คำขอที่เป็นจริง - แดนดิน

962 Words
คำเตือนประจำวัน Be careful what you wish for!!! - ขอพรอะไรไว้ให้ระวัง เพราะคุณอาจจะได้ไม่คุ้มเสีย ..... ในที่สุดผมก็ถูกกึ่งลากกึ่งเชิญไปในชมรมลับของนายพรินซ์ปีศาจจริงๆ อย่างที่ผมเคยฝันไว้ ฉากหน้าของชมรมมวยไทยมีนักศึกษาทั้งชายและหญิงซ้อมมวยกัน ในขณะที่บนเวทีมีรุ่นพี่ซ้อมลงนวมกันสองคน ผมไม่ได้ถูกจับไปรวมกลุ่มกับพวกเขาแต่ถูกแยกเข้าไปในห้องเล็ก ๆ ด้านหลังซึ่งมีคู่หูคนสนิทของนายปีศาจนั่งกันอยู่สองคน คนหนึ่งกำลังพันผ้าที่มือเตรียมตัวขึ้นเวทีต่อจากคู่ชกด้านนอก และอีกคนหนึ่งนั่งฟังเพลงอยู่บนเก้าอี้  ผมรู้จักชื่อเสียงของทั้งสองคนนี้ดี คนแรกชื่อเวียร์ เป็นรุ่นพี่คณะวิทย์ ได้ข่าวว่าควรจะจบไปนานแล้วแต่เกรดไม่ผ่านจึงต้องมาเรียนซ่อมอีกปีหนึ่ง ส่วนคนที่สองชื่อน้ำมนต์ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของนายพรินซ์ปีศาจ ความที่ทั้งคู่สนิทกันมากจึงมักจะมีคนล้อกันว่า เพราะพรินซ์ปีศาจมีน้ำมนต์อยู่ข้าง ๆ เขาถึงยังไม่ฆ่าใครเข้า เข้าใจมุกไหมครับ...  'ปีศาจกับน้ำมนต์' ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคนคิดมุกเสี่ยว ๆ นี้ มันคิดขึ้นได้ไง ??? แต่เอาเป็นว่าทั้งนายปีศาจและน้ำมนต์เป็นสองหนุ่มรูปหล่อของคณะวิศวะฯ ที่ถ้าพวกเขาสองคนเดินไปที่ไหน สถานที่นั้นเป็นได้เงียบสงัดเหมือนป่าช้า ถ้าวันไหนมีประลองกันในชมรม ทุกคนก็จะได้เห็นน้ำมนต์เป็นกรรมการและบางครั้งบางคราวนายปีศาจก็จะเป็นนักสู้  นี่ล่ะครับที่มาของคำว่าน้ำมนต์ห้ามปีศาจฆ่าใคร นายพรินซ์ลากคอผมมาตลอดทางราวกับนักโทษ  จนกดไหล่ผมลงนั่งกับเก้าอี้เหล็กในห้องซึ่งบังเอิญตั้งอยู่ด้านหน้าน้ำมนต์พอดี พร้อมส่งสายตาที่มองผมอย่างไม่เป็นมิตรสักเท่าไร ผมรู้สึกว่าตัวเองกำลังตกเป็นเหยื่อของแก๊งมาเฟียอะไรสักแก๊ง "ดูสิว่าไอ้พรินซ์พาใครมา" พี่เวียร์เดินเข้ามาจ้องหน้าผมด้วยสีหน้าสงสัย ความจริงผมจำพี่เวียร์ได้ เขาเคยมาเยี่ยมพวกเราตอนรับน้องใหม่เพราะตึกคณะแพทย์ฯกับคณะวิทย์ฯ อยู่ติดกัน พี่เวียร์แวะมาส่องสาวที่คณะผมบ่อย ๆ แต่เขาคงจำผมไม่ได้ รุ่นน้องใส่แว่นตาหนาเตอะในคณะเรามีอยู่หลายคนดังนั้นจึงไม่น่าแปลกถ้าผมจะเป็นไอ้เด็กเนิร์ดคนหนึ่งที่ถูกมองข้ามไป "นายไปโชคร้ายทำอะไรมันว่ะ มันถึงพามาที่นี่" พี่เวียร์ทำสีหน้าเห็นใจในโชคชะตาของผมเสียเต็มประดาก่อนจะยกมือขึ้นตบหน้าผมเบา ๆ ทำให้ผมหลับตาปี๋ ในใจคิดว่าถ้าผมมีโอกาสได้ออกจากที่นี่ไปแบบครบสามสิบสอง ผมจะวิ่งแก้บนเจ้าพ่อสักสามรอบ "พี่เวียร์ ปล่อยเด็กมันไปบ้างเหอะ อย่าแกล้งมันนักเลย" พรินซ์เดินออกมาจากห้องน้ำแล้วยกสองนิ้วขึ้นเรียกให้ผมเดินตามเขาไป พอพี่เวียร์หัวเราะออกมาผมถึงรู้ว่าถูกเขาแกล้งเข้าให้แล้ว "นายจะไปไหน" น้ำมนต์ตะโกนถามนายปีศาจ "ทำธุระ" พรินซ์ตอบสั้น ๆ แล้วดึงคอเสื้อผมออกจากห้องพักของชมรมไปพร้อมกับกระเป๋าเป้ในมือที่เขาหยิบออกมาจากล็อกเกอร์ "นายมีเรียนหลังจากนี้หรือเปล่า" น้ำเสียงของนายปีศาจอ่อนลง เขาไม่ได้ดึงคอผมอีกเมื่อเห็นว่าผมยอมเดินตามเขาไปดี ๆ โดยไม่ได้ขัดขืนอะไร ผมเพิ่งสังเกตว่าแววตาของเขาเศร้าผิดปกติ จนกระทั่งเขาจับผมยัดใส่รถจี๊ปแรงเลอร์สองประตูสีดำขับออกนอกมหาวิทยาลัยไป จนถึงหอพักแห่งหนึ่งที่ไม่ไกลจากรั้วสถาบันสักเท่าไร  ผมพยายามจะชวนนายปีศาจคุยอยู่สองสามคำแต่พอเขาไม่ตอบ  ผมก็เลยตัดสินใจรูดซิปปากตัวเองก่อนจะถูกเขาชกปากแตกเสียก่อน  และหลังจากนั้นนายพรินซ์ก็พาผมไปที่ คอนโดมิเนียมซึ่งดูแล้วน่าจะเป็นห้องพักของเขา "ห้ามบอกใครว่านายมาที่นี่ เข้าใจไหม" เขาสั่งด้วยน้ำเสียงจริงจังแล้วเปิดกระเป๋าเป้ออก "นายเรียนคณะแพทย์ใช่ไหม" นายปีศาจถาม ผมพยักหน้ากำลังจะตอบว่าผมเพิ่งเริ่มเรียนวิชาพื้นฐานและยังไม่เคยฝึกงานกับคนไข้จริง ๆ หากเขาไม่ได้ฟังผมพูดอะไรนอกจากเปิดกระเป๋าเป้ออกแล้วโยนกล่องยาไว้ด้านหน้าผม  "ใส่ยาให้หน่อย" นายปีศาจถอดเสื้อออกต่อหน้าต่อตา ทำเอาผมกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก  ฉิบหาย!!! จู่ ๆ ผมก็รู้สึกทรมานเป้ากางเกงขึ้นมาในทันที หมอนี่ไม่รู้ว่าตัวเขาเซ็กซี่ขนาดไหนทั้งกล้ามเนื้อจากต้นแขน หน้าท้องและช่วงอก ผมเองยังไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่านักศึกษาที่อายุเท่า ๆ กันกับผมจะสามารถสร้างกล้ามเนื้อแบบนี้ได้ทั่วตัว แม้กระทั่งกล้ามเนื้อบางส่วนที่ผมไม่เคยคิดว่ามนุษย์เราจะสร้างได้นายปีศาจก็มีไปเสียหมด ให้ตายเถอะ...พระเจ้าช่างลำเอียงจริง ๆ เวลาที่ท่านแจกจ่ายยีนให้มนุษย์แต่ละคน ผมรู้สึกทั้งอยากกอดนายปีศาจแล้วก็อิจฉาหมอนี่ในเวลาเดียวกัน X
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD