คุณหยกก้าวขาลงจากรถก่อนจะยิ้มและโบกมือทักทายทั้งสามคน สวีเห็นอย่างนั้นจึงรับพาแม่หยงไปต้อนรับแขก
"คุณหยก มาแต่เช้า มีอะไรรึเปล่าคะ" สวีมั่นใจว่าไม่มีอะไรแล้วแน่ๆ ยกเว้นเรื่องที่ดินอีกห้าร้อยไร่ซึ่งต้องรอตรวจสอบเครื่องประดับชุดนั้นก่อน และคงไม่เร็วขนาดนั้น นี่เพิ่งผ่านมาวันเดียวเท่านั้นเอง
เมื่อมองไปด้านหลังจะเห็นรถคอกสองคันขนคนมาอีกราวยี่สิบคน สวีก็พอจะคาดเดาได้บ้าง
"คุณเจ้าหญิงท่านกล่าวว่า พึงพอใจกับผลงานของคุณสวีมาก จึงสั่งให้นำคนมามอบให้คุณสวีอีกยี่สิบเอ็ดคน คนหนึ่งเป็นผู้จัดการ ส่วนที่เหลือเป็นลูกจ้างที่ท่านรับจากกรมแรงงานมาใหม่ทั้งสิ้น คุณสามารถจัดการได้เอง เพียงแค่ต้องจ่ายค่าแรงตามที่กรมแรงงานกำหนดมาเท่านั้น"
"คุณเจ้าหญิงมีพระกรุณาธิคุณต่อดิฉันมาก หากมีโอกาสดิฉันย่อมต้องตอบแทนความเมตตาของท่าน"
"แน่นอน ที่ผมมาวันนี้ก็เพราะเรื่องนี้เช่นกัน ได้ยินว่าแบบบ้านที่สร้างของคุณสามารถสร้างได้โดยไม่ต้องใช้อิฐหินดินทราย และไม่ใช่แบบเรือนไทยโบราณที่ตอกหมุด กลับเป็นการนำไม้มาซ้อนทับขัดกันไปมาเหมือนเรือนทางสิบสองปันนา ท่านเจ้าหญิงจึงให้ความสนใจเป็นอย่างยิ่ง"
สวีได้ยินอย่างนั้นก็ประหลาดใจ การยื่นแบบสิ่งก่อสร้างเพื่อขอดำเนินการก่อสร้างนั้นอยู่ในส่วนของงานทางราชการ แสดงว่าในราชวงศ์เองก็มีเส้นสายทางราชการอยู่มาก ไม่น่าแปลกใจนักเพราะอย่างไรราชวงศ์ก็เป็นใหญ่ในสังคมสยามมาหลายร้อยปี
"นี่เป็นแบบสถาปัตยกรรมที่ฉันและลูกๆได้ศึกษาและปรับปรุงจากที่เคยเห็นมาในหลายๆประเทศ จึงดูแตกต่างออกไปบ้าง" สวีไม่ได้บอกว่าการสร้างบ้านแบบใหม่นี้เป็นวิธีการของทางญี่ปุ่น เพราะในโลกนี้ไม่มีญี่ปุ่น
ไม่ผิด ในโลกนี้ไม่มีญี่ปุ่น เธอไม่แน่ใจเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ แต่คาดว่าญี่ปุ่นอาจจะเลือนหายไปในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่สองและแตกกระเซ็นกลายเป็นเชื้อชาติอื่นๆไปแล้ว บางทีโลกใบนี้อาจโหดร้ายกว่าที่คิด
"ถ้าอย่างนั้นผมขอรบกวนคุณสวี ให้ช่วยสอนคนของผม แน่นอนคุณเจ้าหญิงเธอมีสิ่งตอบแทนให้คุณอย่างแน่นอน" ว่าแล้วคุณหยกก็ขยับแว่นตาที่สวมบนใบหน้าเล็กน้อย ก่อนจะหลีกไปด้านข้างเล็กน้อย คนขับรถที่เดินตามหลังมาก็ยื่นเอกสารให้สวีทันที
"คุณสวีตรวจดู"
"..." สวีพูดไม่ออก เพื่อเทคโนโลยีบ้านแบบญี่ปุ่น ซึ่งเป็นสัญญาให้คุณเจ้าหญิงสามารถมอบให้ประชาชนสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ซึ่งถือว่าเป็นการทำบุญครั้งใหญ่หากเป็นเช่นนั้น ชาวบ้านก็จะสามารถขออนุญาตตัดต้นไม้ในพื้นที่ตนเพื่อนำมาสร้างบ้านได้
แต่เมื่อมองค่าตอบแทนแล้วสวีก็รู้สึกอับอายเล็กน้อย หากการทำความดีของคุณเจ้าหญิงมีค่ามากถึงเพียงนี้เธอก็คงจะรับไว้ไม่ได้ คิดแล้วก็เลือกจะยื่นโฉนดที่ดินนับพันไร่นั้นกลับคืนให้คุณหยก นี่มันมากกว่าที่เธอคิดว่าจะได้รับจากการขายเครื่องประดับเสียอีก
"ดิฉันคงรับไว้ไม่ได้"
คุณหยกได้ยินอย่างนั้นก็เผยรอยยิ้ม ดวงตาคมจ้องมองหญิงสาวตรงหน้ามากยิ่งขึ้น ยิ่งมองเขาก็ยิ่งรู้สึกชอบพอ ใช่แล้วคุณหยกรู้สึกชอบใจและชอบพอหญิงสาวจากเมืองจีนคนนี้มาก เพียงแต่เขารู้สถานะของตน และสามีของเธอก็ยังไม่ปรากฎเขาจึงต้องสำรวมเอาไว้
"อย่างน้อยคุณก็รับสิ่งนี้ไว้เป็นของขวัญขอบคุณเล็กๆน้อยๆจากคุณหญิงเถอะครับ" หยกยื่นของในมือเขาให้ คราแรกสวีต้องการจะปฏิเสธและกล่าวว่าเธอต้องการทำบุญ แต่เมื่อเห็นว่าเป็นสิ่งใดก็ตัดสินใจรับเอาไว้ มันเป็นสินน้ำใจเล็กน้อยจริงๆ ... ทองก้อนหนึ่ง ซึ่งหากไม่รับเอาไว้เกรงว่าฝ่ายคุณเจ้าหญิงจะมองว่าเธอขี้ประจบจนเกินไป
"ขอบคุณ คุณเจ้าหญิง ถ้าเริ่มลงต้นไม้ทำสวนได้เมื่อไหร่ ฉันจะนำผลผลิตในสวนเข้าไปฝากคุณเจ้าหญิงแน่นอน"
"ผลผลิตของคุณคงจะน่าสนใจเหมือนเจ้าของ...เพราะมันเดินทางมาหลายเมือง ผมชักอยากเห็นแล้ว"
สวีได้ยินคำพูดของชายหนุ่มก็เผลอเลิกคิ้วมองหน้าเขาเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้มีท่าทีกะลิ้มกะเหรี่ยเหมือนคำพูดก็คิดว่าเขาคงไม่ได้ตั้งใจเช่นนั้น จึงรีบอธิบาย
"เรือสำเภาของฉันเดินทางไปทั่วโลก แวะหลากหลายเมือง จึงได้รับเมล็ดพันธุ์มาจำนวนมาก คิดว่าคงทำให้คุณเจ้าหญิงเธอพอใจได้"
"เธอย่อมต้องพอใจ"
