“เฮ้อ มาอยู่นี่ก็ไปเที่ยวไม่ได้แล้วสิ...ทำอะไรดี ไปช่วยป้าจันทร์ทำงานดีกว่าไหม”
ทางด้านพริมา เธอไม่ค่อยชอบที่จะมาอยู่กับคนเป็นป้าเพราะเหมือนเข้ามาอยู่ในกรงขังมากกว่าเพราะจะทำอะไรจะไปไหนก็ถูกควบคุมทุกอย่าง ด้วยป้าของเธอค่อนข้างหัวโบราณเพราะทำงานกับตระกูลผู้ดีนี่มาตั้งแต่เป็นสาว ถ้าครั้งนี้เธอไม่มีข้อแลกเปลี่ยนกับบิดามารดาของเธอ เธอคงไม่ยอมมาอยู่กับป้าของเธอที่นี่เด็ดขาด
“กี่ปีๆก็ยังเหมือนเดิม บ้านอะไรไม่คิดจะเปลี่ยนไปเลยสักนิด...”
พอเดินออกมาสำรวจไปรอบๆ พริมาอดนึกสงสัยไม่ได้ เพราะเธอจำได้ว่าตอนเธอมาหายายของเธอครั้งล่าสุดนั้นกับตอนนี้ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลยสักอย่าง
พลั๊ก!
“ว๊าย! เอ่อ ขอโทษค่ะ...”
เธอมัวแต่เดินมองสำรวจจนไม่ทันได้ระวังตัว ชนเข้ากับร่างสูงใหญ่ยืนจังก้าราวหินผาแทบไม่สั่นสะเทือนเลยสักนิด
“แม่บ้านเหรอ? คุณไม่รู้เหรอว่าไม่ควรเดินไปมั่วแบบนี้”
เสียงอันนิ่งเรียบเหมือนจะไม่พอใจพูดขึ้น เขาแทบไม่มองเธอเลยสักนิดเมื่อเอาแต่ยืนเชิดหน้ามองตรง
“เอ่อ เปล่าค่ะ...ขอโทษนะคะ”
พริมารีบเอ่ยขอโทษก่อนจะเดินเลี่ยงออกไป เพราะเธอนั้นกลัวคาลวินตั้งแต่เด็กๆแล้ว ส่วนคาลวิน พอเธอเดินออกไปเขาเลยเบี่ยงตามามอง และพอเห็นเขาถึงกับเบิกตากว้างอย่างไม่พอใจ เมื่อการแต่งตัวของเธอนั้นมันดูไม่เหมาะสมเป็นอย่างมาก กางเกงขาส้นจู๋กับเสื้อตัวแค่นั้น หรือเขาหละหลวมเกินไปเลยพากันแต่งตัวยังไงก็ได้แบบนี้
“ป้าจันทร์ครับ ผมขอคุยด้วยหน่อยได้ไหม”
“คะ? ได้สิคะคุณคาล”
ป้าจันทร์ฉายรีบเดินตามเจ้านายหนุ่มออกไปทางด้านหลังบ้านอย่างนึกแปลกใจ เมื่อดูสีหน้าของเขาเคร่งเครียดผิดปกติ
“มีเรื่องอะไรรึเปล่าคะ?”
