"คุณแม่กลับมาแล้ว" 'ชิงหลง' ลูกชายของสวีซึ่งตัวเขาเองก็คิดว่าเป็นแบบนั้นจริงๆ แม้อีกฝ่ายจะไม่ใช่มารดาแท้ๆ แต่ก็เป็นแม่ยาย และพ่อแม่ของเขาก็ล้วนจากไปแล้ว ชิงหลงจึงยึดเอาว่าสวีเป็นมารดาของตน
เมื่อเห็นว่าสวีกลับมาถึงบ้านแล้ว เขาจึงลุกจากแคร่นั่งที่ข้ารับใช้ทำขึ้นมาได้สองตัว วางไว้หน้าบ้านกับหลังบ้านชั่งคราว เพื่อใช้เป็นที่หลับนอนของคนงานชายชั่วคราว ส่วนคนงานหญิงจะเข้าไปนอนด้านหลังบ้านที่เป็นเหมือนเพิงยื่นออกไปเป็นครัว
แม่หยงให้ข้ารับใช้หญิงปัดกวาดเช็ดถูบ้านหลังเล็กๆจนเลี่ยม กระทั่งเศษฝุ่นก็ไม่เหลือ ดังนั้นจึงสามารถนอนพื้นได้โดยไม่นึกรังเกียจแล้ว แต่ถึงอย่างนั้นคนที่น่าเป็นห่วงกังวลก็เห็นจะเป็น 'หง' ลูกสาวที่กำลังตั้งครรภ์ของเธอนี่เอง
"นี่เป็นแบบบ้านที่ผมคิดเอาไว้ ผมพาคนเข้าไปสำรวจป่าในโฉนด และพบว่ามีไม้ไผ่มาก ที่รองลงมาคือมะค่าโมง มะเกลือ สัก แต่อื่นๆผมไม่แน่ใจนัก รอคุณแม่มาดูครับ"
"อืม...แค่มีไม้สำหรับสร้างบ้านก็พอแล้ว เรายังไม่มีเครื่องมือสร้างบ้าน ที่มีก็เป็นเลื่อยไฟฟ้าของฝรั่ง กับเครื่องไสไม้อย่างละสองเครื่อง เธอคิดว่าที่เคยฝึกงานมาจะสร้างบ้านได้มั้ยล่ะ"
แม้ชิงหลงจะเป็นองค์ชายคนสุดท้ายของราชวงศ์ แต่โชคดีที่แม่หยงและตู ซึ่งคอยอยู่เคียงข้างสวี ได้โน้มน้าวให้สวีสอนให้ชิงหลวงกลายเป็นคนธรรมดาที่มีความสามารถ ให้เขาได้ลองทำทุกอย่างเหมือนกับข้ารับใช้ทุกๆคน
บนเรือมีบ่อยครั้งที่นายเรือหาคนทำงานให้กลุ่มคนบนเรือหลากหลายเชื้อพันธุ์ มีครั้งหนึ่งมีคนทำเฟอร์นิเจอร์หลายเชื้อพันธุ์กำลังจะเดินทางไปประเทศอื่นๆหลายประเทศ ข้ารับใช้ก็ได้ไปทำงานเพื่อแลกของกินและความรู้แบบครูพักลักจำ
แต่มีคนหนึ่งเขาเป็นเหมือนสถาปนิกและต้องการอนุรักษ์ความรู้ด้านการสร้างบ้านไม้ บ้านดินแบบโบราณเอาไว้ เลยมอบตำราไว้ให้ชิงหลงสามเล่ม พร้อมกับสอนความรู้ให้เขามากมาย
สวียังคิดว่าเมื่อมาถึงเมืองไทยแล้ว จะส่งชิงหลงเรียนต่อในระดับมัธยมปลาย และมหาวิทยาลัยต่อไป ไ่ให้ความรู้ที่เขามีเสียเปล่า และเลิกยึดติดกับอดีตสายเลือดที่เคยยิ่งใหญ่ กลายเป็นคนธรรมดาอย่างแท้จริง
"นี่เป็นแบบคร่าวๆที่ผมวาดเอาไว้หลังจากเห็นพื้นที่ ปรับเปลี่ยนตามสภาพหน้างานแล้วครับ"