"เช่นนั้น...คนงานเหล่านี้มีที่พักหรือยังคะ" มีชาวบ้านอยู่สองประเภทในสยาม คือหนึ่งผู้มีที่ดินเป็นของตัวเองและปลูกสร้างบ้านเป็นกระท่อม เป็นเพิงพักอยู่อาศัยได้ และสองคือผู้ที่ไม่มีที่ดินเป็นของตนเอง หรือผู้ย้ายถิ่นฐานจากต่างเมืองมาทำงานในกรุงเทพมหานคร
ตามกฎหมายแรงงานของสยาม คนพวกหลังนี้ จะมีค่าจ้างที่ถูกกว่าเล็กน้อย สัญญาจ้างนานกว่า และนายจ้างจะต้องเตรียมที่อยู่อาศัยไว้ให้ด้วย อย่างน้อยๆก็ต้องเป็นเพิงพักที่มิดชิดแบ่งชายหญิงโสด และสำหรับครอบครัวหากมีคนมาเป็นครอบครัว
"เหล่านี้เป็นคนงานจากต่างจังหวัดครับ"
"ถ้าอย่างนั้น..." สวีมองไปรอบๆ ก่อนจะเรียกตูที่อยู่ไม่ไกล "ตู มารู้จักกับ..." ว่าแล้วสวีก็มองคุณหยก เขาเหมือนนึกขึ้นได้จึงเรียกคนงานด้านหลังที่ดูภูมิฐานและแต่งตัวดีที่สุดให้มาด้านหน้า ก่อนจะแนะนำให้รู้จัก
"นี่คือคุณพงษ์ คุณพงษ์จะเป็นผู้ดูแลแก้ปัญหาภายนอกต่างๆให้กับคุณสวีหากมีอะไรเกิดขึ้น โดยปกติคุณพงษ์จะทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้"
ตูยื่นมือไปเช็คแฮนด์บ่งบอกว่าเขามีวัฒนธรรมทางฝั่งตะวันตกติดตัวมาด้วย แต่พงษ์ที่ถูกทดสอบตั้งแต่แรกก็ตอบรับได้เป็นอย่างดี บ่งบอกว่าเป็นคนมีการศึกษาเช่นกัน ทั้งสองหยั่งเชิงกันเพียงสามวินาทีก่อนจะปล่อยมือ
"คุณพงษ์ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัยได้ใช่มั้ยคะ" สวีพอจะเข้าใจแล้ว ดูเหมือนคุณหญิงเธอจะมอบคนของเธอให้ก็เพื่อป้องกันไม่ให้เธอถูกคนในท้องถิ่นรังแก โดยพูดอ้อมๆว่าถ้ามีอะไรก็ให้พงษ์ออกหน้า
"อย่างไรก็ได้ครับ แค่ให้พงษ์เป็นคนดูแลออกหน้าเวลามีแขกมาที่หน้าประตูก็พอ" หยกพยักหน้ารับ เขาชอบความเฉลียวฉลาดของผู้หญิงคนนี้จริงๆ
"ถ้าอย่างนั้นก็ต้องขอบคุณคุณหยกที่สละเวลาพาคนมาส่ง ตูพาคนงานไปหาหลง ให้เขาจัดงานให้คนงานและให้หยงจัดหาที่หลับที่นอนชั่วคราวให้พวกเขาก่อนนะ"
"ครับนาย" รับปากแล้วตูก็จากไป
"และนี่คือคนที่ผมจะให้อยู่เรียนรู้เรื่องการสร้างบ้านกับคุณที่นี่ คุณหนึ่ง คุณสอง" คราวนี้เป็นชายหนึ่งหญิงหนึ่งที่มาด้วยกันและหน้าเหมือนกัน คาดว่าน่าจะเป็นฝาแฝด
"สวัสดีค่ะ ถ้ายังไงฉันจะพาคุณไปฝากตัวเรียนรู้จากตาหลง ลูกชายของฉัน"
