“แน่ใจหรือว่าฉันจะหวั่นไหว ต่อให้คุณเสแสร้งแกล้งทำดีกับฉันมากเท่าไหร่ ฉันก็ไม่มีวันลืมหรอกว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงของคุณคืออะไร คุณต่างหากศราวิล อย่าเผลอก็แล้วกัน ฉันไม่ได้เสแสร้งแกล้งทำ ทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณเห็นในตัวฉันมันคือเรื่องจริง ระวังหัวใจคุณเอาไว้ให้ดีๆ อย่ารักฉัน อย่าหวั่นไหว จำเอาไว้...ฉันรอสมน้ำหน้าคุณอยู่ เข้าใจนะ”
กรามแกร่งของศราวิลขบกันดังกรอดๆ ความเคืองใจพาใบหน้าโน้มลงไปใกล้ใบหน้าของหญิงสาว อาทิตาเบี่ยงหน้าหนีแต่สุดท้ายก็ไม่รอด เขาใช้มือดันศีรษะเธอเข้าหาแล้วบดจูบลงมาด้วยแรงอารมณ์ ริมฝีปากอุ่นร้อนมิได้จุมพิตอ่อนหวานอย่างตอนที่อยู่ท้ายกระบะพ่วง คราวนี้รสจูบของศราวิลหนักหน่วงกว่าที่เคย มันทั้งเร่าร้อนและเต็มไปด้วยแรงปรารถนา
อาทิตาพยายามดิ้นหนีแต่ไม่สำเร็จ เรี่ยวแรงของเธอมีน้อย สมองมึนงง ร่างกายร้อนผ่าว ไม่รู้ร้อนเพราะพิษไข้หรือร้อนเพราะจุมพิตนี้กันแน่
“อะแฮ่ม!”
เสียงกระแอมดังๆ ทำให้อาทิตากับศราวิลรีบผละห่าง ในขณะที่ผู้มาเยือนจ้องคนทั้งสองอย่างตะลึงลาน
“พะ...พี่...พี่เป้!?”
อาทิตาครางชื่อบุรุษที่ยืนอยู่ใต้กรอบประตู เนื้อตัวเขาชุ่มหยาดน้ำฝน เขามองมาที่เธอด้วยดวงตาราวตำหนิ คนที่ยืนอยู่ข้างเขาก็เช่นกัน
“นี่มัน...หมายความว่าไงคะ จูบปากสมานฉันท์กันเหรอ” โฉมงามถามคล้ายประชด ผ่านไปไม่กี่วันศราวิลกับอาทิตาดีกันแล้วหรือ ดีเกินไปหรือเปล่า
“เอ่อ...มันเป็นเรื่องเข้าใจผิดน่ะ แล้ว...พากันมาถึงนี่ได้ยังไง” คนเป็นพี่รีบเลี่ยงคำถามของน้องสาว โฉมงามมองมาตาขวางขุ่น
“ให้รถที่โรงงานไปรับที่สนามบินค่ะ พอมาถึงที่นี่ก็บีบแตรไปหลายรอบ ไม่ได้ยินกันหรือคะ”
“ไม่นี่ ฝนมันตกไง” คนเป็นพี่แก้ต่างแล้วเดินนำน้องสาวกับคู่หมั้นของหล่อนกลับเข้าไปข้างใน ทิ้งอาทิตาให้ยืนเด๋ออยู่กลางห้องครัว
“ฝนตกหรือทำอะไรอยู่กันแน่ พี่คิดจะทำอะไรเธอ ถ้าเกลียดกันขนาดนั้นแล้วไปจูบกันได้ยังไง ไม่รู้ล่ะ โฉมจะฟ้องแม่”
“ยัยโฉม! ไร้สาระน่า!” ศราวิลขึ้นเสียงใส่ โฉมงามหน้ายุ่ง
ปริญต้องวางมือเบาๆ บนบ่าของคู่หมั้น บังคับให้หล่อนนั่งลงยังเก้าอี้ไม้ที่เป็นชุดรับแขกของบ้าน เหลือบมองไปข้างหลังก็เห็นอาทิตายืนเด๋อทำอะไรไม่ถูก เขาเลี่ยงเดินออกมา ปล่อยสองให้พี่น้องได้สาดซัดอารมณ์ใส่กันให้เต็มที่ อันที่จริงเขาเคยมาที่นี่กับโฉมงามอยู่บ่อยครั้ง นับตั้งแต่หมายหมั้นกันมา ทุกสิ่งทุกอย่างในบ้านนี้เขารู้จักดีพอๆ กับเจ้าของบ้านทีเดียว
อาทิตามองบุรุษที่เคยอยู่ในหัวใจ เขายังดูหล่อเหลาแม้เสื้อผ้าเปียกชุ่ม โครงหน้าอย่างนี้ ริมฝีปากอย่างนี้ ดวงตาแสนอารีนั่นอีก หนึ่งปีที่ผ่านมาเขาไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปเลย สิ่งเดียวที่เปลี่ยนไป นั่นคือเขาไม่ใช่คนรักของเธอแล้ว แต่เป็นคู่หมั้นของโฉมงาม
“พี่เป้คะ คือว่า...”
“ตั้งสตินะซัน ตั้งสติ” ปริญเอ่ยอย่างหวังดี ทอดถอนใจยามเดินเข้าไปในครัวเพื่อหาเครื่องดื่มให้คู่หมั้น
“พี่เป้คะ มันก็แค่...เรื่องเข้าใจผิด”
“พี่ก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น น้องซันที่พี่รู้จักไม่ใช่คนแบบนั้นซะหน่อย”
คราวนี้รอยยิ้มบางๆ ปรากฏที่มุมปากของปริญ เขาหยิบแก้วมาชงโกโก้ร้อนให้โฉมงาม ไม่ลืมหยิบน้ำอัดลมมาเทใส่แก้วให้ตัวเองด้วย
อาทิตามองปริญอย่างไม่สบายใจ เดินไปคุยกับเขาใกล้ๆ
“พี่เป้คะ”
“อือ...”
“พี่อย่าบอกแม่นะ”
ช้อนที่กำลังคนอยู่ในแก้วโกโก้หยุดชะงักชั่วขณะ เขาปล่อยให้ไอร้อนลอยอ้อยอิ่งอยู่เช่นนั้น
“คราวนี้...จะไม่บอก แต่ถ้าเจออีกที คงต้องบอกแล้วนะ รู้ไหมว่าพี่ห่วง”
น้ำเสียงของปริญเต็มไปด้วยความจริงใจ จริงใจจนอาทิตาอยากจะร้องไห้ หนึ่งปีที่ผ่านมาไม่ได้ทำให้เธอลืมเขาได้อย่างสนิทใจ ยิ่งได้มาอยู่ใกล้ๆ ได้ยินเสียง ได้เห็นรอยยิ้ม แผลใจที่คิดว่าสมานดีก็กลับมีรอยปริเลือดซึมอีกครั้ง
“ขอบคุณนะคะ มันเป็นปัญหาของซัน ซันจะแก้เอง”
ปริญพยักหน้ารับ ใบหน้าอ่อนโยนอย่างบุรุษผู้ใจดียังมีความอารีอยู่เสมอ
“ระวังตัวด้วยนะซัน ไม่มีพี่แล้วต้องพึ่งตัวเองนะ ถ้ามีปัญหาก็เปิดอกคุยกับเขา อย่าแอบไปร้องไห้คนเดียว รู้หรือเปล่า”
ริมฝีปากของอาทิตาเม้มแล้วเม้มอีก แล้วสุดท้ายหยดน้ำตาก็ร่วงริน ถ้าเขาร้ายกับเธอให้สมกับที่ทิ้งกันไป เธอคงไม่เจ็บปวดขนาดนี้ นี่เขายังแสนดี ยังมีความห่วงใย แล้วเธอ...จะตัดใจง่ายๆ ได้ยังไง
“พี่เป้ก็...ดูแลตัวเองดีๆ นะคะ เธอ...เป็นยังไงบ้าง เธอดีกับพี่ไหม ชอบออกคำสั่งกับพี่เหมือนที่ซันทำหรือเปล่า”
หยดน้ำใสๆ เคลือบคลอในดวงตาของปริญ นานมากแล้วนับจากที่เขาห่างจากอาทิตา หล่อนโทรมาเขาก็ไม่รับ พยายามหลบหน้าให้มากที่สุด ด้วยไม่อยากทำให้หล่อนต้องเป็นแบบนี้ อาทิตาไม่ผิดเลย เขานี่แหละที่ผิดเต็มประตู
“ขอโทษนะซัน พี่เป็นคนรักที่...ไม่ได้เรื่องเลย” ปริญยิ้มเศร้าๆ มองหน้าอาทิตาแล้วสงสารจับใจ แม้ความรักหวานชื่นจางหายไปแล้วตามกาลเวลา แต่ความห่วงใย และอยากเห็นหล่อนเป็นสุขก็ยังมีอยู่เต็มหัวใจเช่นเดิม
มือสั่นๆ ของอาทิตาเอื้อมไปที่ใบหน้าของปริญ อยากแตะต้องสักครั้ง ลูบคลำสักทีอย่างที่เคยทำ แก้มนี้ที่เธอเคยสัมผัส เคยจับ เคยหอมแรงๆ
หมับ!
มือของอาทิตามิอาจสัมผัสแก้มของปริญ มันถูกคว้าไว้แรงๆ ด้วยมือของศราวิล ใบหน้าเขาไม่สบอารมณ์นัก ดวงตาจ้องมองที่คนทั้งสองอย่างตำหนิ
“คิดว่าทำอะไรกันอยู่ ยัยโฉมนั่งอยู่ข้างในแท้ๆ”
ศราวิลเอ่ยเสียงเรียบเย็น พยายามข่มความโกรธสุดชีวิต
“ขอโทษครับพี่” ปริญกะพริบตาถี่ๆ ไล่หยดน้ำตา ก้มหัวให้พี่ชายของคู่หมั้นนิดหนึ่งด้วยสำนึกในสิ่งที่ตนทำผิดไป