EP.5 มรดกพิสดาร
เมื่อได้ฟังดังนั้นช่อทับทิมก็เบือนหน้าไปอีกทาง แอบเช็ดหยาดน้ำตาที่เอ่อคลอหน่วยตา ก่อนจะหันมาหาทนายสูงวัย
“ฉันตกลงค่ะ ฉันไม่อาจปฏิเสธคำขอครั้งสุดท้ายของคุณบานเนอร์ได้”
“แต่ผมไม่ตกลง ผมไม่มีวันทำเรื่องบ้าๆ แบบนี้แน่” ฮิดเดนไนต์สวนขึ้นทันควัน
“ในพินัยกรรมระบุว่า หากคุณฮิดเดนไนต์ไม่ตกลงให้ยกเลิกเงื่อนไขของคุณคุนไซต์และคุณทริบเฟนทันทีครับ” เอ็ดการ์ดก้มลงกวาดสายตาอ่านพินัยกรรม ก่อนจะสรุปย่อๆ ให้หนุ่มๆ ทริสตันได้ฟัง
“ถ้าแบบนั้นก็ดีสิ แสดงว่าพินัยกรรมบ้าๆ นี่เป็นโมฆะใช่ไหม” ทริบเฟนรีบเอ่ยถามทันที
“เปล่าครับ ไม่ได้เป็นโมฆะ แต่หมายความว่าหากคุณฮิดเดนไนต์ไม่ทำตามที่ระบุในพินัยกรรม จะถือว่าภารกิจของคุณคุนไซต์และคุณทริบเฟนไม่สำเร็จ คุณทั้งสามจะถูกตัดออกจากกองมรดกทันที คุณคุนไซต์จะไม่มีสิทธิ์ในบริษัททริสตันอีก และมูลนิธิทริสตันก็จะยกเลิกงบสนันสนุนโรงพยาบาลทันทีครับ สมบัติทั้งหมดจะถูกโอนเป็นของมูลนิธิทริสตัน เพื่อใช้ให้เกิดประโยชน์แก่ส่วนรวม พวกคุณจะต้องย้ายออกจากคฤหาสน์ภายในสามวันนับจากนี้ครับ”
“แสบมาก ฉันไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าคุณพ่อเป็นจอมวายร้าย” คุนไซต์โวยขึ้นอย่างเหลืออด ด้วยไม่เคยคิดว่าบิดาจะเจ้าแผนการและร้ายกาจถึงเพียงนี้
“นายจะว่ายังไงฮิดเดนไนต์” ทริบเฟนเอ่ยถาม เมื่อชะตาของโรงพยาบาลอยู่ในมือของน้องชายคนสุดท้องของตระกูล
“ผมจะปฏิเสธได้เหรอครับพี่ทริบเฟน” ทายาทคนเล็กกุมขมับอย่างยอมจำนน แต่ไม่วายเหลือบตามองนางชีสาวอย่างคาดโทษ
“อดทนหน่อยนะฮิดเดนไนต์ แค่หกเดือนเอง แกก็จะเป็นอิสระแล้ว” คุนไซต์ตบมือลงบนบ่าของน้องชาย ทั้งที่ตัวเองก็หนักใจไม่น้อยไปกว่าคนอื่น เพราะกังวลว่าผลกำไรของบริษัททริสตันจะดิ่งลงเหวแทนที่จะขยับขึ้นถึงสามสิบเปอร์เซ็นต์อย่างที่บิดาต้องการ
“ทนไม่ได้ก็ต้องทนครับ มาถึงขนาดนี้แล้ว ผมขอตัวก่อนนะครับ ขอไปดูอะไรสวยๆ ขาวๆ อวบๆ ที่มันเจริญหูเจริญตาหน่อย แถวนี้มีแต่มลพิษทางสายตา” ทายาทคนเล็กไม่วายเหน็บเลขาฯ สาวของบิดา ก่อนจะหันไปเอ่ยลาพี่ๆ และทนายเอ็ดการ์ด
ส่วนช่อทับทิมนั่งตัวตรงเชิดหน้า ท่าทางของเธอราวกับนางพญาที่ไม่สนใจคำพูดเสียดสีของอีกฝ่ายให้ระคายหู
“ถ้าอย่างนั้นผมก็ขอตัวด้วยเช่นกัน ผมมีผ่าตัดเคสพิเศษสองทุ่ม คิดว่าจะไปนอนงีบเอาแรงสักหน่อย” ทริบเฟนลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก่อนจะก้าวออกไปอย่างรีบร้อน เขาไม่ชอบอยู่ที่คฤหาสน์ทริสตันนานนัก นั่นเพราะว่าที่นี่เต็มไปด้วยความทรงจำเกี่ยวกับผู้หญิงแพศยาที่เขาแสนชิงชัง
