียกมารดาอย่างไม่พอใจ ทำไมมารดาต้องพูดเหมือนเข้าข้างคนอื่นด้วย
“ขอโทษแทนยัยซันด้วยนะคะ ลูกสาวฉันบอกอะไรก็ไม่ค่อยฟัง น่าขายหน้าจริงๆ” โสภีรีบออกตัว
นางมารตียิ้มเยือนมาให้ รู้สึกดีกับโสภีขึ้นมาอีกระดับ โสภีเป็นเมียน้อยในแบบที่นางไม่คาดคิดว่าจะได้เจอ ออกจะเจียมตัวเจียมตนเกินไปด้วยซ้ำ
“โธ่แม่...ทำไมต้องขอโทษด้วยล่ะ ซันไม่ได้ทำอะไรผิดนะ”
บุตรสาวคนดีกระซิบกระซาบ เลยได้รับฝ่ามือของมารดาฟาดเข้าที่ท่อนแขนไปเผียะหนึ่ง หญิงสาวโอดโอยอยู่ชั่วครู่ มารดาก็สั่งทางสายตาให้หุบปากเสีย
“เอ่อ...ผมว่าเราเข้าเรื่องเลยดีไหมครับ” ทนายประจำตระกูลเอ่ยแทรกการปะทะคารมของบรรดาแม่ๆ ลูกๆ ท่านเห็นว่าเป็นเวลาสมควรแล้วที่เจตนารมณ์ของท่านศราจะได้ถูกปฏิบัติตามเสียที
ปริญหยิบเอกสารขึ้นมาส่งให้บิดาทีละแฟ้ม ท่านก็อ่านไปเรื่อยๆ ท่ามกลางความไม่พอใจของศราวิลซึ่งตอนนี้กลายเป็นดั่งเสาหลักของบ้าน
ศราวิลไม่พอใจอย่างที่สุดเมื่อทรัพย์สินส่วนหนึ่งถูกแบ่งให้แก่ภรรยาน้อยของบิดา และแทบจะเป็นบ้าเมื่อสองแม่ลูกที่เขาไม่รู้จักกำลังจะกลายมาเป็นหุ้นส่วนในไร่ที่เขาดูแลอยู่
“ไม่ได้! ผมไม่ยอม ไร่นั่นผมดูแลมาตั้งนาน พ่อเองก็ไม่เคยเข้าไปดูแลมันด้วยซ้ำ ทำไมต้องให้คนอื่นที่ไม่ใช่คนในครอบครัวมาครอบครองร่วมกับผมด้วย คุณอาอ่านตรงไหนผิดไปหรือเปล่าครับ”
ศราวิลท้วงถามเอากับนายประชา บิดาของปริญ ทนายสูงวัยปาดเหงื่อเม็ดเล็กที่ผุดซึมเหนือหน้าผาก ก่อนจะเอ่ยคำตอบออกไป
“ไม่ผิดแน่นอนครับคุณฉัตร ทุกอย่างเป็นไปความประสงค์ของท่าน ศราอย่างแน่นอน อ้อ...ยังเหลือตึกชมพูอีกที่นะครับ ท่านศราก็ยกให้คุณโสภีเหมือนกัน”
โฉมงามนิ่วหน้าด้วยคาดไม่ถึง “อะไรนะคะ! ทำไมคุณพ่อต้องให้คนอื่นเข้ามาอยู่ในบ้านด้วย ทรัพย์สินเงินทองที่ให้ไปยังไม่พอหรือคะ” เธอถามด้วยกังวล ไม่ได้ไม่พอใจ แต่หนักใจมากกว่า เธอไม่อยากให้นางโสภีเข้ามาอยู่ในบ้าน ด้วยกลัวว่ามารดาจะไม่สบายใจ บิดาที่จากไปก็คิดอะไรประหลาดๆ เมียน้อยเมียหลวงยังจะเอามาอยู่บ้านเดียวกัน แล้วบ้านจะสงบสุขได้อย่างไร
“ใช่! ถ้าจะให้มากขนาดนั้นทำไมไม่ยกทั้งศรัยฉัตรให้ไปเลยล่ะ”
ศราวิลเอ่ยอย่างประชด ในขณะที่อาทิตากัดฟันอยู่กรอดๆ เขาช่างใจดำเหลือเกิน ใจคอจะไม่ให้บิดามอบอะไรแก่มารดาของเธอบ้างหรือ
“คุณทนายคะ ฉันไม่เอาตึกชมพูก็ได้ค่ะ ฉันมีบ้านเล็กๆ ของฉัน คงไม่ย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่หรอกค่ะ” โสภีรีบออกตัว
อาทิตาหันมามองมารดาตาขวาง รู้สึกหมั่นไส้ลูกชายท่านศรามากขึ้นทุกขณะจิต เขาแสดงออกชัดเจนเกินไปหรือเปล่าว่าเกลียดเธอกับแม่
“ไม่ได้ครับ ท่านแจ้งไว้ว่าถ้าไม่ย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่ ทรัพย์สินที่ผมกล่าวมาข้างต้นก็มีอันเป็นโมฆะ” ทนายประชากล่าว
ปริญหยิบเอกสารเกี่ยวกับทรัพย์สินที่ถูกจัดสรรปันส่วนของท่านศรา มาแจกจ่ายให้กับทุกคน ศราวิลไม่พอใจแม้ว่าเขากับน้องสาวจะได้มากกว่าโสภีหลายเท่าตัวก็ตาม
“บ้าบอที่สุด!”
