บทที่ 5
หัวใจฉันมันระบม
หยาดพิรุณยังพร่างพรมแม้ว่ารถไถจะจอดสนิทที่หน้าบ้านแล้ว ข้าวของเครื่องใช้ถูกลำเลียงลงจากท้ายกระบะพ่วงด้วยมือของทุกคน
อาทิตานึกชื่นชมศราวิลไม่น้อย ในตอนที่เขาสวมเสื้อเชิ้ตลายตาราง มิใช่สูทราคาแพงอย่างพวกผู้ดี เขากลับมีน้ำใจต่อลูกน้อง ไม่ถือตัว งานใดที่เขาช่วยได้ เขาจะช่วยเสมอ ไม่แปลกที่เหล่าคนงานจะนับถือเขา ทั้งเชื่อฟังและภักดี
ทิดอ่ำกับป้าพุดแอบมองหน้ากันแล้วอมยิ้ม แม้ฝนจะตกกระหน่ำแต่ทั้งสองยังมองเห็นอ้อมแขนของศราวิลที่โอบกอดอาทิตา นานเหลือเกินแล้วที่พวกเขาไม่ได้เห็นสองแขนคู่นั้นปกป้องภัยให้สตรีใดมาก่อน ผู้หญิงสำหรับศราวิลก็เป็นเหมือนเครื่องประดับ เครื่องประดับที่เขานิยมสวมใส่เพียงน้อยชิ้น และจะถอดทิ้งเสมอเมื่อไม่จำเป็นต้องใช้งาน
ทั้งป้าพุดและทิดอ่ำทำตัวเป็นเช่นบ่าวผู้ภักดี ต่างพากันลากลับเมื่อจบสิ้นงานของตน ทิ้งบ้านหลังใหญ่กลางไร่อ้อยให้เหลือเพียงหนุ่มสาว ฝนเทกระหน่ำลงมาอีกระลอกในตอนเกือบบ่ายสาม อาทิตานั่งอยู่ที่โต๊ะในครัว ทอดสายตามองหยาดฝนนอกนอกตัวบ้าน ไผ่กอใหญ่เอนไหวไปตามแรงลม น่ากลัวว่ามันอาจจะโค่นลงมาในอีกไม่กี่อึดใจข้างหน้า สายลมที่พัดเข้ามาทำเอาเธอหนาวจนขนลุก อยากวิ่งไปที่กระท่อมหลังน้อย คว้าผ้าเช็ดตัวสักผืนแล้ววิ่งเข้าห้องน้ำ ถ้าได้อาบน้ำสักนิด เธอคงหายครั่นเนื้อครั่นตัว
หญิงสาวลุกขึ้นเมื่อคิดได้ ตั้งใจจะวิ่งฝ่าสายฝนออกไป
“จะไปไหน!” ศราวิลร้องฝ่าเสียงฝน ในมือมีชาอุ่นๆ อยู่สองถ้วย หน้านิ่วเมื่อเข้าใจในสิ่งที่อาทิตาต้องการ
“เหมือนฉันจะเป็นไข้ อยากอาบน้ำสระผมแล้วนอนพักสักหน่อย” เธอตอบแล้วจ้องมองคนที่กำลังเดินเข้ามา ถ้วยชาในมือเขาถูกยัดใส่มือของเธอ
“จิบนี่ก่อน เร็วๆ”
อาทิตาทำตามอย่างว่าง่าย ชาอุ่นจัดช่วยทำให้จมูกเธอโล่งดีเหลือเกิน ตอนนี้เธอไม่กล้าแม้แต่สบตาเขา เหมือนว่าเรื่องที่ท้ายกระบะพ่วงกำลังทำให้เธอละอายใจ
“แก้มเธอแดงจัง สงสัยจะเป็นไข้จริงๆ”
อาทิตาผวาเฮือก เมื่อมืออุ่นของศราวิลแตะเข้าที่แก้มของเธอ ถ้วยชาในมือถูกวางลงบนโต๊ะก่อนที่จะทำร่วง
“ขี้ตกใจซะด้วย อย่าเป็นแบบนี้สิ ฉันไม่ชิน เธอน่ะ...ต้องทำเสียงแวดๆ ด่าฉันฉอดๆ ถึงจะถูก”
เขาแซวยิ้มๆ ละมือจากแก้มนุ่มมายีศีรษะหล่อนเล่น
อาทิตาตัวแข็งทื่อ อะไรยังไง จับแก้มไม่เท่าไหร่ ยีหัวเธอเล่นเพื่อ!? หน้าผากเอย หัวเอย เขาไม่รู้หรือว่าเป็นเขตหวงห้ามของผู้หญิง จุ๊บแก้มจุ๊บปาก จุ๊บแล้วก็ผ่านไป แต่ถ้าจุ๊บหน้าผากกับยีหัวนี่ไม่ได้ ผู้หญิงคนอื่นยังไงไม่รู้ แต่สำหรับเธอนั้นจะจำไม่ลืม มันจะฝังใจ แกะอย่างไรก็ไม่ออก
“ซัน...ซัน?”