ป้าจันทร์ฉายถามออกมา
“ผมคิดว่าผมคงหละหลวมเกินไป เรื่องการแต่งตัวของพนักงานทำความสะอาด ต่อไปนี้ถ้าไม่ใส่ยูนิฟอร์มห้ามเข้ามาในบ้านนี้เด็ดขาด แล้วผมไม่อนุญาตให้เดินสำรวจไปทั่วด้วย”
พอได้ยินป้าจันทร์ฉายถึงกับไปไม่เป็น เพราะปกติเธอก็ค่อนข้างเข้มงวดเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว กฎระเบียบต่างๆบริษัททำความสะอาดก็รู้และทำตามอย่างเคร่งครัด
“เดี๋ยวป้าจะลองดูอีกทีนะคะ”
“อย่าให้ผมเห็นอีก ถ้าไม่อย่างนั้นผมจะเปลี่ยนบริษัททำความสะอาด”
“ค่ะ”
พอสั่งเสร็จร่างสูงใหญ่ก็เดินกลับออกไปทันที ทำเอาป้าจันทร์ฉายที่ยังสับสนได้แต่มองตามอย่างไม่เข้าใจ เพราะปกติแล้วบริษัทพวกนี้ก็มีกฎระเบียบค่อนข้างเคร่งครัดอยู่แล้วเรื่องการแต่งกาย
“อ่าว มาทำไม ป้าบอกให้พักผ่อนอยู่ในห้อง”
“ก็มันเบื่อนี่คะ พริมอยากช่วยงาน ไหนคะ ต้องทำตรงไหนบ้างบอกมาได้เลย พริมจะช่วยเต็มที่ค่ะ”
พริมาที่เดินมาเจอป้าจันทร์ฉายรีบอาสา เมื่อออกไปไหนก็ไม่ได้เลยต้องหางานทำแทน
“วันนี้มีบริษัททำความสะอาดมา ไม่ต้องทำอะไรแค่เดินตรวจความเรียบร้อย อยากลองไหมล่ะเดี๋ยวเดินตามป้ามา”
และป้าจันทร์ฉายก็พาพริมาเดินไปตรวจงานตามจุดต่างๆ ซึ่งจะมีการเข้ามาทำความสะอาดแค่อาทิตย์ละครั้ง บางทีก็สองครั้ง แล้วแต่ความสกปรกที่เกิดขึ้น ซึ่งส่วนมาก็แค่ฝุ่นเล็กๆน้อยๆ ถ้าไม่เกินไปป้าจันทร์ฉายก็จะจัดการเองบ้าง เมื่อยังไงนอกจากทำอาหารให้คาลวินเธอก็ไม่ได้ทำอะไรหนักเกินกำลังเลย จนกระทั่งเย็น เธอก็พาพริมาไปสวัสดีคาลวินเมื่อเขาจะต้องลงมาทานอาหารเย็นตอนหกโมงเย็นของทุกวัน
“ป้าต้องมายืนรอนานขนาดนี้เลยเหรอ ทำไมไม่วางไว้แล้วค่อยมาเก็บตอนเขากินเสร็จละ”
“อย่าพูดมาก มันเป็นหน้าที่ นั่น คุณคาลมาแล้วสงบปากสงบคำด้วยล่ะ เข้าใจไหม?”
“จ้าาา”
พริมามองร่างสูงที่กำลังเดินลงมา เธอยอมรับเลยว่าไม่เคยเห็นผู้ชายคนไหนที่เพอร์เฟคตั้งแต่หัวจรดเท้าได้เท่าคาลวินมาก่อน ทั้งหน้าตาคมคายด้วยมีเชื้อชาวต่างชาติ จมูกโด่งเป็นสันรับกับปากหยักสีแดงอย่างน่าอิจฉา เสียอย่างเดียวเขาไม่เคยยิ้มเลยสักครั้ง
“เอ่อ คุณคาลคะ นี่พริมหลานสาวของป้าค่ะ”
“สวัสดีค่ะ...”
ป้าจันทร์ฉายรีบแนะนำออกมา เมื่อเคยเกริ่นกับเขาไปแล้วเมื่อวันก่อน ส่วนคาลวิน พอเห็นหลานสาวของป้าจันทร์คือคนเดียวกันกับที่เขาเจอที่สวน เขาถึงกับสตั๊นไปทันทีเพราะดันคิดว่าเธอคือพนักงานของบริษัททำความสะอาดจนไปโวยวายใส่ป้าจันทร์ฉายใหญ่โต
ขี้เก๊กเกินเบอร์ไม่เปลี่ยน ชิส์!