ศราวิลโพล่งออกมา ลุกพรวดขึ้น สองมือเท้าสะเอวอย่างไม่พอใจ
โสภีถอนหายใจเฮือกๆ รู้สึกไม่สบายใจบอกไม่ถูก
“งั้นก็ให้มันเป็นโมฆะเถอะค่ะคุณทนาย ฉันเองก็ไม่สบายใจหากจะต้องย้ายมาที่นี่”
“แม่คะ!?” อาทิตาร้องเรียกมารดา คิ้วมนขมวดมุ่น จริงอยู่ที่ตอนแรกเธอไม่อยากได้สมบัติของท่านศรา แต่พอลูกชายท่านแสดงท่าทีแบบนี้ เธอนี่อยากจะพาแม่เข้ามาอยู่ที่นี่เสียตั้งแต่วันนี้เลย
“ดี! รีบออกไปจากบ้านนี้เลยยิ่งดี”
“ตาฉัตร! อย่าเสียมารยาท นั่งลงเดี๋ยวนี้!”
มารตีปรามบุตรชายเสียงเขียว ภายใต้ใบหน้านิ่งเรียบ แฝงไว้ด้วยความเฉียบคมเมื่อสั่งการ แน่นอนว่าศราวิลนั่งแหมะลงที่เดิมทันที
อาทิตามองสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างงุนงง ผู้ชายคนนี้ท่าทางอารมณ์ร้าย แต่พอถูกแม่สั่งกลับทำตามอย่างว่าง่าย แสดงว่าคงรักและเคารพแม่ของตัวเองมากกระมัง
“ขอโทษแทนลูกชายฉันด้วยนะโสภี อย่าได้เอาอารมณ์ของตาฉัตรมาใส่ใจเลย ลูกชายฉันไม่ค่อยอยู่บ้านนักหรอก ไม่ต้องกลัวว่าเขาจะทำให้เธอลำบากใจเมื่อต้องย้ายมาอยู่ที่นี่ ตึกชมพูก็อยู่ห่างจากบ้านหลังนี้พอสมควร ฉันสัญญาว่าจะดูแลพวกเธอแทนสามีของฉัน อย่าให้ความต้องการของคุณศราต้องสูญเปล่าเลย เขาคงรู้สึกผิดที่ตลอดมาเอาเปรียบเธอไว้มาก เธออย่าได้โกรธเขาเลย เขาทำไปเพราะเกรงใจฉันเท่านั้น”
“คุณศราทำไปเพราะรักคุณค่ะคุณมารตี เขารักคุณจนไม่สามารถทำลายความไว้ใจของคุณ ตลอดเวลาเขาบอกฉันอยู่เสมอว่าจะพาฉันมาอยู่ที่นี่ ให้ฉันอยู่ในฐานะที่ทุกคนให้เกียรติ ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าเขาคงให้ฉันไม่ได้ตราบใดที่เขายังมีลมหายใจ ฉัน...ถ้าเลือกได้ฉันขออยู่ในที่ของฉัน อยู่แบบเดิมจะดีกว่า ฉันมีความสุขที่ได้เฝ้ารอให้เขามาหา แค่นี้ฉันก็ดีใจแล้ว ทรัพย์สมบัติที่เขาให้มามันเทียบไม่ได้เลยกับชีวิตของเขา ที่ไม่มีอีกแล้วในวันที่ฉันได้สมหวังในสิ่งที่ต้องการ ถ้าเลือกได้ละก็ ฉันไม่ขอเอาสมบัติอะไรเลย ขอแค่เขา...กลับมาก็พอ...”