"เธอจะสร้างบ้านตรงไหน แล้วเรือนสี่ประสานแบบประยุกต์นี้ เธอคิดว่าจะสร้างด้วย อิฐ ด้วยไม้อะไร ต้องใช้ประมาณเท่าไหร่ คิดไว้รึยัง"
"ยังครับ ผมรอคุณแม่มาดูก่อนว่าแบบนี้ดีแล้วหรือยัง"
"ฉันต้องการให้แยกกันเป็นเรือนเหมือนบ้านเราในอดีต" สวีนึกถึงความทรงจำแสนสงบสุขตอนยังอยู่เมืองจีน ก่อนจะเลิกเหม่ออย่างรวดเร็วและกลับมามองแบบ เลือกแบบบ้านเดี่ยวในกองที่ชิงหลงไม่ได้เสนอออกมาสองแผ่น แล้วเรือนสี่ประสานก็วางอยู่ด้านบนสุด
"เรือนสี่ประสานนี้ แม่อยากขยายมากขึ้นไป แต่ที่นี่สภาพอากาศไม่เหมือนเมืองจีนไม่เหมาะจะสร้างเรือนแบบปิดทึบแบบนี้ แม่คิดว่าเปลี่ยนเรือนเป็นตึกหรือบ้านแบบนี้ดีกว่า บ้านสองชั้น สามชั้นนี้เหมาะสมดี"
"ได้ครับผมจะลองดู"
"ได้แบบแล้วก็ลองคำนวนของที่ต้องใช้ดู จะได้ให้คนไปตัดมาเตรียมไว้ บ้านเรือนหลังนี้เราจะใช้ไม้สักด้านหน้า ส่วนด้านของข้ารับใช้และคนงานจะไม่อยู่ในเรือนประสาน แต่ทำเป็นตึกแถวอยู่ด้านหลังเรือนหนึ่งหลัง และกระจายในสวนต่างหาก"
"ผมคิดว่าจะใช้ไม้มะค่าโมงกับเรือนของข้ารับใช้ เพราะมันจะได้ทนความอับชื้นได้ดี ส่วนของไม้สักจะเน้นทำเป็นเครื่องเรือน เสาบ้าน กระดานบ้านก่อน ถ้าเหลือค่อยนำมาทำอย่างอื่น"
"ดี! แต่อย่างไรกำแพงก็ต้องก่อจากอิฐ เธอก็ให้คนไปสร้างเตาเผาอิฐ..." เมื่อพูดถึงตรงนี้ ฉวีพลันนึกขึ้นได้ว่าเท่าที่เธอเห็น ประเทศไทยส่วนใหญ่สร้างบ้านด้านอิฐหินดินปูนหมดแล้ว แสดงว่าการพัฒนากำลังไปเรื่อยๆ บริเวณนี้ยังไม่มีร้านวัสดุก่อสร้าง ก็เหมาะที่จะสร้างพอดี
"ชิงหลง เธอเขียนวิธีทำอิฐให้ตู รวมถึงวิธีสร้างเตาก็ไปควบคุมให้ดี ให้ทำบริเวณด้านหน้าเขาที่ติดถนน ต่อไปเราจะขายอิฐกัน"
"จริงด้วยครับแม่ ผมจะบอกให้ตูทำตามที่แม่บอกครับ ว่าแต่แล้วอาหาร...เราจะทำยังไง"
"ให้ผู้หญิงขึ้นเขาหาดูของป่า ว่ามีอะไรบ้างมั้ย แล้วตอนเช้าและเย็นหลงก็พาคนขึ้นเขาดูว่ามีสัตว์ป่าหรือไม่ ได้อะไรก็เอาลงมากินกันก่อน แม่จะลองถามคุณหยกดูว่ามีร้านขายอุปกรณ์การเกษตรอยู่ที่ไหนบ้าง แล้วเราค่อยลงมือทำเกษตรกัน ยังไงนี่ก็ยังแล้งอยู่รอมีฝนสักหน่อยจึงจะเริ่มต้นได้"
"ผมก็คิดว่าอย่างนั้นเหมือนกัน"
"ตอนนี้เธอมุ่งเป้าไปที่การทำบ้าน ทำอิฐ และอย่าลืมพาคนลาดตระเวนบริเวณภูเขาก่อน จากนั้นก็ค่อยๆสร้างรั้วล้อมบ้านขยายพื้นที่ออกไป วันหนึ่งก็จะสามารถทำรั้วล้อมได้ทั้งพื้นที่เองนั่นแหละ"