พริมาคิดขึ้นเมื่อเห็นท่าทางไม่สนใจของเขา ก่อนคาลวินจะเดินมานั่งประจำที่โดยมีสองป้าหลานยืนอยู่ไม่ไกล
“ถ้าเกิดคุณคาลมีอะไรก็ใช้งานพริมได้เลยนะคะ แกจะมาช่วยงานป้าด้วย”
“คงไม่จำเป็นหรอก ให้เช็ดๆถูๆบ้านไปก็พอครับ”
คาลวินบอกขึ้นเมื่อเขารู้สึกไม่พอใจกับเด็กสาวคนนี้เหลือเกินหน้าตาก็ดีแต่กลับแต่งตัวไม่มีกาลเทศะเลยสักนิด
จะถูให้ลื่นหัวแตกเลยคอยดู! คนอะไรหน้าตาก็ดีแต่นิสัยไม่ดีสักนิด
พริมาได้แต่ต่อว่าเขาในใจ เมื่อยังไงเขาก็เป็นเจ้านายของป้าเธอ หลังจากวันนี้คงไม่ได้เจอกันบ่อยเท่าไหร่เพราะปกติแล้วคาลวินจะไปทำงาน จะเจอก็คงตอนเย็น ไม่ก็เช้า
“พรุ่งนี้เช้าผมไม่ทานข้าวนะครับ”
“ค่ะ”
คาลวินบอกขึ้นพร้อมกับวางช้อนลง ก่อนจะลุกเดินออกไป
“คนอะไร หน้าตาก็ดีแต่ทำตัวไม่ดีเลยนะคะ อุ๊ย! เจ็บนะป้า”
“อย่านินทาเจ้านาย”
“ก็มันจริงนี่คะ รู้อยู่ว่าเป็นเจ้านาย ไม่เห็นต้องวางท่าขนาดนั้น เราก็คนเหมือนกัน”
“ยังไม่เงียบอีก!”
“....................”
พริมาที่ยืนทนมานานพูดขึ้น ทำเอาป้าจันทร์ฉายต้องรีบปราม เมื่อเป็นการเสียมารยาทที่นินทาเจ้านายแบบนี้โดยไม่รู้เลยว่าคาลวินที่กำลังเดินกลับมาเพื่อบอกว่าอยากกินอะไรในตอนเช้าถึงกับหยุดชะงักเมื่อได้ยินเต็มสองรูหู
เด็กคนนี้นี่มัน...
และเขาก็เก็บความขุ่นเคืองใจเอาไว้ก่อนจะเดินกลับขึ้นชั้นสอง พอมาถึงห้อง คาลวินก็ยืนมองตัวเองอยู่หน้ากระจกเมื่อคำพูดของพริมาทำให้เขาไม่พอใจจนต้องมามองดูตัวเองแบบนี้
“ก็ปกติดีนี่ วางท่ายังไงกัน...แล้วฉันไปทำอะไรให้เธอมาบอกว่าฉันไม่ดี...”
คนที่คิดว่าตัวเองเพียบพร้อมแทบไม่มีส่วนไหนที่ให้คนอื่นติเตียนได้กลับเริ่มไม่มั่นใจเพียงเพราะคำพูดของเด็กสาวที่เขาเองก็รู้สึกไม่ชอบเธอ
“ไร้สาระจริงๆ”
“ห้องนี้เหรอ?...แล้วพี่นารีไปไหนแล้ว ตั้งแต่มาหนูยังไม่เห็นเลย”
“นารีแต่งงานแล้วย้ายไปอยู่เชียงรายได้ปีกว่าๆแล้ว แกนอนนั่นแหละจะได้มีเวลาอ่านหนังสือ ถ้าเบื่อก็ค่อยออกไปช่วยงานป้าข้างนอก”
ป้าจันทร์ฉายบอกขึ้น ก่อนจะเดินเข้าห้องนอนของตัวเองไป เมื่ออันที่จริงเธอมีผู้ช่วยอีกคนชื่อนารี แต่พึ่งขอลาออกไป ตอนนี้กำลังมองหาคนใหม่แต่คาลวินก็เรื่องมากจนเธอคิดว่าอยู่คนเดียวก็ได้
ส่วนพริมา เธอเปิดกระเป๋าที่เอามาด้วยออกมาแล้วหยิบคอมพิวเตอร์ แล็ปท็อปและของจำเป็นต่างๆออกมา เมื่ออีกแค่ปีเดียวเธอจะจบปี 4 แล้ว เรียนก็หนักขึ้นเรื่อยๆเลยต้องขยันอ่านหนังสือสักหน่อย
ถึงจะชอบเที่ยวแต่ผลการเรียนของเธอกลับเป็นที่ 1 ของชั้นปี เมื่อเธอแทบไม่ปล่อยเวลาให้สูญเปล่าเอาแต่หาความรู้ใส่ตัว หลังจากเที่ยวทั้งคืนเธอก็มักจะกลับมาอ่านหนังสือต่อจนเช้าแทบทุกครั้ง