Intro…
ร่างสูงใหญ่ ดูภูมิฐาน หน้าตาอันหล่อเหลาดูสง่างามราวกับภาพวาด กำลังยืนมองไปที่แม่น้ำอันเงียบสงบเมื่อพึ่งเสร็จพิธีลอยอังคารและเรือเฟอรี่คันหรูกำลังวิ่งกลับเข้าฝั่ง หน้าตาของเขาไม่ได้บ่งบอกถึงความเศร้าโศกหรือเสียใจเมื่อภรรยาพึ่งจากโลกใบนี้ไปเพียงไม่กี่วันแท้ๆ
หม่อมหลวงคาลวิน วชิรวงศา ลูกครึ่งไทย-สเปน หล่อเหลาราวเทพบุตรแต่เย็นชายิ่งกว่าน้ำแข็งขั้วโลกเมื่อเกิดมาพร้อมหน้าที่และความรับผิดชอบอันมากมายเพราะเขาเป็นหลานชายคนเดียวของ หม่อมหลวงปุ้ย วชิรวงศา ผู้มั่งคั่งร่ำรวยและเป็นที่รู้จักในวงสังคม เขาถูกฝึกฝนทั้งกิริยามารยาทมาอย่างดีเยี่ยมต่างจากหน้าตาที่ค่อนข้างเอนเอียงไปทางมารดาชาวสเปนด้วยผมสีบรอนด์ทองและตาสีเดียวกันทำให้เขาดูน่าหลงใหล
“ถึงแล้วค่ะ คุณจะไม่ลงไปกับเราเหรอคะ?”
รสา พี่สาวของภรรยาผู้ล่วงลับของเขาเดินมาบอกเมื่อเรือจอดสนิทแล้วแต่คาลวินยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม ก่อนเขาจะเดินลงจากเรือโดยไม่พูดอะไรออกมาเลยสักคำ
“ฮือๆๆ ฉันสงสารลูกจังเลยค่ะคุณ เราไม่น่าให้ลูกแต่งงานกับเขาเลย ฮือๆๆ”
“หยุดร้องไห้ได้แล้วคุณ...ถือซะว่าลูกเราไปสบายแล้ว”
สองสามีภรรยาที่เห็นความเฉยชาของลูกเขยได้แต่มองตามไปด้วยสายตาแห่งความเสียใจ เพราะถ้าเกิดไม่จนตรอกจริงๆคงไม่ยอมให้ นาริน ลูกสาวคนเล็กผู้มีร่างกายอ่อนแอตั้งแต่กำเนิดได้แต่งงานกับชายผู้ไร้หัวใจอย่างคาลวินเด็ดขาด
“คุณท่านให้เข้าไปหาครับ”
“อืม”
พอเดินมาถึงรถ คนขับรถก็รายงานออกมา ก่อนที่คาลวินจะตอบรับแล้วขึ้นไปนั่งด้วยท่าทางสง่างามตามที่ถูกสอนมาทั้งชีวิต
“มาแล้วเหรอ นั่งลงก่อนสิ”
เสียงแหบแห้งอันแผ่วเบาของคนเป็นย่าบอกขึ้นก่อนจะวางหนังสือในมือลงแล้วหันมามองหลานชายคนเดียวด้วยสายตาชื่นชม
“คุณย่ามีอะไรรึเปล่าครับถึงเรียกผมมา”
คนเป็นย่าได้แต่มองลอดแว่นเพื่อพิจารณาท่าทางอันนิ่งเฉยไม่บ่งบอกความรู้สึกใดใดออกมาเลยสักนิดทั้งๆพึ่งสูญเสียภรรยาไปแท้ๆ นานเท่าไหร่แล้วที่เธอไม่เคยเห็นน้ำตาและความอ่อนแอของหลานชาย...ก็คงตั้งแต่ที่คาลวินต้องสูญเสียบิดามารดาจากอุบัติเหตุเครื่องบินตกเมื่อ 20 ปีก่อน
“งานเสร็จเรียบร้อยใช่ไหม?”
“ครับ”
อันที่จริงที่เธอเรียกหลานชายมาที่นี่ก็เพื่อจะดูปฏิกิริยาท่าทางของเขา แต่พอได้เห็นก็ต้องรู้สึกหนักใจต่อไป เมื่อคาลวินยังคงดูไร้อารมณ์ไร้ความรู้สึก ต่างจากตอนเด็กๆที่เขาทั้งน่ารัก หัวเราะได้ทั้งวันจนทั้งบ้านสดใส อาจเป็นความผิดของเธอที่อยู่ในความเศร้าโศกจากการสูญเสียลูกชายและลูกสะใภ้นานเกินไป และด้วยความสูญเสียนั้นทำให้เธอเอาแต่ฝึกฝนและสั่งสอนจนเขากลายมาเป็นแบบทุกวันนี้ ถ้าย้อนเวลากลับไปได้เธอจะปล่อยให้เขาได้เติบโตตามแบบที่เขาต้องการไม่ใช่ในแบบที่เธอต้องการอย่างแน่นอน
“อยู่ทานข้าวกับย่าก่อนค่อยกลับนะ”
“ครับ”
และการสนทนาก็จบลงเพียงเท่านั้น ความห่างเหินค่อยๆมากขึ้นตามกาลเวลา เมื่อคาลวินไม่เคยปฏิเสธในสิ่งที่คนเป็นย่าต้องการเลยสักครั้ง