“คะ เอ่อ...คือ...” หญิงสาวกะพริบตาถี่ๆ กลืนน้ำลายหนืดๆ ลงคอ เธอต้องทำอะไรสักอย่าง ก่อนที่จะกลายเป็นเหยื่อของศราวิลเสียเอง
“เรื่องเมื่อกี้...ลืมมันไปได้ไหม ฉัน...คือว่า...ลมมันเย็น ฝนมันตกแล้วฉันก็เหมือนจะเป็นไข้ ก็เลย...”
ถ้วยชาในมือแกร่งถูกวางลงแรงๆ รอยยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้าจางหาย เขามองอาทิตาใหม่ด้วยดวงตาวับวาวที่อาทิตายังนึกหวั่นเกรง
“โรคจิตเหรอ ฉันดีด้วยไม่ชอบ ชอบให้ฉันร้ายใส่”
อาทิตาพยักหน้า เขาเลยถามต่อ
“ทำไมล่ะ”
“มันดู...จริงใจดี”
คำพูดนั้นกระแทกใจศราวิลเข้าอย่างจัง เขาต้องหันมาถามตัวเองว่าสิ่งที่ทำลงไปในวันนี้ ทำเพราะใจอยากทำ หรือทำเพราะหวังให้อาทิตาตกหลุมพรางกันแน่
“ถ้างั้นเธอคงต้องทำใจแข็งเข้าไว้ เพราะต่อจากนี้ไปฉันจะทำทุกวิถีทางให้เธอใจอ่อน ถ้าไม่อยากเสียใจก็เก็บเสื้อผ้าแล้วกลับกรุงเทพฯ ไปซะ”
คำเตือนนั้นเหมือนปลุกใจอาทิตาให้ฮึกเหิม
“คุณเองก็เหมือนกัน ย้ำใส่ใจเอาไว้ว่าฉันคือศัตรู ถ้าหลงรักศัตรูชีวิตคุณจะมีแต่หายนะ จำเอาไว้ก็แล้วกัน! อ๊ะ!”
ร่างบางถูกดึงเข้าหาอกแกร่ง เขากอดหล่อนไว้ กอดแน่นๆ ปลายจมูกคมๆ อยู่ห่างจากแก้มบางไม่ถึงครึ่งคืบ ศราวิลยิ้มอย่างผู้ชนะ
“เห็นๆ กันอยู่ว่าใครจะชนะ”
อาทิตายิ้มที่มุมปาก “นั่นสิ...เห็นๆ กันอยู่”
ศราวิลไม่เข้าใจในถ้อยวาจา แต่รอยยิ้มของหล่อนนั้นดูร้ายกาจไม่เบา แล้วอยู่ๆ ใบหน้างามก็ขยับเข้ามา ก่อนที่ลิ้นสีชมพูมันวาวของหล่อนจะแลบเลียที่ริมฝีปากล่างของเขา เลียไล้...อย่างช้าๆ เขาไม่สามารถทำสิ่งใดได้อีก นอกจากยืนตัวแข็งเป็นหุ่นให้หล่อนไล้ชิมรสริมฝีปากให้สาแก่ใจ
“หึ! ถึงจะไร้เดียงสาแต่น้องสู้เก่งนะคะคุณพี่ ถ้าพี่ขู่น้องอย่างนี้ น้องก็คงไม่มีทางเลือก ร้ายมาร้ายกลับ หื่นมาก็หื่นกลับ น้องไม่โกงนะคะพี่ฉัตรขา...”
อาทิตาทำใจกล้าเลียริมฝีปากล่างของเขาอย่างต้องการกลั่นแกล้ง มันได้ผล ศราวิลตั้งตัวไม่ทันหรอกถ้าเธอรุกก่อน เขามักประมาทผู้หญิงไร้เดียงสา หารู้ไม่ว่าถึงจะไร้เดียงสาไม่ใช่ว่าทำไม่ได้ อยู่ที่ว่าเธอจะทำหรือเปล่าเท่านั้นเอง
ศราวิลรีบตั้งสติ พาฝ่ามือเลื่อนลูบที่แผ่นหลังชื้นหยาดน้ำฝน ดันร่างหล่อนเข้าหาอกแกร่งอีกระดับ จนได้กลิ่นน้ำหอมจางๆ จากคนร่างบาง
“ทำเป็นเก่งนะ เก่งให้ได้ตลอดเถอะ ฉันจะได้รู้สึกดีขึ้นมาหน่อยที่คู่ปรับอย่างเธอสมน้ำสมเนื้อ อย่าเศร้าให้ฉันเห็นล่ะ อย่าร้องไห้ อย่าอ่อนแอให้ฉันต้องปลอบ เพราะถ้าฉันปลอบละก็ ใจเธอได้หวั่นไหวแน่ๆ หึๆๆ”
เสียงหัวเราะอย่างมั่นอกมั่นใจเหมือนเสียงมัจจุราชร้ายที่รอเหยียบย่ำซ้ำเติม สรุปว่า...ผู้ชายที่อยู่ท้ายกระบะพ่วงเมื่อครู่เป็นฝาแฝดของเขาสินะ นี่ต่างหากล่ะศราวิลตัวจริง ผู้ชายปากร้ายดวงตาดุๆ คนนี้ต่างหากที่เธอคุ้นเคย