"ที่ร้อยไร่ เรามีคนห้าหกคน ทำแค่สิบวันก็คงเสร็จแล้วครับ"
"ใครบอกเธอว่าแค่ร้อยไร่...เก้าร้อยไร่ต่างหาก"
ชิงหลงได้ยินอย่างนั้นก็เผลอหลุดสีหน้าเป็นครั้งแรก หน้าเหวอเลยทีเดียว ทำให้ถูกผู้เป็นมารดาอย่างสวีหัวเราะขบขัน
"ถึงกับอึ้งเลยหรือ เอาล่ะไปทำงานเถอะแม่ไม่กวนเธอแล้ว" ว่าแล้วสวีก็เดินไปรอบๆ ก่อนจะดึงตัวข้ารับใช้หญิงมาสามคน ถือเลื่อยมือขึ้นเขาไปตัดไม้ไผ่
ส่วนผู้ชายตอนนี้กำลังตัดไม้มาเตรียมสร้างบ้าน และแบ่งกำลังไปสร้างเตาอิฐ จึงไม่สามารถแบ่งมาช่วยทางด้านนี้ได้
สวีไม่คิดเรียกร้อง ผู้หญิงองก็มีกำลังเช่นกัน อาจจะขนไม้ไผ่ได้รอบละน้อยแต่เดินบ่อยๆเอาก็ได้
กว่าจะถึงตอนเย็นท่อนไม้ไผ่ก็กองอยู่เต็มสวนหลังบ้านแล้ว ชิงหลงไม่คิดจะถามว่ามารดาทำอะไร เขายังรู้สึกว่าสวีมีความรู้มาก เพราะเธอเป็นลูกสาวของบัณฑิตผู้ยิ่งใหญ่
สวีที่ถูกมองว่ามีความรู้มากทั้งที่จริงๆไม่ใช่อยากจะหัวเราะแต่ก็หัวเราไม่ได้ อยากจะร้องไห้ก็ร้องไห้ไม่ออก อยากจะบอกลูกชายว่าเธอมีความรู้เพราะมีความทรงจำอดีตชาติ ถ้าแค่ชาตินี้ก็มีแต่เมาเรือเป็นส่วนใหญ่
สวียืมอุปกรณ์ออกแบบสถาปนิคของลูกชายมาเพื่อลองสร้างแบบกระท่อมไม้ไผ่ง่ายๆแต่แข็งแรงทนทานไปอีกสิบปี ซึ่งเธอเคยเห็นผ่านตามาในชาติก่อน ซึ่งเป็นการใข้หมุดและการขัดไม้แบบง่ายๆเพื่อการก่อสร้าง ซึ่งเป็นการสร้างบ้านไม้แบบไม่ใช่ตะปูของญี่ปุ่น และจีนโบราณ ซึ่งใช่การบากไม้เพื่อนำมาขัดเข้าด้วยกัน หรือใช้หมุดไม้ในการยึดแทนการใช้ตะปูและโครงเหล็กเหมือนในปัจจุบัน
ความจริงตะปูก็ไม่ได้มีราคาสูงอะไร แต่ตอนนี้ไม่สะดวกจะออกไปหาซื้อ หาแลกเปลี่ยนอะไรอีกแล้ว เธอต้องการใช้เพียงของที่มีอยู่เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดดังนั้นจึงมความคิดเช่นนี้
เช้าวันต่อมาก็ได้แบบกระท่อมหลังเล็กๆสำหรับหนึ่งครอบครัวอยู่ด้วยกันได้ เธอนำมาให้ลูกชายที่ได้เรียนออกแบบสถาปัตยกรรมมาบ้างแล้วตรวจสอบดูอีกครั้งก่อนจะลงมือก่อสร้าง
ในยุคนี้หากจะสร้างอะไรต้องขออนุญาตก่อน สวี หลง และตู จึงออกเดินทางแต่เช้าเพื่อตามหาบริษัทที่จะสามารถยื่นแบบขออนุญาติให้พวกเขาได้ พอดีกับที่รถคันหนึ่งแล่นเข้ามาจอดหน้าพื้นที่ ทำให้พวกเขาต้องหยุดดูว่าใครกันมาแต่เช้า
คุณหยกก้าวขาลงจากรถก่อนจะยิ้มและโบกมือทักทายทั้งสามคน