"เป็นลูกชายของคุณที่ริเริ่มเรื่องนี้สินะครับ หากเป็นเช่นนั้นเขาก็มีความสามารถมากพอที่จะเข้าเรียนโรงเรียนช่าง ที่นั่นหากจบออกมาก็เทียบเท่าจบปริญญา คุณสนใจให้เขาเข้าเรียนที่นั่นมั้ยครับ"
"น่าสนใจนะคะ ตาหลงแกมีความรู้เรื่องสถาปัตยกรรมเพราะมีหลายเชื้อชาติบนเรือที่เดินทางเพื่อทำงานสร้างเมืองใหญ่ๆ มีสถาปนิกของฝั่งตะวันตกหลายคนที่สอนแกในเรื่องต่างๆ ดังนั้นแกเลยพอจะมีความรู้ด้านนี้เท่านั้นค่ะ แต่พวกเรา...หลังออกจากบ้านเกิดก็ไม่ได้เข้าโรงเรียนเลย แม้จะเรียนบนเรือก็ไม่ได้มีใบประกาศอะไร...เกรงว่าจะเป็นปัญหาให้คุณเสียมากกว่า"
สวีไม่ได้ถ่อมตนแต่ที่ประเทศไทยเริ่มนิยมการศึกษากันมานับยี่สิบปีแล้ว ดังนั้นหากคนไม่มีการศึกษาไม่เคยเข้าโรงเรียนจะไปเรียนรวมกับพวกเด็กมหาวิทยาลัยได้อย่างไร แม้จะเป็นโรงเรียนช่างเท่านั้นก็ตามที
"ไม่ต้องห่วงครับ มีผู้อพยพหลายเชื้อชาติที่สยามรับเอาไว้ นายหลวงท่านจึงรับสั่งให้มีการหาวิธีแก้ปัญหาการศึกษาของผู้อพยพ จึงได้ความว่าให้มีจัดการทดสอบระดับมัธยมปลายขึ้นในทุกๆปี หากผู้ใดมีคุณสมบัติเหนือกว่านั้นก็จะสามารถเข้าเรียนมหาวิทยาลัยได้เหมือนกับผู้จบมัธยมทุกประการ แต่นี่ก็เป็นปีสุดท้ายแล้วที่เปิดรับ"
"ถ้าอย่างนั้น...คงต้องขอรับกวนคุณหยกด้วยค่ะ" สวียังเห็นแก่ตัว หลงเป็นคนที่อยู่จุดสูงมาก่อน แม้เขาจะยอมรับสภาพในปัจจุบันได้ แต่เขาคงยอมรับการเป็นคนที่ต่ำต้อยกว่าคนอื่นได้ยาก แต่เขาจะต้องเปลี่ยนแปลงความคิด แต่ก็ไม่ควรจะช็อคเด็กมากเกินไป
ดังนั้นการให้หลงไปอยู่ใกล้ชิดผู้ที่รับใช้ราชวงศ์ในสยาม น่าจะเป็นการดีที่สุด เพื่อให้เขาได้เรียนรู้สถานะในตอนนี้ของตน ว่าเป็นเพียงข้ารับใช้เช่นเดียวกับที่เขาเคยถูกรับใช้มาตั้งแต่เกิดนั่นเอง
"ได้ครับ" หยกยิ้มน้อยๆมองสวี เขาย่อมมองความคิดของหญิงสาวออก นี่ยิ่งทำให้ชายหนุ่มชื่นชมหญิงสาวมากยิ่งขึ้น หากหนุ่มชื่อหลงคนนั้นเป็นคนที่เขาคิดจริงๆ ก็แสดงว่าสวีผู้นี้มีความสามารถในการเลี้ยงเด็กที่ดีมาก และเหมาะจะเป็นแม่ของลูก
แค่กๆ หยกสำลักน้ำลายเพราะความคิดแปลกๆของตัวเอง เขาต้องแสร้งมองไปรอบๆก่อนทำเป็นเอ่ยทักเพื่อกลบเกลื่อนอาการ
"จะว่าไปแล้วที่นี่อยู่สบายดีมั้ยครับ สมกับเป็นบ้านของคุณหรือยัง"