“ดิฉันขอตัวเลยนะคะท่านประธานคุนไซต์ คุณทนายเอ็ดการ์ด” ช่อทับทิมเอ่ยขอตัว ก่อนจะเดินตามทริบเฟนออกไป
พี่ชายคนโตทำท่าจะขยับตัวลุกขึ้น ทว่าทนายเอ็ดการ์ดกลับส่งเอกสารซองสีน้ำตาลให้เสียก่อน
“อะไรหรือครับคุณเอ็ดการ์ด” คุนไซต์ขมวดคิ้วมุ่นด้วยความสงสัย
“ผมให้คนตามสืบเรื่องที่ดินบนเกาะร้อยรัก เผื่อว่าข้อมูลเหล่านี้จะเป็นประโยชน์แก่คุณบ้าง” เอ็ดการ์ดพูดขึ้นอย่างใจดี ทั้งที่ความจริงแล้วนี่เป็นอีกหนึ่งแผนการที่เขาได้รับมอบหมายจากบานเนอร์
“ที่ดินครึ่งหนึ่งของเกาะร้อยรักมันจะไปยากอะไรล่ะครับคุณเอ็ดการ์ด ในเมื่อที่ดินเหล่านั้นเป็นของคุณแม่ของผม ผมเป็นลูกก็ต้องได้สืบทอดทรัพย์สมบัติของท่านอยู่แล้วไม่ว่าจะช้าหรือเร็ว” คุนไซต์พูดขึ้นอย่างมั่นใจ เขาเชื่อว่าภารกิจที่บิดามอบหมายให้แก่เขานั้นง่ายแสนง่ายราวกับปอกกล้วยเข้าปาก ไม่ต้องฝืนใจอย่างทริบเฟน และไม่ต้องใช้ความอดทนอดกลั้นอย่างฮิดเดนไนต์
“เกรงว่าจะไม่เป็นเช่นนั้นน่ะสิครับ”
“คุณเอ็ดการ์ดหมายความว่ายังไง”
“ลองดูในเอกสารที่ผมมอบให้คุณสิครับ แล้วคุณจะเข้าใจว่าผมต้องการจะบอกอะไร ผมขอตัวก่อนนะครับ เย็นนี้มีนัดรับประทานดินเนอร์กับภรรยา” เอ็ดการ์ดยิ้มกว้างจนแก้มแทบปริ เวลาเขายิ้มหนวดสีขาวๆ ของเขาก็จะพลอยขยับไปด้วยทุกครั้ง ลูกของคนสวนในคฤหาสน์มักเรียกเขาว่า ‘คุณลุงซานต้า’ อยู่เสมอๆ
เมื่อทนายสูงวัยออกไปแล้ว คุนไซต์จึงเปิดซองเอกสารออกอ่าน ด้านในระบุไว้ว่ามารดาของเขาได้มอบทรัพย์สินทั้งหมดของท่านให้กับบุตรสาวบุญธรรมที่มีชื่อว่า ‘พลอยใส’ ดังนั้นที่ดินบนเกาะร้อยรักจึงเป็นของพลอยใส หาใช่ของมารดาอย่างที่ชายหนุ่มเข้าใจ
คุนไซต์นิ่งอึ้งไปหลายอึดใจ ก่อนจะสบถออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ “สรุปว่านี่ไม่ใช่เรื่องกล้วยๆ แล้วสินะ ว่าแต่พลอยใสเป็นใคร” ชายหนุ่มครุ่นคิด ก่อนจะด่วนสรุปว่าผู้หญิงที่ชื่อพลอยใสคงเป็นผู้หญิงบนเกาะนั้น เธอคงแกล้งมาทำดีกับหญิงสูงวัยที่อาศัยอยู่เพียงลำพัง เพื่อล่อหลอกเอาสมบัติไปจนหมด
“ร้ายมาก ฉันนี่แหละจะเปิดโปงแผนชั่วร้ายของผู้หญิงละโมบอย่างเธอ เธอจะไม่ได้อะไรจากคุณแม่ของฉันแม้แต่บาทเดียว” ชายหนุ่มกัดฟันกรอดคิดอย่างหมายมาด แหวกซองสีน้ำตาลดู หมายใจว่าจะได้เห็นรูปถ่ายของผู้หญิงที่ชื่อพลอยใส แต่กลับไม่มี
“ฉันจะไปดูหน้าเธอที่เกาะร้อยรักให้เร็วที่สุด แล้วเจอกันพลอยใส!”