"แม้จะยังไม่สบายกาย แต่สบายใจนี้แน่นอน ที่สุดแล้วบ้านก็คือสถานที่อบอุ่น อยู่แล้วอุ่นกายสบายใจ นอกจากนี้ที่ดินตรงนี้ยังดีมาก มีป่าอุดมสมบูรณ์ แล้วยังมีน้ำเพียงพอตลอดฤดูกาลเพาะปลูกแน่นอน แค่นี้ก็ไม่ขออะไรแล้วค่ะ"
"นั่นสิครับ มีภรรยาอย่างคุณ สามีของคุณโชคดีมากแน่ๆ อย่างน้อยๆก็ไม่มีไฟในบ้าน จะมีก็แต่ความอบอุ่นที่รอต้อนรับเขากลับมาทุกเมื่อ"
สวีได้ยินอย่างนั้นก็เหม่อเล็กน้อย ชาติก่อนเธอก็เป็นคนเช่นนี้ แต่สามีก็ยังมีเมียน้อย ไม่ได้แปลว่าบ้านที่อบอุ่นแล้วจะควบคุมสามีได้อยู่หมัดจริงๆ บางทีอาจเป็นความผิดพลาด หากตอนนั้นเธอเลือกคนรักแทนที่จะเลือกแต่งงานตามพ่อแม่บอก ตามความเหมาะสม ก็คงไม่ต้องทนทุกข์ใจ
เห็นท่าทีทุกข์ใจของสวี คุณหยกก็พอจะคาดเดาได้แล้วว่าสามีของเธอ หากไม่เสียชีวิต ก็คงจะไม่สามารถติดตามมาได้อีกแล้ว เมื่อตอนนี้ประเทศจีนได้ปิดประเทศมานับสิบปีแล้ว โดยเฉพาะช่วงวุ่นวายเมื่อปี1980 มีผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมากก่อนที่จีนจะปิดประเทศ
"ลูกๆของคุณสวีโชคดีมากๆเลยครับ ที่มีบ้านแสนอบอุ่นรอคอยพวกเขาอยู่ด้านหลังเสมอ ผมเองก็คิดเหมือนกันว่าตนเองโชคดีมากที่เกิดมามีมารดาผู้คอยเฝ้ารอสนับสนุนอยู่เสมอ ไม่ว่าหันกลับไปเมื่อไหร่ก็เจอ คุณหลงและคุณหงก็คงจะรู้สึกเช่นเดียวกัน"
"ขอบคุณสำหรับคำพูดดีดีของคุณค่ะ คุณหยกเป็นคนดีมากๆ อุตส่าห์สละเวลามาแจ้งข่าวกับดิฉันด้วยตัวเองอย่างนี้ หรือถ้ามีอะไรก็ให้พงษ์เป็นคนจัดการก็ได้นะคะ" สวีเริ่มรู้สึกว่าคุณหยกคนนี้รู้สึกไม่ธรรมดากับตัวเอง แม้จะเป็นการคิดมากไปเองแต่เธอต้องป้องกันไว้
คุณหยกดูอายุพอๆกับสวี ซึ่งในสยามอายุขนาดนี้ก็ควรแต่งงานได้แล้ว ไม่แน่เขาอาจจะแค่เจ้าชู้? หรือแค่ลองเชิงเมื่อเห็นว่าเธออยู่ใต้อำนาจและต้องใช้เขาเพื่อติดต่อกับคุณเจ้าหญิงก็เป็นได้
แน่นอนว่าในสยามยังสามารถมีภรรยาน้อยได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ขนาดว่าการมีภรรยาน้อยผิดกฎหมายผู้ชายยังไม่ซื่อสัตย์ แล้วถ้ามีหลายเมียได้ผู้ชายจะทนไหวหรือ ดังนั้นสวีจึงตั้งมั่นไว้แต่ต้นว่าจะไม่แต่งงานเด็ดขาด!
หยกยิ้มน้อยๆขณะโบกมือสั่งลาหญิสาวผู้งดงามซึ่งมีรอยยิ้มให้เขาเช่นกัน หลังจากที่เธอพูดอย่างนั้นเขาก็ตอบกลับด้วยรอยยิ้มว่าสามารถทำเช่นไรก็ได้ตามที่เธอสะดวก
แต่เมื่อรถออกจนหลุดจากระยะสายตา ใบหน้าของคุณหยกก็เปลี่ยนเป็นเรียบเฉย ยกมือขึ้นเท้าคางแล้วมองเหม่อออกไปนอกหน้าต่าง
บางทีการที่ผู้หญิงที่เขาหมายตาฉลาดมากเกินไปก็ไม่ดี เพราะมันทำให้เธอรีบตีตัวออกห่างทันทีที่ตนแสดงท่าทีเล็กน้อย เขาพลาดไปเพียงประโยคเดียวเท่านั้นแต่สวีกลับรู้ตัวแล้ว อย่างนี้ไงล่ะเขาถึงชอบเธอ
และชอบมากขึ้นเรื่อยๆเลย
"สวีงั้นหรือ...สวี...สวี...คุณสวี...คิดว่าคุณจะหนีผมพ้นงั้นเหรอ คุณยังไม่รู้จักผมด้วยซ้ำ...ผมไม่มีวันปล่อยคุณไปก่อนที่จะได้ลงมือหรอกนะ สวี..."
.
ฮัดเช้ย!
"ใครนินทาวะ" เสียงห้าวของชายหนุ่มดังขึ้น เป็นตูที่จามออกมาก่อนจะมองไปรอบๆ เมื่อเห็นคนมองเขาก็ถลึงตาใส่ "ข้าไม่ได้เป็นหวัด อย่าทำเป็นรังเกียจ"
"เออๆ ไม่ได้เป็นหวัดก็รีบทำงาน คุณหนูจะคลอดวันใดก็ไม่รู้ เรือนยังไม่เสร็จเสียที เกรงว่าจะไม่ทันรับคุณหนูคุณชายน้อยจะทำอย่างไร" หยงที่เดินมาเสิร์ฟน้ำให้แก่คนงานตะโกนโต้ ทำให้ทุกคนก้มหน้าก้มตาทำงานต่อไป
พวกที่มาใหม่แม้จะงุนงง แต่ก็ถูกกระซิบบอกว่าที่แท้ทั้งสองเป็นคนสนิทของเจ้านาย และเป็นสามีภรรยากันนั่นเอง ทำให้พวกเขาตอบโต้กันซึ่งๆหน้าบ่อยครั้ง
"นายน้อยน่ะสิ เล่นออกแบบเสียยากเลย ฮึ ไม่นึกถึงลูกๆกับคุณหนูเล็กบ้างเลย"
"หุบปากแล้วทำงานไปเถอะ อีกอย่างแบบนี้นายหญิงเป็นคนร่าง"
"เป็นแบบที่งดงามและแข็งแกร่งดีจริงๆ สมแล้วที่นายหญิงเป็นคนออกแบบ" คำพูดในปากตูเปลี่ยนไปในทันที ทำให้หยงหมั่นไส้จนยื่นขันน้ำให้เขาแต่ดันกระฉอกออกจนหมด
"เอ๊ะ แม่หยง อยากโดนฉันจัดหนักก็ไม่บอก"
"ตาคนนี้ทะลึ่งตึงตัง ทำงานให้ดี แล้วจะหนักไม่หนักมาดูเถอะ หึ!" ว่าแล้วแม่หยงก็สะบัดก้นเดินจากไป ปล่อยให้ตูวี้ดวิ้วแซวเมียตนเองตามหลัง แน่นอนว่าโดยปกติเขาเป็นคนสุขุม ยกเว้นเวลาอยู่กับเมียเท่านั้น
และข้ารับใช้ทุกคนในบ้านนั้นรู้ดี แต่คนที่มาใหม่สับสนไปหมดแล้ว เพราะตอนแรกตูดูเหมือนน่าเชื่อถือและมีมาดที่สุขุมมาก แต่จู่ๆก็กลายเป็นคนขี้เล่นเสียได้ แต่ทันทีที่ร่างงามของภรรยาคนสวยลับสายตา ตูก็เปลี่ยนเป็นคนเย็นชาเหมือนเดิม กวาดตามองทุกคนที่จับตามองตนเองจนพวกเขารีบก้มหน้างุด
"เร่งมือทำงาน ก่อนค่ำไม้พวกนี้ต้องหั่นจนเสร็จเข้าใจมั้ย"
"ครับ!"เสียงขานรับดังหนักแน่น ราวกับมีการฝึกทหาร และแน่นอนว่าควรจะเป็นเช่นนั้น เมื่อตูนั้นเป็นแม่ทัพใหญ่มาก่อน...ก่อนที่ราชวงศ์ชิงจะล่มสลาย
เมื่อนึกถึงช่วงเวลารุ่งโรจน์ของตนเองที่แตกดับไปราวกับฟองฝัน ตูกลับไม่สนใจแม้แต้น้อย อย่างน้อยๆ เขาก็มีคุณหนูที่เขาจงรักษ์ต่อไป
หากถามว่าตัวเขาเป็นแม่ทัพใหญ่ แล้วคุณหนูล่ะเป็นผู้ใด...นางคือ...
.
ฮัดชิ่ว ฮัดเช้ย!
"ใครนินทาแม่ในใจรึเปล่า" สวีหันมองหน้าลูกสาวที่นอนหน้าซีดบนเตียงนอนที่เธอซื้อมาจากห้างอย่างดี แม้ทั้งบ้านจะไม่มีอะไรดี เตียงของลูกสาวก็ต้องดีที่สุด
"มีคนเอ่ยชื่อท่านแม่อีกรึเปล่าคะ" หงขมวดคิ้วกังวล
"ไม่หรอก ทุกคนก็รู้ว่าไม่ควร เอาล่ะจ๊ะไม่ต้องเป็นห่วงแม่นะ ลูกก็นอนได้แล้ว" ว่าแล้ว สวีก็ช่วยบีบให้ลูกสาวเบาๆ เพื่อคลายความเมื่อยขบ เมื่อหลังจากพาไปตรวจหาหมอก็พบว่า เด็กในท้องมีถึงสองคน ทันใดนั้นเด็กสาวก็ทรุดลงทันที จนต้องบำรุงให้ดี ไม่เช่นนั้นคงแย่ไปมากกว่านี้
ทั้งเดินทางบนเรือสำเภามาตลอดช่วงอายุครรภ์ พอมาถึงได้รู้ว่าเป็นลูกแฝดใจคนก็หวาดกลัวจนป่วยไปอีก ตอนนี้สวีจึงไม่สามารถวางมือไปจากลูกสาวได้เลย เพราะเกรงว่าจะเกิดอะไรขึ้น
นี่ก็ผ่านมาหลายวันแล้วหลังจากได้รับคนงานใหม่ ตอนนี้มีการเร่งสร้างเรือน แต่ก็สร้างเพิงพักสำหรับคนงานไว้ชั่วคราวจนไม่ต้องนอนแออัดมาหลายคืนแล้ว
ถึงอย่างนั้นที่น่าเป็นห่วงกลับกลายเป็นอาการของคุณหนู ทำให้คนงานระส่ำระส่าย โชคดีที่มีหลงคอยควบคุม ไม่เช่นนั้นคงแย่ไปกว่านี้
"ไม่ต้องกังวล ไม่ว่าจะยังไงแม่ก็จะอยู่ข้างๆลูกเสมอ" สวีก้มลงจุมพิตที่หน้าผากของลูกสาว ก่อนจะใช้ผ้าชุบน้ำที่แม่หยงยื่นให้เช็ดเหงื่อซึ่งไหลซึมกรอบหน้าคนงามออก
"โถ คุณหนูของหยง ทนอีกหน่อยนะคะ" หยงทั้งรู้สึกตื่นเต้นยินดีที่คุณหนูใกล้คลอด ทั้งเป็นห่วงคุณหนู ทั้งเป็นห่วงเจ้านาย จนไม่รู้ว่าควรรู้สึกยังไง
"ไม่ต้องคิดมากไป หงจะผ่านมันไปด้วยดี"